สรุปเนื้อเรื่อง Path To Nowhere: N5-N6 Shattered Blade

คำเตือน


เนื้อหาเหล่านี้มีการ Spoil เนื้อเรื่อง Shattered Blade ทั้งหมด และมีการใส่สีตีไข่ตรงช่วงเพิ่มเติมโดยทีมผู้เขียน อาจจะถูกเปลี่ยนแปลงทฤษฎีเนื้อหาตอนนี้ได้ทุกเมื่อในอนาคต และเนื้อหาบางส่วนที่ขาดในเซิฟ Global ทีมงานที่เล่นเซิฟจีนใส่รายละเอียดเพิ่มลงในส่วนนี้บ้าง

เนื้อเรื่อง Event เป็นเพียงแค่เรื่องสมมุติ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวความเป็นจริง โปรดใช้วิจารณญาณการอ่านเพื่อความบันเทิง อรรถรสส่วนตัวเพียงเท่านั้น

เทียบภาษา : EN(100%) | KR(100%) | JP(40%) | CN(100%)

0:35 ━❍──────── 4:39
     ↻ ⊲ Ⅱ ⊳ ↺

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

คำศัพท์เฉพาะบทนี้ สำหรับผู้เล่นใหม่ที่ยังไม่เข้าใจ

-Paradeisos คือพื้นที่พิเศษใน DisCity แต่จะถูกพูดถึงในเชิงองค์กรที่ถูกสร้างโดย EDGE 
-Eastside คือฝั่งตะวันออกของ DisCity เป็นพื้นที่ที่พัฒนาแล้ว มีแต่คนชนชั้นสูงหรือมีเงิน แสงสีเสียง เทคโนโลยีต่างๆ
-Syndicate (ฝั่งตะวันตก) คือพื้นที่ฝั่งตะวันตกของ DisCity เป็นพื้นที่ทำเหมือง คนอพยพ แก๊งอันตพาลเยอะ 
-9th Agency คือหน่วยงานข่าวกรองและข้อมูลของ DisCity มีอำนาจเทียบเท่า FAC มี Langley เป็นหัวหน้าหน่วยงาน
-FAC คือกองทัพทหารของ DisCity ที่ขึ้นตรงกับ Paradeisos เน้นไปที่การป้องกันภัยจากมาเนียและ Black Ring
-Outland คือทุกพื้นที่ที่อยู่นอก DisCity 
-WhiteSands คือพื้นที่ทะเลทรายรอบๆ DisCity
-Farland คือ พันธมิตรขนาดใหญ่ที่รวบรวมเมืองเล็กๆที่อยู่นอก DisCity เอาไว้
-Fraser คือเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดรองจาก DisCity มีอำนาจมากที่สุดในพันธมิตร Farland พยายามเข้ามาเจรจาทำการค้ากับ DisCity อยู่
-Tide of Ashes คือภัยเหนือธรรมชาติที่ปกคลุมพื้นที่ WhiteSands ส่วนมากเป็นพายุทรายที่พยายามเข้าหา DisCity มักจะมีสิ่งมีชีวิตที่บิดเบี้ยวเหนือมนุษย์ (อีกชื่อคือ Apostle of Ashes) อยู่ด้านใน 
-อารัม หรือชื่อเต็มๆคือ Aurum Secretum คือชื่อเทคโนโลยีชนิดใหม่จาก Fraser เป็นเหล็ก มากมายคุณสมบัติขึ้นอยู่กับว่าใช้กับอะไรหรือทำอะไร ที่เด่นตอนนี้คือ ใช้ต่อต้านกำจัดมาเนีย ทดแทน Hypercube ได้ระดับหนึ่ง
-Discoprs คือกองทัพทหารที่เกี่ยวข้องทางการเมืองในยุคสงครามประกาศอิสรภาพของ DisCity ในช่วงปี N.F.62 เรียกได้ว่าเป็นกองทัพเก่าของ DisCity
-Euphoria ชื่อสถานที่บันเทิงลับ(อีเว้นต์ Milly) และเป็นปฏิบัติการล่าสุดของ chief ที่เข้าไปจัดการ
-the Rust คือแม่น้ำที่ไหลเข้า DisSea แยกฝั่ง Syndicate กับ Eastside ออกจากกัน
-DisSea คือทะเลสาบใน DisCity ที่เกิดขึ้นเพราะอุกกาบาตชน กลายเป็น BR-000 ในทุกวันนี้
-BR-005 ตัวอักษรย่อของ Black Ring หมายเลข 5 

รายละเอียดก่อนเข้าเนื้อหา

-Augustus ก็คือ Catherine คนเดียวกัน และมีชื่อเต็มๆว่า Catherine Augustus Andohar ชอบให้เรียก Augustus ตอนทำงานทางการ เวลาอื่นคือ Catherine ส่วนในเนื้อเรื่องที่เขียนขอเรียก Augustus ทั้งหมด
-เนื้อเรื่องต่อจากอีเว้นต์ Synex ทันที (ก่อนหน้านั้นมี Korryn / Hypatia / N3-N4 / Milly )
-Chief มีอาการปนเปื้อนมาเนีย BR-005 สามารถไปอ่านรายละเอียดได้ที่สรุปเนื้อเรื่อง N3-N4
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
            ความสงบสุขอยู่ได้ไม่นาน ปี N.F.114 เดือนพฤศจิกายน สายลับ Jelena ได้รอบสังหารนักการเมือง ทำให้การเลือกตั้งวุ่นวาย ต่อมาปี N.F.115 ได้มีปัญหาในเดือนมิถุนายน และไม่ช้า ในเวลาวันที่ 25 เดือนเดียวกับที่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น เหล่า EDGE ได้ตรวจจับเจอ BR-005 พื้นที่ต่างแดน ข้อมูลที่ได้รับมาก็น้อยมาก BR-005 ขยับเคลื่อนไหวเรื่อยๆ ทำให้ไม่ทราบตำแหน่งพิกัดที่แน่ชัด

            ต้นเดือนกรกฎาคม กองทัพ DisCorps ได้ไปบุก Euphoria ณ น่านน้ำสากลได้ข้อมูลสงครามจาก Farlands ที่จะบุกโจมตี ทำให้ความสัมพันธ์ทั้งคู่แตกหักทันที ปะทุกลายเป็นสงคราม ตามในสัญญาแล้ว ห้ามใช้ความรุนแรงจนถึงปี 117 แต่ความร้อนแรงเหตุการ์ณนี้คงจะไม่มีผลไปเสียแล้ว

เพิ่มเติม
-จุดเริ่มต้นการปะทะทั้งหมด เริ่มต้นช่วง N1-N2 เป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับ Jelena 
-Euphoria ที่กล่าวเป็นเนื้อเรื่อง Event Honeyed Night ที่เรารู้จักกันก็เป็นอีเว้นของ Milly
*รูปจาก Event Honeyed Night(Milly)

            ณ เวลาปัจจุบัน ทหารนายหนึ่งกำลังคุยว่าการทูตทั้งสองเมืองนี้ไม่ดีเอาซะเลย Farland อยากให้สองเมืองใจเย็นเป็นสงครามเย็นไปก่อนอย่าเพิ่งออกอาวุธ เป็นสงครามเย็นไปก่อน Farland อยากให้ทั้งเมืองนี้กลับมาดีกันดั่งเดิม แต่ประเทศต่างๆตั้งแต่พวกทหาร Discorps ไปบุก Euphoria ทุกคนก็มอง DisCity แย่แล้ว ในนาทีนั้น Siglinde จะเข้ามาคุย เธอเป็นหน่วยประสานงานอายุน้อย มาขอเอาวิทยุอุปกรณ์การติดต่อสื่อสารคืนจาก Scarface 

เพิ่มเติม
-ทุกคนมอง Discorps เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่หิวกระหายสงครามจนตัวสั่น ทำให้ทหารกลุ่มนี้มีภาพลักษณ์แย่มากๆในสายตาคนปกติทั่วไป
-Discorpsเป็นกลุ่มทหารที่ใช้อาวุธมาเนีย


            วันที่ 25 เดือนกรกฎาคม N.F. 115 เวลา 10:02 473 กิโลเมตรห่างจาก DisCity ออกมา ใจกลาง Whitesands มีพายุ Apostle โหมกระหน่ำ ภายใต้เงาพายุที่วุ่นวาย มีกองทัพเล็กๆราวกับเงาพวกผีสาง แต่ความจริงแล้วคือเหล่า DisCorps ที่กำลังเนียนเดินทางไปกับกลุ่ม Apostle of Ashes มีสายติดต่อมาจาก MBCC เน้นย้ำข้อความว่า ‘อยากคุยกับไอ้หัวเหล็กหน่อย’ ท่าทางของ Uris ดูไม่ค่อยเต็มใจที่จะคุย

เพิ่มเติม
-ทหารในกองหัวรั้นห้าวมาก ควบคุมยากหน่อย แต่แค่เอ่ยพูดชื่อ Augustus ทุกคนในทัพที่กำลังลิงออกก็กลายเป็นเด็กดีได้
-Uris คือนามของชายใส่หน้ากาก ถูกเรียกโดย Siglinde
-Uris เคยปะทะกับ Jasmine ในเนื้อเรื่อง N3-N4
-Uris ไม่ยอมรับตัว Chief แม้แต่น้อย อารมณ์เหมือนเด็กเส้นมาเป็นทหารยศสูงกว่าได้

   
            ภาพในโทรศัพท์ที่ฉายภาพ Chief ในชุดทหาร Discorps ยิ่งทำให้ Uris มีท่าทีที่ไม่ชอบขี้หน้ามากกว่าเดิมเสียอีก แต่จะโทษ Chief ก็ไม่ได้เพราะคนจับใส่ก็เป็นนายพล Augustus นี่แหละ Uris จะทำความเคารพ Chief แบบแข็งทื่อมาก ก่อนจะเริ่มรายงานสถานการณ์ ว่ามีพายุ Apostle of Ashes ที่ผิดปกติเกิดขึ้น มีอย่างน้อย 3 ลูก และมีการเคลื่อนไหวของโจรทะเลทราย มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก มีทหารพร้อมบุกประจัญบานเข้าไปในนั้น มี 18 นายพร้อมเข้าประจำการ 50 นายอยู่รอบนอก และภายใน 50 ในนั้น มี 32 นายที่มีปืนต่อต้านมาเนียได้ กองกำลังดาบร้าวที่ 8 กำลังเดินทางไปทิศตะวันออกเฉียงเหนืออีก 37 กิโลเมตร

ก่อนที่จะเริ่มดำแนินแผนการ Uris เหน็บแนมนิดนึง ว่านายพล Augustus โม้เกี่ยวกับ Chief ไว้เยอะมาก เรื่องนั้นเป็นประเด็นที่ Chief ไม่สนใจ เปลี่ยนกลับเข้าเรื่องว่า มีโอกาสที่ศัตรูจะตรวจจับเราได้ไหม เขาจะตอบว่าไม่ ด้วยเหตุนี้ Chief เลยสั่งให้กองกำลังดาบร้าวที่ 3 หยุดรอกอง 8 เข้าประจำที่ก่อน อยากเก็บข้อมูลให้มากที่สุด หากมีอะไรเกิดขึ้นก็โจมตีเลย กวาดให้เรียบ

เพิ่มเติม
-กองกำลังดาบร้าว มีชื่อว่า Broken Blade แต่ขอเรียกว่า  กองกำลังดาบร้าว 
-Chief ใช้วิทยุของกองดาบร้าวที่ 3
-กองดาบร้าวที่ 3 มี Uris Siglinde แพทย์สนาม Scarface พันโท ตัวตึงเปรี๊ยะทั้งนั้น

         
            เมื่อเข้าสู่สนามรบ ตัว Chief ในเกมเพลย์จะเป็นโฮโลแกรม เพราะว่าตัว Chief ดูผ่านหน้าจอตอนสู้ เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เห็นศัตรูบ้าง ไม่เห็นบ้าง Siglinde จะถามว่าอยากให้ประสานงานแผนรบยังไงบ้าง? แน่นอนว่าต้องการหาพิกัดของอุปกรณ์เครื่องมืออารัมที่กำลังควบคุมสนามรบมาเนียในนี้

เพิ่มเติม
-กองดาบร้าวที่ 3 สามารถใช้อาวุธยิงทำลายอารัม ได้ พลังที่ใช้ คืออารมณ์ความโกธมาเป็นพลังในการทำลายล้าง
-กลยุทธต่อสู้ด่านนี้แล้ว ตามหลักเหมือนเหล่าทหารฝ่าวงล้อมตีเข้าชั้นในเพิ่มไปทำลายอาวุธอารัม


            การต่อสู้ได้รับชัยชนะ พวกทหารจะฮึกเหิม พันโทจะส่งทหารสามนายไปเก็บกวาดศพ หน่วยลาดตระเวนที่ 67B ไปจุดไฟให้สัญญาณว่าจุดนี้โอเคแล้ว เราเริ่มได้เปรียบในตอนนี้ หลังสู้เสร็จพายุทรายก็สลายหายไปจากสนามรบ ทำให้พบพิกัดแหล่งจุดที่แน่ชัด ทีมทำความสะอาดส่งภาพไลฟ์สดให้ดู และได้พบอุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง เป็นส่วนประกอบที่เราระบุให้ทำลายทิ้ง แพทย์สนามบอกว่าทำลายไปเรียบร้อย ทิศทางพายุทรายกำลังมุ่งหน้าไปที่ป้อมของ FAC แพทย์สนามจะไลฟ์ภาพให้ดูชิ้นส่วนอารัมชิ้นนี้ ซึ่งมันดูแตกต่างกว่าชิ้นอื่นๆมาก ภายในอุปกรณ์นี้ดูเป็นรูอะไรสักอย่าง ขนาด Chief เห็นยังรู้สึกสะอิดสะเอียน อาจจะเป็นเพราะการติดเชื้อมาเนียพิเศษ น่าจะมาจาก BR-005 เลยออกคำสั่งให้เอากลับมา

            แพทย์สนามรับคำสั่งจะนำกลับไปให้ได้ แต่จะตรวจสอบด้วยตัวเองจริงๆเหรอ? เพราะ Chief ตอนนี้สุขภาพแย่มาก อุปกรณ์ชิ้นนี้อันตรายเกินไป ทีมของเธอตรวจสอบแทนให้ได้ คนหัวดื้ออย่าง Chief รั้นอยู่แล้วว่าจะตรวจสอบด้วยตนเอง

เพิ่มเติม
-จากเนื้อเรื่อง N3-N4 และพ่วงลากยาวอีเว้น Honeyed Night(Milly) Chief ยังอาการแย่ แถมยังไม่ได้พักฟื้นตัวดีเลย(หลัง Milly มีคนนึงหัวน้ำเงินตาแดงมีแผล(Ceto)พากันอดข้าวอดน้ำหนักหน่วงไม่ได้นอนอีก)


            จังหวะนั้นเอง จู่ๆ Chief เริ่มร้องด้วยความเจ็บปวด Hecate รีบวิ่งมาจับ แต่หน้าเราเริ่มล้มลงโต๊ะ เสียงกรีดร้องดังกึกก้องในหัวราวกับว่ากำลังเป็นคนที่จมดิ่งลงน้ำลึก อึดอัดไปทั้งตัวและความคิด Chief พยายามประคองสติและร่างกายเดินหน้าหนึ่งก้าว แต่การก้าวก็เหมือนเดินเข้าสู่ความมืดที่แท้จริง Chief ได้สลบวูบไป

            ในความมืดมิด ดูโดดเดี่ยว ราวกับเป็นคุกกักขัง แต่ก็มีไออุ่นกอดอยู่ จู่ๆมีภาพเลือนลางมีเสียงของ Hella ที่คุ้นเคย Hella เล่าเรื่องการผจญภัยที่ผ่านมาอย่างสนุกสนาน มีสถานที่สุดยอดเยอะแยะมากมาย Chief คงจำไม่ได้แล้วสินะ ตอนนี้ Hella กับท่อแป๊ปแข็งแกร่งสุดๆ น่าเศร้าสติของ Chief ที่อ่อนแอจำไม่ได้เลย ว่าเสียงผู้นี้เป็นใคร แต่ยิ่งได้ยิน น้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก

            เสียงสุดท้ายที่ดังบอกว่าตอนนี้เธออยู่ตัวคนเดียว น่ากลัว เธอจะมาช่วยตอนไหน



            ภาพที่เลือนลางเริ่มชัดเจนจน Chief จำได้แล้วว่านี่คือ Hella เลยพยายามใช้ Shackles พลังตอนนี้ปนเปื้อนจนเกือบจะกลายเป็นสีดำสนิท จากปกติที่พลังนี้ต้องเป็นสีแดง ทำให้สะดุ้งตื่นขึ้น หายใจโรยริน สายตาค่อยๆโฟกัสทุกอย่างภายในห้อง ร่างกายตอนนี้กำลังถูก BR-005 กัดกินภายในช้าๆ Chief ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น อ่อนแรง สั่นไปทั้งร่าง เมื่อมองไปข้างๆ ก็ไม่มีใครรออยู่เลย จอโทรศัพท์ก็ไม่มีรายงานข้อความ จนเริ่มรู้สึกว่า ผู้นำที่สลบอยู่เรื่อยๆแบบนี้ คงไม่มีความจำเป็นต่อพวกเขาขนาดนั้น แต่ตัดสินใจโทรหา Nightingale เลขาที่แสนดีรีบรับสายด้วยความเป็นห่วงอย่างมาก Chief บอกว่าจะขอเข้าร่วมการประชุมด้วย

เพิ่มเติม
-Chief ไม่ยอมอยู่เฉยหรือพักเลย แถมน้อยใจตัวเองด้วยที่อ่อนแอในตอนนี้
-Chief สลบไปวูบนึง




            วันที่ 26 เดือนกรกฎาคม N.F.115 เวลา 13:30 ที่ออฟฟิศ MBCC  อาการของ Chief ยังย่ำแย่อันตราย Chief ไม่อยากให้การติดเชื้อของตนเองแพ่รไปยังผู้อื่น เลยประชุมออนไลน์ ในสถานที่ประชุมจริงก็จะมีผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ตัวหลักๆที่เด่นคือ FACและ Langley ทาง FAC ให้ข้อมูลว่าพายุ Apostle of Ashes ปรากฏขึ้นให้เห็นเป็นจำนวนเยอะมากที่ WhiteSand เส้นทางการขนส่งทรัพยากรใช้ไม่ได้ไปแล้ว 90% หนำซ้ำการติดต่อสื่อสารเมืองรอบข้างทั้งสองเมือง ติดต่อไม่ได้เลย ตรงนี้จะเห็นรายชื่อทหารหน้าใหม่เข้ามาเยอะมาก แต่สิ่งที่ FAC กังวลมากที่สุด คือ BR-005 ที่กระทบไปทั้งโลก

            บรรยากาศห้องประชุมดูตึงเครียดมากๆ FAC ยังคงรายงานเสริมต่อ ปกติพายุ Apostle of Ashes จะมีคลื่นความเชื่อมโยงกับ BR-000 สูงเป็นทุนเดิม แต่สถานการณ์ตอนนี้มี BR-005 เข้าแทรก เลยสันนิษฐานว่า BR-005 กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ก็อาจจะลอยอยู่เหนือหัวพวกเรา Hypercube ขาดแคลนอย่างมาก ไม่สามารถเป็นกองหนุนได้ Nirvana เลยรีบโต้ ว่าตอนนี้ทางฝั่งพวกเขา ก็เร่งผลิต Hypercube อย่างสุดกำลังเท่าที่จะทำได้แล้ว FAC ก็จะเสริม จริงๆแล้วต่างประเทศที่ทำสงครามกันอยู่เน้นโจมตีที่ Chief เมื่อตัวของ Chief ปนเปื้อน ก็ทำให้ความสามารถในการใช Sinner หรือควบคุมยุ่งเกี่ยวกับ BR ไม่ได้ จุดนี้เองทำให้ห้องประชุมแอร์เย็นมาก

เพิ่มเติม
-FAC เสียป้อมแถวหน้าไป 5 ป้อม
-Hypercube คือสิ่งที่เราเรียกว่าเพชรสุ่มกาชา ตามหลัก Lore ในเรื่องคือสิ่งที่ปัดป้องการปนเปื้อนมาเนีย


            เจ้าหน้าที่จาก Outlander เริ่มเถียงว่าพวก Farlandไม่เลือกฝั่งพวกเรา Discity อยู่แล้วเพราะเป็นฝั่งศัตรู Fraser นี่แหละนกสองหัวทำการค้าไปทั่ว หาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ดีไม่ดีอาจจะค้าอาวุธให้กับศัตรูของพวกเรา บุคลากรที่ส่งออกไปนอกเมืองตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้เลย

            จังหวะนี้ร้อยเอกตัวแทน FAC จะถามถึงห้องสังเกตการณ์ที่ 3 ช่วยเหลืออะไรพวกเราได้มั้ย ตำแหน่ง ลักษณะ ความเกี่ยวข้องกับพวก Apostle of ashes พวกนั้น Schorl นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรายงานตอบว่า ห้องสังเกตการณ์ที่ 3 ได้ยุติให้สังเกต BR-005 แล้ว ตอนนี้กำลังไปทำหน้าที่อื่นแทน

            Schorl ยังย้ำต่อว่าถ้าจำเป็นต้องการข้อมูลจริงๆ ก็สามารถร้องขอที่ศูนย์วิจัย Ring เหล่า EDGE จะจัดสรรค์ประเมินสรรพยากรให้อย่างเหมาะสม ทุกฝ่ายโปรดใจเย็นๆ ทำเอาทหาร FAC กำหมัดกันหมด

เพิ่มเติม
-ห้องสังเกตการณ์ ส่วนใหญ่พวก HUSH จะอยู่ทำงานห้องนี้กัน ส่วนของ Shalom เป็นห้องที่ 2 พังไปแล้วแถมปิดการใช้งานไปละด้วย
-ตรงนี้ถือว่าแปลกมีพิรุธมาก BR-005 กำลังฮิตฮอต แต่ส่ง HUSH ไปทำอย่างอื่น
-Schorl อยู่ดีๆก็โผล่มาตอนไหนไม่รู้



            อีกด้านหนึ่งผู้ที่อยู่นอกห้องประชุม แต่กำลังร่วมประชุมออนไลน์ Chief เริ่มมีอาการแพ้เสียงในหัว มาเนียกำลังส่งเสียงหลอกหลอน จน Chief หลอนเห็นภาพ Hella ร้องขอความช่วยเหลือมาแวบนึง อาการที่หลอนประสาทย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เผลอทุบโต๊ะเสียงดังด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่ไปที ทำเอาทุกคนที่ประชุมอยู่หันไปมองจอ Chief ในเมื่อทุกคนหันมาแบบนี้ก็ต้องแถพูดอะไรบางอย่างออกไป Chief จะบอกว่าหน้าด่านตอนนี้ต้องการความช่วยเหลือมากๆ อาสาจะไปเอง เพราะมีประสบการณ์จากภารกิจบุก Euphoria คุ้นเคยกับสถานที่นั้นมาบ้าง

            FAC กับทุกคนนิ่งเงียบ ไม่กลาพูดอะไร มีเพียงเสียงเดียวที่พูดต่อกรได้เหมือนกระสุนปืนที่ยิงเฉี่ยวหน้าไป นั่นก็เป็นอดีตหัวหน้าเหนือหัวเรา Langley นั่นเอง เธอจะค้านสิ่งที่ว่ามาทั้งหมด เป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาของ Discorps อย่าสำคัญตัวผิดไปเลย ลืมไปแล้วเหรอว่าภารกิจนั้น เขาลากกลับมาด้วยอะไร(น่าจะโดนแพทย์สนามลากมาแบบไม่ปกติหลังจบ Milly) Langley จะยังคงกล่าวเป็นขวานผ่าซากต่อหน้าว่า “สภาพแบบนี้ ใครเห็นก็ไม่ส่งไปแถวหน้าหรอก” ทำเอา Chief เงียบเปลี่ยนคำว่าจะหาข้อมูลแถวหลังละกัน



            จบคำพูดของ Langley ทั้งหมด Chief แอบเปลี่ยนไปคุยแชทลับ ที่มีเพียงคนยศสูงเท่านั้นในแชทนี้ Chief จ้องล็อคตากับ Langley ตรงๆ เหมือนปลากัดที่ขู่กัน ก่อนจะพูดถึง Adelaide เขาถูกจับไว้ที่ไหน บอกมา! ยังมีชีวิตอยู่มั้ย Langley ตอบแหน็บแหนมว่า ทำไม อยากจะไปฆ่าแบบครั้งที่แล้วเหรอ? ทาง Chief ก็บอกเพียงแค่ว่าอยารู้ว่าหมอนั่นสารภาพอะไรออกมาแล้วบ้าง เป็นคนของ Underground เผื่อจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ ทำไมไม่สอบปากเอาข้อมูลมาไวๆไม่ได้รึไง 9th น่าจะเก่งพอที่ทำให้หินพูดได้

            คำตอบ Langley มีเพียงแค่ความเงียบ ก่อนจะตอบอย่างห่างเหิน จะบอกว่าสิ่งที่ Chief สนใจก็เป็นเพียงแค่ Sinner ตัวน้อยไม่ใช่เหรอ เธอตอบด้วยเหตุผลความเป็นจริงอย่างใจเย็น สงครามเราเสียไปมากอย่างแล้ว อย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ควรรอบคอบใจเย็นๆ เพราะนี่คือสงคราม ไม่ใช่สนามเด็กเล่น เมื่ออารมณ์พุ่งพล่าน มาเนียก็จะระเบิดออกมา จะทำอะไรได้ ไม่งั้นก็ไปฆ่าเลขาสุดที่รักข้างๆซะสิ คำพูดที่ยิงรัวไม่พัก ไม่ต่างจากกระสุนไรเฟิลทำเอา Chief ตกใจเฮือก

เพิ่มเติม
-อยากจะไปฆ่าแบบครั้งที่แล้ว ที่ Langley พูดก็เป็นช่วงจบเนื้อเรื่อง N4 ที่ Chief เจอหน้า Adelaide ชักปืนยิงใส่ทันที


            ข้างกายตอนนี้ก็มีเลขา Nightingale เป็นคนจับพยุง Chief ข้างๆ จนตัวสั่นไปทั้งตัว แถมยังดูเจ็บปวด เพราะได้รับผลกระทบมาเนียที่ปนเป้อนจากตัว Chief ในตอนนี้ แต่เหนือกว่าความกลัวมาเนียในฐานะมนุษย์ธรรมดา คือเธอเป็นห่วง Chief มากยิ่งกว่าร่างกายตนเองเสียอีก Chief เลยสำนึกได้สติขึ้นมา ค่ามาเนียของ Chief ตอนนี้พุ่งสูงมาก จนแทบจะฆ่าเลขาของเธอที่อยู่ข้างกายตายตามคำพูดของ Langley ที่กล่าวมา ถึงอย่างงั้น Nightingale ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นโรยแรง ว่าไม่ต่องเป็นห่วงเธอ ไม่เป็นอะไรหรอก 

เพิ่มเติม
-ตามปกติแล้วมนุษย์ธรรดาเสี่ยงติดเชื้อมาเนียตายได้เลย รอดก็เป็น Sinner
-อาการติดเชื้อมาเนีย คือการติดเข้ากระแสเลือดโดยตรง กรณี Nightingale จับตัวเลยไม่นับว่าติด แต่ทรมาน
-Nightingale ห่วง Chief มากจริงๆ ถึงขั้นจับโดยตรง


            Chief เลิกก้าวร้าว สงบสติอารมณ์ ใจเย็นลงมานิดนึง Langley ถึงยอมเท้าคางคุยด้วยสีหน้าลดความตึงเครียดลง เธอจะบอกว่าสอบปากคำกับ Adelaide ไปแล้ว 52 ครั้ง แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย หมอนี่คือหลุมดำชั้นดี การสอบปากคำไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยขัง Adelaide ตัดขาดจากโลกภายนอกไปก่อน และ Langley ส่งบุคลากร 9th ไป Farland การได้รับข้อมูลจากฝั่งนั้นอาจจะส่งมาได้ไม่ถึงโดยทันที ยิ่งในสภาวะสงครามด้วยแล้ว คือจุดอ่อนที่ร้ายแรง ตรงนี้ความคิดเห็นของ Langley คิดว่า Underground ควบคุม Dark web ไปแล้วเรียบร้อย สังเกตง่ายๆ ช่วงจังหวะการเคลื่อนไหวบทบาทแผนการของ Adelaide มันดูถูกที่ถูกทางเกินไป

            การประชุมนี้ เป้าหมายที่แท้จริงคือการเอาองค์กรที่ขัดแย้งกัน มาตกลงลงรอยให้ได้กับสงครามครั้งนี้ ก่อนจะไล่ Chief ให้ไปนอนพักผ่อนซะ Chief ฟังแล้วก็หงุดหงิด โดน Nightingale จับพยุงตัวไปพัก แต่ความขี้สงสัยของ Chief เอะใจบางอย่าง ทำไม Discorps ถึงไม่มาเข้าร่วมประชุมด้วยล่ะ Langley ได้ยินก็จะตอบไปดีๆว่า "คนพวกนั้นระวังตัวไว้ดีๆ ระวังโดนแว้งกัดซะเอง" พูดจบก็ออกแชททันที

เพิ่มเติม
-Adelaide ไม่ใช่คนที่จะคุยด้วยง่ายๆเท่าไหร่ ต่อให้สอบปากคำไป ก็โดนสอบปากคำกลับซะเอง


            เวลาผ่านไป 30 นาที อาการของ Chief เริ่มโอเคดีขึ้นมาบ้าง เลยให้ Nightingale ไปทำงานส่วนตัวอย่างอื่นก่อน เมื่ออยู่ห้องคนเดียวกับ Schorl อีกหนึ่งเครื่อง Schorl ทำการแสกนแล้วแสกนอีก ซ้ำไปซ้ำมา ค่ามาเนียพุ่งขึ้นเรื่อยๆไม่มีแววจะลงเลย Chief เลยถามว่า BR-005 มีอะไรเคลื่อนไหวบ้างมั้ย ถามไปก็ไอไปด้วย Schorl ตอบตรงๆ ตามหลักแล้ว Sinner ระดับ B จะกลายเป็นร่างสถิตใหม่กับ BR ไม่ได้เลย ในสถานการณ์ปัจจุบัน Shackles เชื่อมต่อกับ Hella ได้เท่ากับว่า เธอยังมีชีวิต เพราะงั้นสบายใจได้  Chief เลยพูดพึมพำ ว่าหากได้ไปสู้แถวหน้าได้ คงจะสบายใจได้มากขึ้นอีก Schorl ลอยมาคั่น Chief บอกว่า ขอแก้คำพูดใหม่เป็น หวังว่าจะสบายใจขึ้น เมื่ออยู่สถานที่ๆปลอดภัย

เพิ่มเติม
-Nightingale ทำงานทุกอย่างแทน Chief ในตอนนี้ แทบไม่มีเวลาพักเลย
-การแก้คำพูดของ Schorl มองผิวเผินก็เหมือน AI ที่ตอบเราเป็นเรื่องกติ แต่จุดนี้ Schorl ใช้คำแปลก เริ่มมีการให้กำลังใจ เอาใจ Chief ผิดปกติ จนเหมือนใบ้กันแบบยัดหน้า นี่คือ HUSH ใหม่ที่กำลังเรียนรู้วิธีโต้ตอบ จากบท N3-N4 ตอนนั้นทื่อมาก ตอนนี้เริ่มที่จะดูมีชีวิตชีวาแบบปลอมๆ


            Paradeisos อยากให้ Chief ของพวกเขาปลอดภัยมากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ศัตรูจงใจโจมตี Chief โดยตรง เลยไม่อยากให้เสี่ยงในเรื่องไม่เป็นเรื่อง สถานการณ์ตอนนี้ ยังอยู่ในขอบเขตการคำนวณ เหล่า EDGE วางแผนวิเคราะห์กันหมดแล้ว อีกเดี๋ยวทุกอย่างก็สิ้นสุดลง ยิ่งฟังก็ยิ่งฉุน Chief ยืนกรานว่าจะพยายามหาทางช่วย Hella ให้ได้ Schorl ปฏิเสธกับเหตุผลเอาแต่ใจ ยังไงซะการให้คุณค่าชีวิตของ Chief  ก็สำคัญกว่า Hella

            ฟางเส้นสุดท้ายของ Chief ขาดทันที เอื้อมมือไปหยิบกองเอกสารกองหนึ่ง ถือขึ้นมาฟาดใส่ Schorl จนกระเด็นไปกระแทกผนังห้องร่วงสู่พื้น สำหรับ Chief นี่ไม่สะใจเอาซะเลย เพราะ Schorl ก็แค่ล้มลง ภายในไม่กี่วินาทีก็กลับมาลอยใหม่ได้ดั่งเดิม ลอยกลับมาข้างกาย Chief แสกนใหม่อีกครั้ง ก่อนจะบอกว่า อารมณ์อยู่ในระดับที่ไม่มั่นคง เข้าใจที่คุณจะระบายอารมณ์ลงกับเครื่องมือแบบนี้ ขออย่างเดี่ยว ขอแค่คุณไม่ทำร้ายตัวเอง และขอแก้คำพูดเมื่อครู่นี้ "สรรพยากรจะถูกจัดสรรค์ ไปตามหาเพื่อนตัวน้อยของคุณ อนุมัติให้หน่วยงานนั้นปฏิบัติภารกิจได้ ต่อให้ปฏิบัติอย่างเป็นความลับก็ตาม นี่เป็นการแก้ไขคำขอร้องของ Chief แห่ง MBCC การกระทำสุดเสี่ยง แต่ก็พร้อมจะสนับสนุน"

เพิ่มเติม
-ปกติแล้ว Chief เป็นคนที่อ่อนโยน(ยกเว้นคำพูดบางครั้ง) ไม่เคยลงมือใช้ความรุนแรงเลย แต่ครั้งนี้ Chief ลงมีตบด้วยอารมณ์แบบจงใจด้วย
-บทบรรยาย Schorl โดนตบทุกภาษาเน้นบรรยายเหมือนตบมนุษย์คนหนึ่งจริงๆ
-Schorl บทนี้พูดเหมือนคนที่กำลังน้อยใจ เหมือนย้ำอีกครั้งว่านี่ไม่ใช่ AI ที่ตอบสื่อสารกับ Chief แต่ก็เป็นเครื่องมือที่ถูกใช้งาน จะมีอะไรได้นอกจาก HUSH และเป็นจังหวะที่บอกว่าห้องสังเกตการณ์ที่ 3 ไม่ว่างตอนที่ FAC ถาม
-ไม่รู้ว่าเบื้องหลัง Schorl ถูก Paradeisos กำชับว่าให้เอาใจ Chief มากน้อยแค่ไหน หรือเป็นความประสงค์ของผู้ที่อยู่เบื้องหลังซะเอง


            Schorl ยังคงอธิบายต่อว่า Rancor อาวุธแบบ Jasmine เธอมีความสามารถพิเศษในการต้านผลกระทบ Rancor ได้ดีมาก จากผลการวิจัยทดลองกับ Jasmine สามารถพัฒนาสร้างเทคโนโลยีส่งต่อไปยัง Nirvana Port ทำให้สามารถควบคุมอาวุธชิ้นนี้ได้ แต่ยังไม่มากตามที่ต้องการเสียเท่าไหร่ 

            ความเงียบกลับมาอีกครั้งไปไม่กี่วินาที ถูกทำลายลง Chief พูดขึ้นมาว่า การใช้ภาษาของ Schorl มันเพี้ยนไปหมดแล้วเหรอ? ตั้งแต่รีบูตระบบเครื่องมาจากครั้งก่อน หยุดพูดจาให้กำลังใจไร้สาระได้แล้ว ไปสนตรรกะสงครามที่ลงมือทำได้จริงในตอนนี้ดีกว่า แถมยังเถียงต่อว่า การ(ห้อง)สังเกตการของพวกนักวิทยาศาสตร์ผ่านสายตา Schorl ไร้ประโยชน์เปล่าๆ มีไปก็ไม่ช่วยอะไร เอาแต่อยู่ในห้องโง่ๆ ไม่ได้ลงสนามจริงซะหน่อย สิ่งเดียวที่เป็นข้อมูลระบุได้คือ Shackles ที่ผูกกับ Hella ทำให้พอจะรู้ตำแหน่งแบบคลำหาก็เถอะ

            ความเงียบเพียงไม่กี่วิ ราวกับ Schorl กำลังวิเคราะห์คิดคำพูดดีๆ ก่อนจะเอ่ยตอบว่า เป็นบทสรุปที่ต้องยอมรับเหตุผล Chief สามารถคิดวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างชัดเจนตรงไปตรงมาดีเยี่ยม ก่อนจะมีเสียงข้อความสั่นดังขึ้นแทรกเข้ามา

[ชนะมาเหรอ? ไปฉลองหน่อยมั้ย?]

เพิ่มเติม
-ตอนสู้กับ Adelaide ใน N4 Schorl ใช้ตัวมาบังให้ Chief จนต้องซ่อมรีบูตใหม่อีกครั้ง ตอนนั้นก็ยังเป็นปริศนาว่าอะไรดลใจให้กระทำแบบนั้น หรือเป็นเพราะคำสั่งที่ต้องปกป้อง Chief
-Schorl น้อยใจ x2 แต่ก็ตอบให้ท้ายเอาใจเต็มที่ทุกอย่างแล้ว
-นักวิทยาศาสตร์ในความคิดของ Chief คิดว่าเป็น EDGE02 แต่ Chief อารมณ์ร้อน จนไม่ทันรู้สึกเลย ว่าที่พูดอยู่ด้วยไม่ใช่ EDGE02
-EDGE02 เคยโรลเพลย์เป็น Schorl มาคุยกับ Chief ในเนื้อเรื่อง N3-N4 สามารถเข้าไปอ่านแปลไทยได้



            ในข้อความนั้น เป็ข้อความส่งโดยผู้ส่งไม่ระบุตัวตน แต่อ่านแค่นี้ก็รู้แล้ว่าใครส่งความแบบนี้มาหา Schorl บอกว่า ถ้าไม่สามารถไว้ใจคนที่จะพบในครั้งนี้อย่างมั่นใจได้ ก็ให้ 'ฉัน'จะเป็นคนรับประกันความปลอดภัยของเธอเอง แน่นอนว่า Chief ขอให้ Schorl มาด้วย 

            ด้วยความช่วยเหลือลับๆของ Schorl ทำให้ Chief แอบออกจาก MBCC ได้อย่างแนบเนียนไม่มีใครอยู่ เวลาตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว ละอองทรายรอบนอกเริ่มปลิวพัดเข้ามาในเมือง อากาศตอนนี้หนาวมากๆ แม้ว่าจะยังไม่มืดสนิทเลยก็ตาม เราจะเห็นคนๆนึงที่โดดเด่นจากทุกคน รออยู่บนรถสปอร์ตหรู เป็นภาพที่คุ้นเคย แต่เธอคนนั้นเปลี่ยนรถหรูอีกแล้ว Augustus เจ้าของรถหรูจะเอ่ยทักทายซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เยอะแยะมากมาย ใส่ชุดอะไรแบบนี้เนี่ย อุตส่าคิดว่าจะใส่เสื้อดีๆที่ซื้อให้ซะอีก แถมขยี้ MBCC ว่าการเงินยาจกขนาดที่ว่าเลี้ยง Chief ยังไงให้ล่อแล่ได้ เธอถอดแว่นครู่ใจมองหัวจรดเท้า ทำไม Chief ทำหน้าเหนื่อยแบบนั้น พวกหัวโบราณที่ประชุมทำให้กายเป็นวัตถุโบราณตามไปแล้วรึไง ก่อนจะคว้าจับ Chief ขึ้นรถแง้นๆไป

            เมื่อโดนมัดมือชกบังคับนั่งรถ Augustus นำแว่นของเธอที่ถอดเมื่อครู่ ไปใส่ที่หน้า Chief ก่อนจะหันไปมอง Schorl ที่ตามมาด้วย เธอจะแซวว่า มี'มือที่สาม'มาด้วยก็ได้นะ ไม่ว่าอะไรหรอก ตรงนี้จะทำให้ Chief นั่งคิดทบทวนในใจ ว่าจะเรียกชื่ออีกฝ่ายปกติหรือเต็มยศดี  ผู้บังคับบัญญาของกองกำลัง Nirvana Port นายพล Discorps ที่ 8 ยิ่งนึกก็ยิ่งนึกถึงคำพูด Schorl ว่าเธอคนนี้อันตราย เคยโจมตี FAC หลายครั้งแล้ว แถมโจมตีถึงตัวผู้บังคับบัญชา ผู้หญิงคนนี้เป็นคนอันตราย หากทำงานร่วมกันจริงๆละก็ จงร่วมมือด้วยความระมัดระวัง อย่าประมาท

เพิ่มเติม
-Schorl หายน้อยใจทันทีที่ Chief ต้องการ แถมเน้นย้ำคำว่า ฉัน
-รถที่เราเห็นคันแรกเป็นสีแดง ในเนื้อเรื่อง N3-N4
-Augustus ชอบซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ Chief มาก
-Augustus เป็นคนสูงวัย(วัตถุโบราณเหมือนกันแหละ)ที่โครตจะวัยรุ่นเลยพี่
-เพลงประกอบแจ๊สนิดๆ
-ตรงนี้มีการล้อแซวเพลง Joyride แซวประมาณว่า Augustus พาเราไปหาเรื่องสนุกๆทำ ส่วนคำแปลเพลงสามารถอ่านได้ที่ <ลิงค์จิ้ม>


            วันที่ 26 เดือนกรกฎาคม เวลา 20:00 สถานที่หรูหราคนชนชั้นสูงจัดงานเลี้ยง โทรศัพท์ Chief มีสายเข้ามา โชคร้ายสัญญาณไม่ดีเท่าไหร่  Chief ฟังไม่ออกเลยว่า DisCorps พูดรายงานอะไร สักพักสัญญาณนั้นก็หายไป ทำให้ Chief รู้สึกใจคอไม่ดี Augustus ชำเลืองไปเห็นก็พูดเรียกสติ ให้สนใจการเต้นรำตอนนี้ก่อน จะรับโทรศัพท์ต่อหน้าคู่เต้นรำได้ยังไงกัน มือทั้งคู่ตอนนี้ก็ประสานกันข้างนึง มือ Augustus อีกข้างโอบเอวของ Chief สีหน้าของ Augustus ดูน้อยใจตำหนิ Chief นิดนึง ที่ไม่สนใจกันเลยระหว่างเต้นรำ

เพิ่มเติม
-ตรงนี้ตัวละครผู้เล่น Chief เพศชายกับเพศหญิงจะไม่เหมือนกัน ตำแหน่งมือเพศชาย Augustus จะวางมือไว้ที่หัวไหล่ ส่วนตัวละครเพศหญิง Augustus โอบเอว
-เข้างานมา Chief ยังคงใส่แว่นของ Augustus แล้วเต้นรำไปด้วย


            Augustus บอกว่ากองทัพนั้นไม่ใช่ของ Chief ซะด้วยซ้ำ เป็นทหารที่แข็งแกร่งของ Augustus ถ้าพวกเขาบอกว่าชนะ ก็คือชนะ  และในเมื่อตัว Augustus ไม่ห่วง Chief ก็ไม่จำเป็นต้องห่วงไปหรอก งานของ Chief ตอนนี้คือการเต้นรำ ขณะที่พูด Augustus ก็จับ Chief ให้หมุนตัวหลบคน แล้วกลับมากลางห้อง เป็นจุดเด่นอย่างสง่างาม Augustus แซวต่อ ให้คิดว่าการเต้นรำนี่คือการฉลองล่วงหน้า นอกเสียจากว่า Chief มีปัญหา

เพิ่มเติม 
-ตรงนี้จะมีระบบ Audition จิ้มเต้นกับ Augustus


            แน่นอนว่า Chief ไม่ได้มีปัญหาคู่เต้นที่เป็น Augustus แถมบอกไปว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นคู่เต้นรำด้วย Augustus พอใจในคำตอบ แล้วบอกให้เต้นตามจังหวะเธอ เพราะพวกบ้างานอย่าง Chief รับมือกับงานสังคมอะไรแบบนี้ไม่เป็นหรอก

            Chief เหล่ตามองรอบๆ เห็นคนรอบข้างจับจ้องที่ Chief ไม่รู้เลยว่า เพราะแว่นที่ใส่มันดูไม่เข้ากับชุดหรือเพราะอิจฉาที่เต้นกับผู้หญิงที่สวยเลิศ

เพิ่มเติม
-สังคมที่ว่า ก็เป็นสังคมคนรวย


            Chief ก้าวตามเท้าที่ Augustus เป็นคนนำ มือยังคงโอบเอว ใบหน้ายื่นเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมที่เข้มข้น ปลายเส้นผมปลิวสไหวแตะโดนแก้ม ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางดีไปหมด แต่สติของ Chief ไม่เคยอยู่ที่ตรงนี้ด้วยเลย ทุกครั้งที่หมุนตัว Chief คอยฟังบทสนทนารอบๆนี้ กำลังพูดคุยซุบซิบเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะในวันพรุ่งนี้ DisCity จะมีโหวตลงมติฉุกเฉินเกี่ยวกับสงครามอีกครั้ง วันนี้เหล่านักลงทุน สมาชิกสภา และเศรษฐีมากหน้าหลายตา จึงมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและหาพันธมิตร นี่คือการรวมตัวของกลุ่มคนต่อต้านสงคราม แน่นอนว่าเป็นศัตรูของ Augustus ทั้งหมดเลย

            น่าเศร้ากว่า ไม่มีใครในนี้รู้เลย ว่าผู้หญิงชุดแดงสุดสวยที่น่าจับตามองนั้น คือ Augustus ที่ทุกคนกลัวนักกลัวหนา…

เพิ่มเติม
-ในงานเลี้ยง ทุกคนสนใจ Augustus มากเพราะดูสวยและโดดเด่น แต่ไม่รู้จริงๆว่านั่นคือ Augustus
-กลุ่มแรกคุยเกี่ยวกับ Fraser กับข่าวลือ DisCorps 
-กลุ่มสองบ่นไม่พอใจ เพราะค้าขายไม่ได้ เสียผลประโยชน์ 
-กลุ่มสามคุยเรื่องลงทุนและอพยพไป Eastia
-Augustus เอนจอยกับการเต้นมาก ไม่สนรอบข้างเลย แกล้งดึง Chief ให้หน้าใกล้อยู่เรื่อยๆ


            Chief จริงจังกับรอบตัวมาก ส่วน Augustus ชิลสุดๆ จน Chief ต้องเอ่ยปากถามออกไปว่า Augustus ชอบงานเลี้ยงเหรอ? Augustus ตอบว่า ดีกว่าวิ่งไล่จับเหยื่อ ออกปฏิบัติการตลอดเวลา ก็อยากมีคืนที่ได้พักผ่อน เล่นแต่งตัวสวยๆ มาฟังเรื่องขำขันของเหล่าชนชั้นสูงบ้าง คิดซะว่านี่คืองานอดิเรกที่บ้าบอของชนชั้นสูง Chief ลองดูบ้างก็ไม่เสียหายนะ 

            Chief นึกย้อนถึงบทสนทนาที่คุยกับ Elvira ว่า ตระกูล Andohars ร่ำรวยเพราะค้าขายอาวุธในสงคราม เป็นตัวแปรสำคัญในสงครามประกาศอิสรภาพ มีผลต่อการพัฒนาเมืองรอบข้าง เดิมทีไม่ได้อยู่ฝั่ง DisCity ซะด้วยซ้ำ ย้ายฝั่งเมื่อ DisCity ใกล้จะชนะจริงๆ ทำให้ได้ประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย แม้ว่าตอนนี้อำนาจไม่เยอะเท่าเมื่อก่อนเพราะไม่มีสงคราม แต่พวกเขาก็ยังเป็นหนึ่งในชนชั้นสูง

เพิ่มเติม
-Elvira ยังอยู่ใน MBCC เป็นมนุษย์ปกติ เกี่ยวของกับ Jelena อย่างมาก
-Elvira ฉลาดมาก ฉลาดเกินเด็กในวัยเดียวกันเสียอีก


            กลับมาที่ปัจจุบัน Chief ตอบว่าตัวเองยังปนเปื้อนมาเนียอยู่ ทำอะไรมากไม่ได้หรอก ไม่งั้นปัญหาเกิดแน่ Augustus ได้ยินถึงกับหัวเราะ แถมรับปากว่า ไม่มีใครกล้าแตะต้อง Chief หรอก ไม่ว่าจะไปก่อเรื่องมากมายแค่ไหนก็ตาม

            Chief นึกย้อน(อีกครั้ง)ถึงบทสนทนาที่คุยกับ Max King แบบร่างมติตอนนี้ไม่ค่อยมีใครเห็นด้วย ฝั่ง Eastiside ต้องการจำกัดอำนาจของ FAC แต่ที่แปลกกว่าคือ FAC เองก็คัดค้านหลายอย่างในแบบร่าง ราวกับว่า FAC กลัวอะไรบางอย่าง

            Chief คิดมากจนเริ่มเหม่อลอย เผลอเหยียบเท้า Augustus อีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่ 6 แล้ว ทำให้ Augustus หัวเราะลมออกมาแบบหึ ก่อนจะแหย่บีบเอว Chief แน่นๆ เต็มไม้เต็มมือ แล้วบอกให้ใจเย็น เพราะยังไม่มีใครรู้ว่า Chief แห่ง MBCC ทำงานร่วมกับ DisCorps อยู่ ทั้ง FAC และ 9th รูดซิปปากตัวเองเรียบร้อย เพราะยังไง Chief ก็เป็นฮีโร่ที่กอบกู้ Great Expo ได้ ไม่อยากให้ชื่อเสียงตรงนี้พังหรอก 

เพิ่มเติม 
-ไม่มั่นใจตรงนี้ถ้าเป็น Chief ชายคงบีบไหล่



    จังหวะเสียงดนตรีเริ่มช้าลง ทำให้ Chief พูดออกมาอย่างจริงใจว่า ข้อตกลงของเราคือการเข้าสนามรบ Outland และล่า Black Ring อย่างเงียบๆ แต่ทำไม Augustus ต้องการให้ Chief มีชื่อว่ามาในงานนี้ วางแผนอะไรไว้รึเปล่า อย่ามาดูถูกซะง่ายๆ ทำเฉไฉว่านี่แค่งานเลี้ยงธรรมดา 

            Augustus ไม่มีท่าทีอะไรนัก เนียนบอกว่าการเต้นของ Chief ไม่แย่เลย (เหยียบเท้า 6 ครั้ง) น่าเสียดายที่ Chief ไม่รู้สึกเอนจอย ไม่อยากเต้นด้วยกันจนจบเพลง ถ้าไม่สนใจก็ปล่อยมือ ขึ้นรถคันเดิมที่พามา กลับ MBCC ไปเลยได้นะ Schorl ขับกลับไปได้แหละ Augustus เน้นย้ำว่า อย่าฝืนบังคับตัวเอง ไม่อยากได้คู่หูที่ไม่เต็มใจ แล้วมือที่ประสานอยู่เริ่มปล่อยหลวม ดนตรีดังขึ้นอีกครั้ง Chief ขยับนิ้วกุมมือ Augustus แน่นไม่ยอมปล่อย มือตอนแรกที่จับหัวไหล่ Augustus ไว้ เลื่อนลงไปโอบเอวของ Augustus แบบที่ Augustus ทำก่อนหน้านี้ Chief กลายเป็นคนนำเต้น พา Augustus หมุนตัว เต้นถูกทุกก้าว ไม่มีเหยียบเท้าแม้แต่น้อย แล้วเพลงก็จบลง

            Chief บอกว่า การจะเป็นคู่หูทำงานร่วมกันได้ ต้องจริงใจต่อกันทั้งสองฝ่าย ไม่แว้งกัดกันเอง ต่างคนต่างก็มีสงครามของตัวเอง ‘ตัวของ Chief ไม่ใช่แค่สมบัติที่มีไว้ตั้งโชว์’ คำตอบแบบนี้พอใจรึยัง? นั่นทำให้ Augustus ยิ้มอย่างเด่นชัด ชมว่าเป็นคนนำเต้นที่ดีนี่ พอใจมากๆ แยกย้ายกันดีไปเอนจอยงานเลี้ยงดีกว่า

            ก่อนแยกย้าย Augustus ย้ำว่าอย่าคิดมาก งานคืนนี้ก็แค่ปล่อยตัวปล่อยใจไปก็พอ เมื่อพูดจบ Augustus ก็ยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ หยิบแว่นที่สวมให้ Chief คืน ใส่ตัวเองเหมือนอย่างทุกที ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อกองดาบร้าวออกจากตัว Chief แล้วเดินจากไป รอยยิ้มของ Augustus คือสิ่งสุดท้ายที่เห็น แถมแว่นตาถูกเอาคืนไปแล้วด้วย ทำให้คนรอบข้างก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร เริ่มมาทักทายเข้าหา Chief ที่เหลือตัวคนเดียวกลางดงผู้คน

เพิ่มเติม
-โทรศัพท์เครื่องนั้นเป็นทางเดียวที่ Chief จะติดต่อกองดาบร้าวที่ 3 ได้


            หนึ่งชั่วโมงต่อมา Chief พูดคุยแลกเปลี่ยนหลายๆอย่างกับคนที่นี่ มีกลุ่มนักธุรกิจที่กลัวเสียเงิน กลุ่มนักเคลื่อนไหวจัดประท้วงสงครามวางแผนใช้ความรุนแรง แต่บางกลุ่มก็หลบสายตา คงกลัวว่า Chief จะรายงานให้ 9th แม้ว่า Chief จะเกลียดสงครามมากก็ตาม แต่ความสงบสุขของที่นี่มันน่าคลื่นไส้ Chief เลยเนียนขอตัวไปห้องน้ำ เอาน้ำเย็นล้างหน้าตัวเอง 

            พอเดินออกจากห้องน้ำ ก็มีผู้ชายคนนึงที่ทำงานให้กับสภาเข้าหา อยากจะถามเกี่ยวกับปฏิบัติการ Euphoria เพราะได้ข้อมูลมาว่า Chief เป็นคนจัดการภารกิจนี้ แถมทำงานแถวหน้าด้วยตัวเอง เขาสงสัยมากๆ Chief ไปกับใคร เพราะ Sinner ที่ MBCC ปนเปื้อนมาเนียอยู่ FAC ก็ไม่น่าจะยุ่ง หวังว่าจะไม่ใช่กบฏ Nirvana จาก WhiteSands

เพิ่มเติม
-DisCorps ฐานตั้งอยู่ที่ Nirvana Port
-Sinner หลายคนใน MBCC ตอนนี้อาการย่ำแย่เพราะผลกระทบจากตัว Chief ที่ปนเปื้อน


            การเข้าหาของชายคนนี้ ทำให้ Chief รู้สึกไม่ดีเอามากๆ บอกว่าทุกคนที่ Euphoria คือคนทรยศ ถ้ามีปัญหา ให้ไปร้องเรียนกับ 9th หรือว่ากลัว? มีเพื่อนที่ Euphoria เหรอ? ชายคนนั้นก็จะตอบว่า เปล่า แต่ 9th ตรวจสอบสมาคม Sillage อย่างถี่ถ้วนแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่สมาคม Sillage จะกล้าทำอะไรในตอนนี้ เพราะงั้น Chief ต้องเชื่อในตัวเขา 

            ชายคนนี้เป็นเสมียนย้ำว่าเป็นห่วง กลัวว่าพวกบ้าสงครามจะหมายหัวใช้ผลประโยชน์จาก Chief หัวหน้าพวกนั้นน่ะโหดร้าย ยึดอำนาจไป มีแต่ความทรมานตลอดเวลา 12 ปี ในตอนนั้นตระกูลเขาโดนกดโดนข่มเหงตลอด เขาจะไม่มีวันลืม แถมตอนนั้น DisCity ขยายอำนาจอาณาเขตด้วยการบุกโจมตีเมืองรอบข้าง พอล้มเหลวก็ก่อสงคราม ความรุนแรงคือคำตอบของพวกเขาเสมอ กว่าจะแก้เมืองให้เป็นอย่างทุกวันนี้ได้ กว่าจะไล่พวกนั้นออกไปได้ มันยากมาก แถมพวกนั้นก็ไม่เคยออกไปหรือยุบกองทัพจริงๆ เดินทางไปทั่ว WhiteSands ราวกับอสูรที่หิวกระหาย รอวันที่จะกลับมายึดอำนาจอีกครั้ง ได้ยินมาว่าพวกเขามีผู้นำคนใหม่ ปีที่แล้วเข้าไปยุ่งกับ FAC ปีนี้เข้าไปยุ่งกับ Chief ต้องมีเป้าหมายที่ไม่น่าจะดีแน่นอน

            Chief นึกถึงคำพูดที่ Augustus ตกลงจะไปช่วย Hella และคงไม่มีใครบ้าตกลงแบบ Augustus หรอก(ก็แหงละ Black Ring เลยนี่) Augustus อยากลองเสี่ยงโชค ลงทุนกับ Chief เพราะ Chief ดูเป็นคนที่น่าจะมีอนาคตดีกว่าพวกไดโนเสาร์ในเมือง แถมสักวันนึง Chief จะตอบแทนเธออย่างแน่นอน

            ชายคนนั้นพูดย้ำด้วยใบหน้าของเขากังวลอย่างใจจริงว่า ห้ามไว้ใจพวก DisCorps เด็ดขาด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของ Chief เลยตอบอย่างมีเหตุผลให้เขาใจเย็นมากที่สุด ก่อนจะกลับเข้าไปที่งานเลี้ยง

เพิ่มเติม 
-Augustus บอกตรงๆว่า Hella เป็นแค่ Sinner ระดับ B ไม่มีใครอยากช่วยหรอก ลงทุนแล้วไม่คุ้ม
-Sillage ที่รู้แน่นอน เป็นหัวหน้า Parfait


            กลับเข้ามาในงานเลี้ยงครั้งนี้ Chief ได้ยินเสียงความวุ่นวายของผู้คนรอบๆ ไม่รู้สาเหตุว่า ทำไมประสาทสัมผัสตัวเองดีผิดปกติ ได้ยินทุกบทสนทนาการพูดคุย โดยเฉพาะแผนการที่อยากให้ Max King ไปเจรจากับ Farland ส่ง Chief ไปจัดการ Black Ring แลกกับการได้ขุดเหมืองใหม่ๆที่อาจจะเกิดขึ้น

            Chief ฟังไปได้สักพักก็เริ่มหน้ามืดตามัว ไม่รู้ว่าเพราะ BR-005 รึเปล่า Chief เริ่มมองหา Augustus จะได้กลับสนามรบ อยู่ในงานเลี้ยงนี้ก็เหมือนโดนขังไว้ ในขณะเดียวกัน ผู้คนก็เริ่มเข้าหา Chief จับแขนจับตัว สัญชาตญาณและความกระหายบางอย่างในตัว Chief ก็ตื่นขึ้น Chief กำลังจะตะโกนไล่ แต่เสียงเตือนระดับความปลอดภัยของมาเนียดังขึ้น ทำให้ทุกคนกลัวและแตกตื่น แต่แล้วเสียงก็หยุดไปราวกับเรื่องที่เกิดเป็นแค่เพราะระบบขัดข้อง Chief ตัวแข็งทื่อ เริ่มสงสัยและโทษตัวเองที่ควบคุมมาเนียไม่ได้ Schorl ในกระเป๋าเสื้อสั่นเบาๆ บอก Chief ว่า Schorl เป็นคนทำ แทรกซึมเจาะเข้าระบบตรวจจับมาเนียเพื่อแก้ไขระบบให้เกิดเสียงเตือนหักเหความสนใจผู้คน แต่ค่ามาเนียของ Chief สูงผิดปกติ อยู่ในงานเลี้ยงต่อไม่ได้

            Schorl ตรวจจับความผิดปกติได้จากแนวรบแถวหน้าของ WhiteSands อาจจะเกิดจาก BR-005 Chief ควรกลับไปตรวจสอบ และ Schorl เชื่อว่า Chief คงต้องการแบบนั้น Schorl จะแจ้งนายพล Augustus ว่า Chief มีสายด่วนจาก MBCC คนอื่นไม่จำเป็นต้องรู้ Chief เงยหน้าขึ้นไปที่ระเบียงชั้น 2 สบตากับ Augustus ที่ยืนจ้อง Chief อยู่เบื้องล่าง Augustus ส่งยิ้มให้พร้อมยกแก้วไวน์ราวกับให้กำลังใจ Augustus ดูไม่สนใจแยแสโชคชะตาของกองทัพที่อยู่ที่แถวหน้าเลยแม้แต่น้อย ทำตัวตามสบาย ดื่มด่ำกับไวน์หรู ไม่ต่างจากชนชั้นสูงคนอื่นๆ ในงานเลี้ยงเลย แต่อาการเวียนหัวของ Chief กลับมาอีกครั้ง เลยหลบหน้า รีบเดินทางกลับไปแถวหน้าสนามรบทันที สั่งให้ Schorl รายงาน Augustus ให้เรียบร้อย 

            แถวหน้าสนามรบตอนนี้มีแต่พายุทราย เสียง Apostle of Ashes ร้องคำราม เสียงของ Sinner อารัมที่หัวเราะเยาะเย้ย แต่เหล่าทหาร DisCorps ยังคงยืนหยัดสู้ต่อไปอย่างสุดกำลัง พวกเขารอกองกำลังเสริม มีหน้าที่ยื้อเวลาให้ได้มากที่สุด

เพิ่มเติม 
-คนบ่นเรื่องงาน Great Expo และโทษ DisCorps ที่ทำให้ Fraser ไม่สามารถรักษาความสงบสุขไว้ได้ กลัวว่าการโหวตมติที่กำลังจะเกิดขึ้นโดน DisCorps แทรกแซงด้วยเช่นกัน
-ตัวแทน Nirvana บ่น Max King ที่ต้องการ Hypercube เพิ่ม  
-เวลามี Black Ring เกิดขึ้น จะมีเหมือง Hypercube เกิดใหม่ในบริเวณนั้น 
-Schorl แฮคระบบได้อย่างง่ายดาย
-Chief เรียก Schorl ว่า’สามเหลี่ยม’


            วันที่ 26 เดือนกรกฏาคม เวลา 21:00 แพลนกล้องมาที่ปัจจุบัน DisCorps หลังจาก Chief สลบและขาดการติดต่อไป กองดาบร้าวที่3 เริ่มปฏิบัติการตามคำสั่งของ Chief ต่อ เดินไปตามเส้นทางป้อมปราการ FAC ที่ถูกโจมตี ทำลายอุปกรณ์อารัมที่พบเจอทั้งหมดจนสิ้นซาก ทำให้พายุทรายก็เริ่มเปลี่ยนทิศทาง ออกจากป้อม กลับเข้าสู่เส้นทางที่คาดการ์ณไว้ในตอนแรก เหล่าทหารเลยคิดว่า Chief น่าจะคิดถูกจริงๆ Tide of Ashes ในครั้งนี้ไม่ใช่ภัยธรรมชาติทั่วไป แต่เป็นอาวุธที่ Farland ใช้ ต้องตามหาและทำลายอุปกรณ์อารัมที่สามารถเชื่อมต่อกับ Apostle of Ashes ได้ อยู่ดีๆก็มีทหารคนนึงจับสังเกตุ เห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหว เลยยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องดู

            Scarface เริ่มบ่นเสียงดัง อยากจัดการศัตรูไวๆ แถมบ่นถึง Chief ที่สลบตลอดตั้งแต่เมื่อวาน(ขาดการติดต่อด้วย) ถาม Siglinde ตลอดว่า Chief ตื่นยัง? จนแพทย์สนามคนดีคนเดิมที่คุ้นหน้าที่เรายังไม่รู้นามมาเตือนว่าส่งเสียงดังไปแล้ว เบาๆหน่อย แต่คำตักเตือนคำดุของแพทย์สนามดูเหมือนจะทำให้ Scarface ไม่กลัวเลย แถมยังท้าทายอำนาจมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้แพทย์สนามเตะอาวุธสการ์ออก แล้วฉีดยากล่อมประสาทเข้าสะโพกของ Scarface ทันที ทำให้ Scarface เงียบไป

เพิ่มเติม
-สมแล้วที่เป็นแพทย์สนาม(หมอเถื่อนชัดๆ)
-Siglinde โดน Scarface เรียกว่า แม่สาวโทรเลข 


            พันโทรับสายโทรศัพท์จาก Chief แห่ง MBCC พอดี เขารายงานว่าสนามพลังมาเนียตอนนี้แปรปวนมาก ทำให้เส้นทางที่วางแผนตอนแรกไม่สามารถไปต่อได้ เลยต้องถามข้อมูลความคิดเห็น Chief ที่มีข้อมูลมากกว่าให้เลือกว่าควรไปทางไหน ซึ่งที่ตำแหน่ง A กองที่ 8 โดนลอบโจมตี เป็นพื้นที่ต้นของ Tide of Ashes ส่วนตำแหน่ง B คือทางทิศใต้ เป็นโซนป้อมปราการของ FAC ที่พัง ถูกยึดไปแล้ว ขอความช่วยเหลือ เผื่อจะมีผู้รอดชีวิต ส่วนต่ำแหน่ง C คือ เส้นทางเข้า Tide of Ashes  การสื่อสารไม่แน่ชัด เป็นพื้นที่เสี่ยง


            เข้าสู่สนามรบ Scarface บ่นว่ายิ่งฆ่าเท่าไหร่ พวกบ้านี่ก็มาเรื่อยๆ แต่แพทย์สนามรู้สึกไม่ชอบมาพากล ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ พอพายุทรายหายไป Siglinde ถึงได้เห็นว่ามีอะไรบางอย่าง แพทย์สนามไหวตัวทัน รีบตะโกนออกคำสั่งให้ทุกคนกระจายตัวทันที หาที่หลบเตรียมพร้อม

            จู่ๆ พื้นทะเลทรายก็แยกออกจากกันราวกับปากที่อ้าออก Siglinde ใช้ความสามารถสนามแม่เหล็ก(กางโล่)ของตัวเองทันที แต่อุปกรณ์ที่ใช้ติดต่อกับ Chief ได้หล่นหายลงไปในทราย เสียอุปกรณ์ที่สำคัญไปจนได้ คนสองคนที่เข้ามาซึ่งก็คือ Synex กับนักรบอารัมอีกคนหนึ่งซึ่งเรียกอุปกรณ์อารัมขึ้นมานักรบผู้นี้เอ่ยว่าต้องกำจัดพวกทหารให้หมด และมีเสียง Apostle of Ashes คำราม พายุทรายกลับมาอีกครั้ง แล้วทั้งสองก็หายเหมือนเป็นเพียงก้าวพริบตา Siglinde รีบประเมินผลทันทีว่าสองคนนี้ใช้อารัม แต่ดูจากท่าทางเหมือนบังเอิญที่เจอกันมากกว่าที่จะจงใจมาโจมตี เธอเลยรู้สึกว่าศึกนี้ชนะอย่างแน่นอน


            วันที่ 26 เดือนกรกฎาคม N.F.115 23:31 Chief ขึ้นรถหรูของ Augustus  โดยมี Schorl เป็นขับรถให้ด้วยการเชื่อมต่อกับระบบขับรถอัตโนมัติ ในขณะเดียวกันก็แสกนตัว Chief เพื่อควบคุมระดับมาเนียให้คงที่ และพยายามติดต่อกองดาบร้าวที่ 3 ด้วยเช่นกัน หลังออกจากงานเลี้ยงได้ 40 นาที กองดาบร้าว 3 ถึงรับสาย Uris เหล็กรายงานว่า ปฏิบัติการสำเร็จลุล่วง Siglinde จะส่งรายงานให้ในภายหลัง Chief พูดว่าติดต่อไม่ได้พักนึงเลย  Uris ถึงตอบว่า สัญญาณถูก Tide of Ashes รบกวน ไม่ต้องกังวล แต่พวกเขาพบกับ Apostle ยักษ์หลายตัว โดนควบคุมจากภายนอก ขนาดตัวและความอันตรายเกินกว่าที่เคยเจอมาก ไม่น่าเป็นฝีมือ Sinner อารัมอย่างเดียว อาจมีต้นตอพลังที่อยู่ใกล้ๆ และคงเป็นกุญแจสำคัญของฝั่งศัตรูที่ควบคุมพวก Apostle of Ashes อยู่ และน่าจะเกี่ยวข้องกับ BR-005 ที่หายไป ที่สำคัญพวกเขาจับ Sinner อารัมเป็นๆได้หนึ่งคน สามารถส่งไปที่ MBCC เพื่อสอบปากคำได้ หากไม่เอาพวกเขาจะฆ่าทันที Chief เลือกที่จะเก็บไว้รีดข้อมูล แต่เพราะ Tide of Ashes ทาง DisCorps จึงไม่สามารถส่งตัว Sinner ให้ได้ทันที

เพิ่มเติม
-Schorl เป็นคนติดต่อกองดาบร้าวที่ 3 
-Schorl ขับรถได้จริงๆ วิธีการคือใช้ระบบการขับรถอัตโนมัติ ประมาณขับรถด้วย AI
-Scarface บ่นที่ Chief ตัดสินใจไม่ฆ่า 
-นายพล Augustus ให้อำนาจ Chief ตัดสินใจได้เต็มรูปแบบโดยไม่ต้องขออนุญาตก่อน


            งานเลี้ยงยังไม่จบลง แต่การที่ Chief ไม่อยู่ทำให้แขกในงานกล้าคุยกันมากขึ้น นินทาว่า Chief แต่สุดท้ายทุกคนก็กลับมาคุยเรื่องคำสั่งเกณฑ์ทหารที่กำลังจะเกิดขึ้น ปัญหาช่วงยุคสมัย DisCorps เหตุปริศนาที่คลี่คลายไม่ได้ในปี N.F.106 และอื่นๆอีกมากมาย ทุกคนลงความคิดเห็นตรงกันว่า การมีกองกำลังติดอาวุธในเมืองดูคุกคามยิ่งกว่า Outland ที่เป็นศัตรูอยู่นอกเมือง ภาพจำยุคสมัยเผด็จการชัดเจนยิ่งกว่าประวัติศาตร์ของสงครามประกาศอิสรภาพ ความไม่พึงพอใจต่อ FAC เองก็มีมากเช่นกัน 

            จน Augustus เดินกลับเข้ามาในลานเต้นรำ มองหาใครบางคน แต่เพราะแก้วไวน์ในมือหมดแล้ว อาจจะเพราะเครื่องประดับ ความสวย หรือเพราะเป็นคนที่เต้นรำกับ Chief ทำให้มีชายนักธุรกิจจากเครือ Paradeisos มาแนะนำตัวพร้อมยื่นนามบัตรให้ แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากพูดจบ มีดตัดอาหารก็แทงเข้าที่มือโดยตรง ทำให้ชายผู้นั้นตกใจช็อคอย่างมาก Augustus เดินต่ออย่างไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะมอง ท่ามกลางผู้คนที่หันมามองเหตุการณ์ Augustus ก็ยังไม่เจอหน้าคนที่ตามหา Augustus ตัดสินใจแตะที่แว่นตัวเองเพื่อเปิดใช้งานระบบสื่อสาร ซึ่งเธอได้รับข้อความเสียงจาก Schorl ที่ทิ้งไว้ ทำให้ Augustus ถอนหายใจออกมาเบาๆ บ่นที่ แค่ละสายตาไปรับสายโทรศัพท์แค่ 5 นาที Chief ก็ไม่อยู่ซะแล้ว ถ้ารอ Augustus จัดการอะไรอีกนิดหน่อย Chief ก็จะได้กองทัพไปเป็นของตัวเองแล้วแท้ๆ น่าเสียดายจริงๆ Augustus ถอดแว่นตัวเองออก นวดดั้งของตัวเอง ในที่สุดจังหวะนี้เองก็มีคนจำ Augustus ได้

เพิ่มเติม
-นินทาว่า Chief สู้ Fraser ไม่ได้หรอก ยืนตัวตรงยังไม่ได้เลย อาจจะโดนพักงานไปแล้ว Paradeisos มีประชุมใหญ่ไม่นานมานี้ Chief ก็ไม่ได้เข้าประชุมเช่นกัน
-นินทา DisCorps เรื่องโจมตีผู้บังคับบัญชา FAC เมื่อปีที่แล้ว รวมถึงการฆ่าผู้บังคับบัญชา FAC คนก่อนในปี N.F. 103 
-แว่น Augustus คล้ายแว่นโคนัน…


            ตัดภาพมาที่สนามรบกลายเป็นซากปรักหักพัง แท่งเหล็กทิ่มทะลุลงผืนทราย พวก Apostle of Ashes ถูกตรึงตามพื้น ร่างกายของพวกนั้นเริ่มสลายกลายเป็นขี้เถ้า เชลยที่จับมา(นักรบ Sinner อารัม) สบถออกมาด้วยความกลัวและโมโห ว่า ทำไมมีพลังของผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่ได้ ยัยนั่นอยู่ที่ไหน ต้องการตามไปฆ่าทันที Scarface หัวเราะเยาะว่า พลังของนายพล ตัวของนายพลไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่หรอก ต่อให้ห่างไปตั้งร้อยไมล์ ก็สามารถหักกระดูกของนักรบอารัมได้อย่างง่ายดาย ที่ไหนมีกองดาบร้าว ที่นั่นมีพลังของ Augustus ที่ทำลายทุกสิ่งได้ ทำให้เชลยนักรบอารัมหัวเสียสาปแช่ง ก่อนจะโดนสันกระบอกไรเฟิลฟาดหลังท้ายทอยจนสลบด้วยมือของ Uris เขาจับกระชากหิ้วขึ้นมา เตรียมส่งไป Nirvana Port จะได้ส่งเข้า DisCity Augustus ต้องการตัวนางคนนี้

            แพทย์สนามขึ้นมาว่า แล้วเชลยคนอื่นล่ะ ซึ่งเธอก็ยิ้มพรางชี้ไปที่พวกโจรทะเลทรายที่ขนส่งอาวุธและอุปกรณ์อารัม


            กลับมาที่ฝั่ง Augustus ที่เพิ่งถอดแว่นตา ผู้คนที่จำหน้า Augustus ได้ก็ตัวสั่นกลัวทันที เพราะที่ห้องแสดงภาพของตระกูล Andohar มีรูป Augustus ใส่ชุดเครื่องแบบ DisCorps แขวนอยู่ ซึ่ง Augustus ลืมรูปนั้นไปนานแล้ว เพราะเธอต้องการรูปตัวเองขี่ม้าสไตล์ยุคเก่ามากกว่า แต่วันนี้ของ DisCity ในสายตา Augustus ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเมื่อก่อน ผู้คนหวาดกลัว ซุบซิบนินทา ไม่กล้าไม่เข้มแข็งอย่างเมื่อก่อน 


            สับกล้องมาที่สนามรบสงครามอีกครั้ง พวกโจรทะเลทรายตอนนี้กำลังคุกเข่าอ้อนวอน Uris ให้ไว้ชีวิตตน เพราะเห็นว่าไม่ฆ่านักรบอารัมคนนั้น พวกเขาที่เป็นแค่คนส่งสินค้าก็คงรอด พวกเขาเริ่มพูดทั้งน้ำตาให้ไว้ชีวิตทุกวิถีทาง และแล้วราวกับฟ้าเมตตาประทานพรให้ แพทย์สนามแทรกมาว่าเธอจะจัดการต่อเอง พูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน เหล่าโจรทะเลทรายมองแพทย์สนามทั้งน้ำตา แพทย์สนามเริ่มเปิดกล่องพยาบาลราวกับนางฟ้ามาโปรดจะเยียวยาบาดแผลของเหล่าโจรทะเลทรายที่บาดเจ็บ

*แกร๊ก*

            เสียงที่ดังเหมือนรีโหลดกระสุน อดีตนางฟ้าล้วงมือเข้ากระเป๋าใบใหญ่ที่เธอมักจะถือหิ้วไปมา หยิบปืนพกขึ้นมาสองกระบอก ก่อนจะขยับปลายกระบอกปืนทั้งสองข้าง จ่อเข้าที่หน้าผากทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ(มาก)


            สลับกลับไปมาอีกครั้งที่งานเลี้ยง ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้หญิงคนเดิม บอกว่าภาพมีมาตั้ง 40 ปีแล้ว แต่ทำไมหน้าของ Augustus ยังคงสาวไม่แก่ลง เป็นตัวอะไรกันแน่ คำพูดเพียงแค่นั้นทำให้ทุกคนในห้องแตกตื่น เรียกหายามเจ้าหน้าที่ พยายามหนีออกทันที Augustus ก็ยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร ราวกับมองกระต่ายตื่นตูม แค่หายใจร่วมโลกกับคนพวกนี้มันก็น่าโมโหแย่แล้ว

*ตู้ม*
*เพล้งงง*

            เศษกระจกแตกกระจัดกระจายตกลงมาเป็าห่าฝน ไฟถูกตัดโดยฉับพลัน แท่งเหล็กที่บิดเบี้ยวกลายเป็นก้อนขนาดกว้างเกือบ 2 เมตรร่วงหล่นสู่พื้นจนเสียงดัง โซ่ที่ติดมาฟาดลงกับพื้นเสียงดังราวกับฟ้าผ่า สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งพื้นที่ และแล้ว Augustus ก็หยุดใช้พลังตัวเอง Augustusใช้พลังแม่เหล็กแบกก้อนแท่งเหล็กนี้มา ใช้เวลานานกว่าทีคาดการณ์ไว้ เพราะต้องไปช่วย Uris และกอง 3 ของเขา ไม่งั้นก้อนแท่งเหล็กนี่คงมาไวกว่านี้ น่าเสียดายที่ Chief ไม่ได้เห็น ก่อนจะประกาศพูดว่า นี่คืออาวุธที่ศัตรูใช้ควบคุม Tide of Ashes ทำลาย WhiteSands อยากจะมอบเป็นของขวัญให้ Chief หายซึม แต่คนในงานเลี้ยงกลับไล่ Chief ไปซะก่อน เพราะเช่นนั้น ถือว่าคนในงานโชคดีที่ได้เห็นสิ่งนี้แล้วกัน 


            กล่าวจบ Augustus ยกมือดีดนิ้วเพียงเท่านั้น โซ่เหล็กมีท่าทีเหมือนมีชีวิตขึ้นมา ดึงอุปกรณ์อารัมที่บิดเบี้ยวให้ลอยขึ้น มันน่าขยะแขยง มีเศษซากอะไรบางอย่างร่วงหล่นใส่ผู้คนที่หวาดกลัวอยู่เบื้องล่าง เธอจะประจักษ์ให้ผู้คนที่นี่ได้รับรู้ ว่าสิ่งที่พวก Outland กระทำมาหลายปี มันแหกทุกกฏแค่ไหน เพื่อที่จะได้เดินทางข้าม Farland มาฆ่าทุกคน ทุกคนที่นี่ไม่รู้จักสงครามที่แท้จริงเลยแม้แต่เพียงผู้เดียว สิ่งที่ Augustus พูดออกมานั้น ล้วนเป็นความจริงที่คนเบื้องหลังสงครามไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ผิดกับมุมมองของเธอที่ได้เห็นสงครามและได้อยู่ภายในสงครามจริงๆมาก่อน เธอจะเสริมต่ออีกว่า

“จงฟังให้ดี ไอ้พวก’รักความสงบ’ของ DisCity สงครามกำลังเริ่ม กองทัพของพวกแกก็จะกลับมาเช่นกัน”

“ใช่ กองทัพทหารที่พวกแกกลัวนักกลัวหนา คนที่มือเปื้อนเลือด แบกรับตราบาปทั้งปวง ปีศาจที่ไม่อาจหวนคืนสู่การมนุษย์ได้”

“พวกเขาคือคนที่เน่าตายในนรก เพื่อที่พวกแกทุกคนจะได้เจอกับความเจริญรุ่งเรืองเยี่ยงทุกวันนี้ แล้วตอบแทนพวกเขายังไง?

“โยนทิ้ง” 

“จงอย่าลืมละกัน ว่าบัลลังก์ทองที่พวกแกนั่งอยู่ในทุกวันนี้ สร้างมาจากเลือดเนื้อพวกเรา ไวน์ที่ดื่มอยู่คือเลือดของพวกเรา!”


            สิ้นคำพูดของ Augustus ผู้คนกรีดร้องวิ่งหนีโดยทันที Augustus ทิ้งผู้คนที่ตื่นตระหนกออกจากงานอย่างสง่างาม ผิดกับสถานการ์ณใน MBCC ตอนนี้ พอ Chief กลับมาถึง Nightingale ห่วงมากๆ ถามทันทีว่าหายไปไหนมา รู้สึกเป็นยังไงบ้าง แต่ Chief ตอบห้วนๆ ว่าไหวอยู่ แล้วถามถึงรายงานจากแถวหน้า Nightingale ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี บอก Chief ว่าดูไม่โอเคเลย ไปหาหมอก่อนน่าจะดีกว่า แต่ Chief ก็ย้ำคำเดิมว่า ไหว แล้วถามถึงรายงานจากแถวหน้าอีกครั้ง Nightingale ถึงได้ยอมบอกว่าการต่อสู้จบลงแล้ว ได้รับข้อมูลสำคัญมา Chief ถึงหยิบหน้าจอมาอ่านข้อมูลทุกคำที่เขียนทันที

            รายงานระบุว่าเจอเครือข่ายอุปกรณ์อารัมทั่ว WhiteSands จับกลุ่มเชลยได้นักรบอารัมมาคนหนึ่ง ส่วนรายละเอียดตัวเลขผู้บาดเจ็บต่างๆ ขึ้นอยู่กับ Chief ว่าเลือกส่งกองดาบร้าวที่ 3 ไปที่ตำแหน่งไหน (A/B/C)


            Chief เห็นตัวเลขผู้คนก็ถอนหายใจเบาๆ นึกย้อนไปถึงคำพูด Uris ว่าไม่ต้องห่วง ทั้งๆที่มันเสียหายมาก Chief โทษตัวเอง โทษ Uris ที่ไม่ยอมพูดตรงๆ โทษทุกอย่าง Chief เริ่มเวียนหัวพะอืดพะอมจะอ้วกจากค่ามาเนียปนเปื้อน Nightingale รีบมาจับประคองตัวอย่างห่วงใยมากกว่าเดิม
 บอกว่า Chief ต้องดูแลตัวเองนะ สงครามต้องมีความเสียหายอยู่แล้ว ชนะมาได้ก็ถือว่าภารกิจสำเร็จ ถ้ารู้สึกแย่ สามารถถอนตัวจากภารกิจนี้ได้ Chief ถึงกับหาย โยนอาการมึนหัวทิ้งทันที บอกว่าไม่เป็นไร ยังคุมอารมณ์และค่ามาเนียตัวเองได้ อาการน่าจะมาจาก BR-005 มากกว่า อาจจะเข้าใกล้มากกว่า เดี๋ยวไปห้องพยาบาลทีหลัง แต่ตอนนี้ขอพักผ่อนก่อน ต้องการเวลาส่วนตัว 

เพิ่มเติม
-ใครก็ได้ ช่วยให้โบนัสตำแหน่งเลขาดีเด่นที


            Chief ปล่อยมือ Nightingale จะออกจากห้อง แต่ทันใดนั้น Schorl ก็ออกมาเตือน ว่าอย่ารับแรงกัดดันไว้คนเดียว Chief ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับภารกิจนี้โดยตรงเพราะ Paradeisos ควบคมทุกอย่างได้ Chief จึงถอนตัวได้เสมอ อย่าฝืนตัวเองจนเกินตัว สงครามเกิดขึ้นบ่อยในยุคนี้ Paradeisos คุ้นชินกับเรื่องนี้ดี มีแผนพร้อมรับมือเสมอไว้อยู่แล้ว แน่นอนว่า Chief ตอบไปอย่างมั่นใจและแน่วแน่ว่าไม่ถอนตัว


            ออกจากห้องมา Chief เดินอยูโถงทางเดิน MBCC คนเดียว อยู่ๆ ค่ามาเนียก็พุ่งพล่าน จนใจเต้นแรงผิดปกติ เป็นความรู้สึกที่เฉยชาสำหรับ Chief ในตอนนี้มาก ต่อให้ทรมานแค่ไหนก็ไม่สน ถ้าเทียบการเต้นรำในงานเลี้ยง ความทรมานตรงนี้มันสมจริงกว่าเสียอีก จะไม่หนีไปไหน จน Chief นึกถึงคำพูด Langley ที่ว่า ใครส่ง Chief สภาพแบบนี้ไปอยู่แถวหน้าก็คงจะบ้าแล้ว Chief นึกย้อนถึง Schorl ที่เตือน และ Hella ที่เรียกขอความช่วยเหลือ Chief ยังคงดื้อรั้นจะยังคงทำภารกิจนี้ต่อไปให้ได้ ไม่พอใจที่มีคนใช้ Black Ring หาผลประโยชน์ นึกถึงคำพูดของ Nightingale ที่บอกว่า การสูญเสียเป็นเรื่องปกติในสงคราม คำพูดสุดท้ายเรื่องสัญญาของ Jasmine ก่อนจะโดนจับไป นั่นยิ่งทำให้ Chief เวียนหัวอีก จน Chief ต้องหยุดเดิน แต่จังหวะนั้น Chief รู้สึกว่า BR-005 เข้าใกล้มามาก ทำให้ Chief ยิ่งมุ่งมั่นจะจบเรื่องนี้ให้ได้

            ห้องที่มือสลัว Chief คลำหาสวิตช์ไฟไม่เจอ อยู่ๆ บรรยากาศห้องก็เปลี่ยนไป มีเสียงหัวเราะบางอย่างแว่วดัง Shackle ก็สั่น ทำให้รู้สึกว่า Chief ไม่ได้อยู่คนเดียว Chief อ่อนแอจนปล่อย Shackle ช้าเกินกว่าบางอย่างที่พุ่งเข้ามากระแทกที่อก ค่ามาเนีย Chief พุ่งสูงเกิน ตัวของ Chief ร้อนแทบไหม้ หลังกระแทกพิงกำแพง ไฟในห้องก็กระพริบ จน Chief ได้เห็นร่างเงาที่เข้ามา

"เธอคือ... Hella เหรอ?"

            จะผีหรืออะไร ต่อให้ไม่ใส่แว่น ดูยังไงก็ Hella ใบหน้าของ Hella ค่อยๆเงยหน้ามอง Chief ยิ่งทำให้หัวที่ปวดแทบจะบีบกระโหลก ภาพ BR-005 หลั่งไหลเข้ามาในหัว แต่เสียงนั้นยังเข้าถึงโสตประสาทชัดเจน

"ฉันกลับมาแล้ว"



            หลังจากจบงานเลี้ยงเต้นรำ Augustus เดินทางกลับมา Nirvana Port ที่ WhiteSands พลางฟังรายงานจาก Siglinde ที่มีกำลังใจกับความสำเร็จของแผนการ พร้อมหยิบแผนเก่าที่ Augustus เคยคิดอยากจะยึดอำนาจ FAC ขึ้นมา เสียงถามจาก Siglinde ว่ายังอยากยึดอำนาจมั้ย? สามารถแทรกแซงอำนาจได้(เนียนไปเป็น FAC แล้วดัน Augustus เข้าไปปั่นป่วนง่ายๆ) แต่ Augustus ตอบว่า ตอนนี้มีแผนอื่นในใจ เลยส่ง Siglinde ไปตามดูผู้บังคับบัญชา FAC ดีกว่า Siglinde จะได้เข้าใจ FAC 

            วางสายไป Augustus กลับเข้าห้องสั่งการ Nirvana Port ฟังเสียงอาวุธ Rancors ที่ตื่นเต้น ได้กลิ่นสงครามครั้งใหม่ ซึ่งทุกเสียงก็เป็นสมาชิกทหาร เป็นบุคคลที่ Augustus เคยร่วมรบด้วย Augustus จึงรับฟังเงียบๆ เหมือนกับการได้มาเจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ พลางเดินดูหนังสือสมุดบันทึกต่างๆ จนหยิบเล่มที่เขียนว่า N.F.62 รายงานผลสงครามประกาศอิสรภาพ DisCity บันทึกโดย บอสใหญ่ Brock Augustus เห็นก็หัวเราะออกมาเบาๆ บ่นว่า ตาแก่ฟอสซิสเขียนรายงานสงครามยังไงให้ดูเป็นเรื่องตลกได้เนี่ย แต่ก็เปิดอ่านอยู่ดี

เพิ่มเติม
-Siglinde ชมว่า DisCorps เหนือกว่า FAC ทุกด้าน แต่ Augustus แค่ยิ้ม มองว่าเป็นความอ่อนประสบการณ์ของ Siglinde



━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

ย้อนไปในอดีต 

            วันที่ 23 เดือนธันวาคม N.F. 62 ที่แคมป์กองทหารพรานที่ 3 เพิ่งได้รับชัยชนะ ยึดของกลางจากฝั่งศัตรูมาได้ ต้องฉลองสักหน่อย แต่น่าเสียดายไม่มีทั้งบุหรี่และเหล้า มันจะเรียกว่าเป็นการฉลองได้เยี่ยงใดกัน Brock เลยพยายามที่จะเข้าเมืองนครหลวงไปหาเหล้าหาบุหรี่มาฉลอง การเข้าเมืองมันไม่ง่ายเลย  ยิ่งมีประกาศล่าค่าหัวด้วย ต่อให้ปลอมตัวขนาดไหนก็โดนจับได้ เข้าร้านค้าก็เจอหน้าคนๆ นึงบนหนังสือพิมพ์ เป็นรูปนายกคนนึงที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ครบรอบวันที่เสียชีวิตได้ 1 ปี ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทของ Brock เขาเลยเอ่ยความคิดถึงสหายผู้นั้นพึมพำ ว่าจะเอาชนะพวกนครหลวงให้ได้ 

เพิ่มเติม
-ในห้องวางแผนที่นี่มีรูปที่คล้ายนโปเลียนขี่ม้า
-มีหนังสือพิมพ์นั้นแนบในสมุดบันทึกนี้ 
-นายกที่แต่งตั้งตัวเองคนนั้นชื่อ Damon ตายจากไปในวันที่ 26 ธันวาคม โดนนครหลวงลอบฆ่า
- Brock ทำสงครามกับนครหลวงอยู่…


            วันที่ 17 เดือนมีนาคม N.F.64 Brock เริ่มปล้นผู้คนที่ใช้เส้นทาง WhiteSands แล้วลักลอบเข้า Nirvana Port แต่ได้มาเจอกับ Dravyn เพราะ Helena ฝากข้อความมาให้ Helena บ่นยับว่าแผนการของ Brock เสี่ยงตายมากที่ไปบุกเข้าฐานของศัตรูตรงๆ อย่างน้อยๆตอนนี้ก็มีข่าวดีว่า Helena ได้เด็กฝึกงานที่เก่งมากๆ คนนึงมา อนาคตคงมีอุปกรณ์ดีๆให้ใช้อีกเยอะ 

เพิ่มเติม
-Farlandยังใช้อาวุธและการป้องกันแบบยุคเก่าอยู่ มีปืนรุ่นใหม่บ้าง
-Dravyn เป็นรุ่นน้องของ Brock ตอนเรียนทหารด้วยกัน 
-Brock เคยเป็นร้อยเอกของทหาร Discity ตอนนี้ Brock เป็นหัวหน้ากองทหารพราน ส่วน Dravyn เป็นพลตรีของทหาร DisCity
-Helena ทำงานที่ EDGE ตำแหน่ง ผู้อำนวยการด้านการวิจัย
- ชื่อจริง Brock Francis



            วันที่ 22 เดือนตุลาตม N.F.65 
ผ่านมา 1 ปี นครหลวงเริ่มร่วมมือกับตระกูล Andohars Helena เองก็โมโหมากเพราะสงครามยืดเยื้อมายาวนาน แต่ถึงแบบนั้น Helena ก็มักจะพาคนที่บาดเจ็บกลับไปรักษาตัวที่ Nirvana Port อยู่เสมอ 

            Brock เอาชนะการรบใหญ่ที่ WhiteSands Valley มาได้ด้วยการใช้ Tide of Ashes โดยพาทหารกอง 1 กับกองของตัวเองไปล่อ ทำให้เสียคนไปมาก กอง 1 เหลือแค่ Julianne กับ ครูผู้ฝึกสอน ที่บาดเจ็บสาหัส ได้ทรัพยากรใหม่ ปืนใหม่ๆของ Andohar มาครอบครองหลายกล่อง  Brock เลยเมาฉลองชัยชนะอย่างอารมณ์ดี แต่อยู่ๆก็มีเรื่องด่วนเข้ามากระทันหัน คนส่งสารบอกว่าพันตรี Dravyn อยู่ในอันตราย เขาเอ่ยถึงนามสกุล Andohar ซ้ำๆ Brock ยิ่งย้ำถามว่าตระกูลนั้นทำไม ผู้ส่งสารเลยตอบว่าตระกูลนั้นน่ะ ซ่อนสุดยอดอาวุธบางอย่างอยู่ แม้แต่พันตรี Dravyn ยังไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน เสียงปืน Browning M1910 โบราณดังขึ้นรัวกระหน่ำทันที ยิ่งเป็นปืนโปรดของ Dravyn ด้วย ทำให้  Brock นึกถึงภาพในอดีตที่นายกโดนปืนจ่อจากด้านหลังมาแล้ว 8 ครั้ง Brock หยิบปืนอย่างเร่งรีบออกจากแคมป์ทันที

เพิ่มเติม
-เป็นครั้งแรกๆที่มีการใช้ Tide of Ashes เป็นอาวุธ
- Brock ดูมีอาการ PTSD ต่อการเสียชีวิตนายกคนนี้มาก
-Andohar คือตระกูลค้าอาวุธที่ใหญ่มากๆ เมืองที่มีสงครามมักจะได้อาวุธจากตระกูลนี้
- Browning M1910 นับเป็นปืนโบราณเพราะผลิตก่อนที่จะขึ้นปี N.F.



            เขาได้แต่ภาวนาว่าไม่อยากให้ Dravyn ตาย เมื่อวิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุคือคลังเก็บอาวุธ เขาเข้ามาก็พบว่าพลตรี Dravyn ยังมีชีวิตอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโหอย่างมาก ปลายกระบอกปืนควันก็ลอยแต่แทนที่พลตรี Dravyn จะพูดดีๆ เขากลับดุ  Brock ว่าสร้างปัญหาให้เขา ซึ่ง  Brock งงโลกแตกทันที ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?
            เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา “เป็นตั้งหัวหน้ากองทหารพรานทำไมใส่ชุดทหารกิ้กก้อกธรรมดาทั่วไปเหรอ?” Brock ตกใจกว่าเดิม เงาบางอย่างลอยเหนือหัวผิดธรรมชาติ เด็กนี่ใคร มาอยู่ตรงนี้ได้ไง เด็กน้อยแนะนำว่าเธอชื่อ Catherine Augustus เป็นลูกสาวคนสุดท้องของตระกูล Andohar


            Augustus มาอยู่ที่นี่ได้เพราะแอบขึ้นรถขนส่งอาวุธที่ Brock ขโมยมา เลยรู้ไส้รู้พุงเกี่ยวกับที่นี่หมดแล้ว อาวุธทุกอย่างอย่างกับเศษเหล็ก หมดอายุไปเป็นชาติแล้ว อีกอย่างมันไม่เหนือธรรมชาติเอาซะเลย

            ข้อเสนอราวกับสัญญาซาตานถูกยื่นว่าถ้าไม่อยากให้ความลับนี้รั่วถึงหูไปถึงเมืองฝั่งศัตรูละก็มาทำข้อตกลงกันซะ(มัดมือชกมาก) พลตรี Dravyn รีบขึ้นเสียงเรียกสติ Brock ทำไมถึงยังคุยกับเด็กผีนี่ ไม่ใช่มนุษย์ซะด้วยซ้ำ พลตรี Dravyn เลยชักปืนยิงไปอีกสองนัด Augustus ไม่เกรงกลัวหรือกระพริบตาเลยด้วยซ้ำ กระสุนหยุดต่อหน้า Augustus ไม่กี่นิ้ว ราวกับว่ามีกำแพงล่องหนกั้นขวางไว้ วินาทีนี้เองทำให้   Brock สมองทำงานอีกครั้งทันที เพราะที่เห็นตอนนี้ เด็กนี่ไม่ได้นั่งกล่องธรรมดา แต่ไปนั่งจรวดมิสไซล์มือสองที่ขโมยมา แถมลอยอยู่บนอากาศ นี่มันเวทมนตร์แน่ๆ ทำได้ยังไง Augustus ก็จะตอบไปว่า

“หนูอายุ 11 ขวบค่ะ ตาแก่ล้านปี”

เพิ่มเติม
- เรารู้อายุแน่ชัด Augustus ตรงนี้ว่า 11 ขวบแน่นอน (N.F. 65) ส่วนเนื้อเรื่องปัจจุบัน N.F.115 ก็อายุ 61 ปีแล้ว…
- เหนือธรรมชาติในที่นี่ คือคนในยุคสมัยนี้ยังไม่รู้ว่าสิ่งเหนือธรรมชาติของพวกเขาคือพลังมาเนีย ยังไม่มีคำเรียกเลยด้วยซ้ำ 


            Augustus ตัวน้อยยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง มิสไซล์อันอื่นๆ ลอยขึ้นมาด้วยจำนวนมาก แล้วก็หมุนเป็นเบเบลดสองรอบตามมือ หน้า Brock ซีดไร้สี ตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้าเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า  Brock ถึงกับรีบตกลงทันที ขอร้องอย่าเล่นมิสไซล์แบบนั้น ก่อนจะบอกพลตรี Dravyn ให้วางปืนทันที ข้อตกลงของ Augustus ไม่มีอะไรมาก แค่ขอเข้ากองทัพด้วย ให้ช่วยสอนวิธีสู้ พาไปสนามรบ อยากเป็นนายพลของ Discity Dravyn  ตัดบท ฆ่าเถ้อะ จะได้ไม่เป็นภาระ  Brock บรีบลนลานบอกเดี๋ยวๆๆๆ!

เพิ่มเติม
-Augustusหวังสูงแต่เด็ก
-มิสไซล์พวกนี้ขโมยมาทั้งนั้น


            วันที่ 10 เดือนธันวาคม N.F.65 
Brock โจมตีกองทัพของนครหลวงด้วยการใช้ Tide of Ashes ยึดเส้นทางการส่งทรัพยากรของ Andohar มาได้ ได้ทั้ง hypercube ปืน และอาหาร แถมตัดทรัพยากรของทางนครหลวงไปมากจนเริ่มมีโอกาสชนะสงครามนี้ขึ้นมา

เพิ่มเติม
-มีการพูดถึง Victor ในส่วนเพิ่มเติมของอีเว้นต์ เป็นส่งสารที่  Brock ไว้ใจมาก เคยพยายามห้าม  Brock ไม่ให้เอาตัวเองไปล่อ Tide of Ashes 
- Brock Francis อายุ 35 ในปี N.F. 65 
- Brock โดนหมายหัวจากนครหลวงเพราะไปปล้นของเขาบ่อย


            สายสัญญาณ Helena เม้งแตกบ่น  Brock ยับๆ เพราะ  Brock สวมใส่บาเรียป้องกัน Hypercube แล้วออกไปตีมอนสเตอร์กลางวันแสกๆ  Helena ไม่พอใจที่เอาของที่ใช้ในการป้องกันไปออกล่าท้ามอน อุตส่าห์แอบส่งให้ลับๆแท้ๆ แล้วบ่นว่า EDGE เป็นองค์กรวิทย์ที่ทำเพื่อมนุษยชาติ การที่  Brock ทำอะไรแบบนี้ Helena เลยรับไม่ได้  Brock เลยรีบตัดสายไปแล้วบ่นคนเดียวว่า ได้โทรหาทั้งที ทำไมโดนบ่นว้า 


จนกระทั่งมีเสียงเด็กคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตา ในกองทัพตอนนี้ 

“เมียลุงเหรอ?” 

            เหล่าชายชาติทหารถึงกับหน้าอึมครึมเงียบคู่ แล้ว Dravyn ก็แซวว่า Augustus สร้างความเสียหายให้กับผู้บังคับบัญชาได้ Andohar ภูมิใจแย่ เด็กน้อยก็เลยถามต่อ

“อ๋อออออ…ลุงโดนเมียทิ้งเหรอ?” 



            Brock รีบตอบว่าเป็นเพื่อนทันที ดูหลังให้กันและกัน ไม่ไปดินเนอร์เดตอะไรแบบนั้นหรอก! เด็กสมัยนี้นี่ ใครสั่งใครสอนเนี่ย Augustus ก็สงสัย ผู้หญิงคนนั้นมาจาก Nirvana Port แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับแคมป์ทหารพรานแบบที่นี่? แอบส่งไรให้กันอะะะ

            Brock เอามีดจ่อคอ Augustus ทันที เพราะนั่นเป็นข้อมูลลับภายใน บรรยากาศแซวสุดชิลสบายๆจบลงทันที Dravyn เตือนว่า นั่นเป็นการสืบข้อมูลที่ห้าวหาญมาก สายลับจะโดนประหารที่นี่นะ Augustus ก็กวนตอบ “จริงเหรอ? งั้นใช้ปืนได้ไหม? กระสุนไวกว่าดาบ ถ้ากันกระสุนได้คงตื่นเต้นน่าดู” Dravyn ก็ชักปืนขึ้นมาทันที  Brock พยายามห้าม บอกว่า Augustus เป็นเด็ก เปลืองกระสุนเปล่าๆ งบยิ่งไม่มีอยู่ Augustus หลงทางมาแหละๆ เดี๋ยวพากลับบ้านน Augustus ก็บอกว่า “เก็บ Augustus ไว้ที่นี่ ข้อมุลน่าจะปลอดภัยกว่านะ แถมสนุกกว่าด้วย” Dravyn ถามย้ำ ทำไมต้องเก็บเธอไว้? Augustus ก็ตอบว่า เพราะพวกนายมีความลับกันยังไงล่ะ (หน้าเข้มซะด้วย) มหานครสั่ง DisCity ให้ฆ่า Brock Francis แล้วแต่เขากลับยังมีชีวิตอยู่ แถมกลายเป็นดาวรุ่งดาวเด่นอีกต่างหาก ทั้ง Nirvana Port ทั้ง EDGE ต่างก็แอบช่วยซะด้วยซ้ำ ุ้ามหานครรู้เข้าคงดีใจแย่ ถ้ามีข้ออ้างในการเรียกตัว ปรับทัศนคติ EDGE 

            ยกนี้ Augustus ชนะ กระโดดอารมณ์ดีรอบเต้นท์ แล้วเริ่มบ่นว่าที่บ้านน่าเบื่อ ค้าขายอาวุธ แตไม่เคยเห็นสงคราม มีแต่ตึกคฤหาสน์ ค้าขาย นับเงินอย่างเดียว เบื่องานเลี้ยงเต้นรำ อีกไม่นานก็คงถูกส่งไปแต่งงานกับนักการเมืองหาพันธมิตร ก็เลยแอบหนีออกมา หาเรื่องสนุกทำก่อน ถ้าทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ ตระกุลอาจจะยอมฟังความคิดเห็นของ Augustus บ้าง อยากเห็นผู้บังคับบัญชาตัวจริงเสียงจริง อยากเห็นม้า อยากขี่ม้าวิ่งในสนามรบแบบในหนังสือในภาพวาด



            Dravyn เน้นย้ำ ว่าเมืองของ Augustus คือศัตรู Augustus ก็เถียงว่า คนค้าอาวุธไม่มีบ้านเกิดหรอก Andohar ไม่มีศัตรู ถ้านายมีเงินมีความต้องการ พ่อแม่ Augustus ก้มาคบค้าด้วยได้ การันตีความลับ อีกอย่าง จะไม่หาผลประโยชน์จาก Augustus จริงๆเร้อออ Augustus (หรี่ตามอง Dravyn) แถมรู้ด้วยว่า Dravyn ไม่สนวิธีการหรอก ตราบใดที่ไปถึงเป้าหมายได้ ซ่อนตัวจากกองทัพ Discity แอบมาคบค้ากับพวกกองทหารพราน … ถ้ากล้สฆ่า Augustus ได้ ทำไมไม่กล้าเอามาใช้หาผลประโยชน์ล่ะ? พวกมหานครยังไม่รู้พลังของ Augustus เลย Augustus หัวเราะเบาๆ แตะอกตัวเองเหมืองเป็นซาตานที่มาทำสัญญาด้วย บอกว่าตัวเองคืออาวุธลับสุดยอดของยุคใหม่ ไม่สนใจเหรอ? จะไม่ใช้จริงๆเหรอ? 

            Darvyn ยังไม่ทันตอบอะไร  Brock ก็เสียงดังห้ามขึ้นมา หิ้วหลังคอ Augustus เป็นแมว Augustus เลยตื่นเต้น ปากบอก “ว้ายย น่ากลัวจังเลยยย” แต่ใช้พลังควบคุมปากกาพุ่งทะลุมือ  Brock ไปคลีนๆ แต่  Brock ไม่สะทกสะท้าน Augustus เลยคุมมีด ซึ่ง  Brock ก็ใช้ปากกัดไว้ ก่อนจะจับมีดทิ่มลงพื้น Augustus แข็งทื่อ มองปืนที่อยู่ใกล้ๆทันที  Brock เลยบอกว่า ปืนไม่มีกระสุน รู้พลัง Augustus หมดแล้ว ระยะ 3 เมตร บิดของไม่ได้ ทำได้แค่เร่งความเร็วไปมา ไม่ได้เก่งไปกว่านักมายากลตาม TV หรอก Augustus ก็เถียงกลับแม้ว่าจะยังห้อยต่องแต่งอยู่ก็ตาม ว่าอาวุธสนิมจับงี้ คิดเหรอจะชนะ ไม่งั้นก็จับ Augustus เป็นตัวประกันแล้วรีดไถ Andohar สิ  Brock วาง Augustus ลงนั่งเก้าอี้ดีๆแล้วเริ่มอธิบายว่า น้องชายของ  Brock เพิ่งแต่งงาน กำลังหาชื่อให้ลูกสามคนเลย อยากให้ลูกมีความสุข Augustus ก็บอก Andohar ก็อยากให้ลูกมีความสุขนะ จ่ายหนัก ซีเรียสเรื่องคู่แต่งงานมาก  Brock ก็เถียงว่านั่นไม่ใช่ความสุข แถม Augustus ไม่ควรอยู่ในที่แบบนี้ ความรุนแรงมันกัดกินหัวใจผู้คน เด็กไม่ควรเกี่ยว  Brock ก้จะส่ง Augustus ไปที่ปลอดภัย ติดต่อโทรหาใครสักคนที่ Nirvana Port ระหว่างคุยก็มีแหกปากเข้าใจผิดกันนิดหน่อย Augustus ถึงกับหน้าจ๋อย แต่ก็ถามออกมาว่า Discity มีม้ามั้ยยย ม้าสี่ขาตัวเป็นๆที่ขี่ได้ แต่ Dravyn รำคาญละ ส่งไปด่วนๆ 

            วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส  Brock ขึ้นรถเดินทางกับ Augustus ซึ่ง Augustus ก็เตือนว่า ถึงแม้ว่าชนะรอบที่แล้ว แต่ต่อจากนี้ต้องระวังให้มากนะ เพราะก่อนหน้านี้ กองพลทหารพรานโดนมองว่าเป็นแค่มด มหานครไม่สนใจ แต่พอมดตัวนั้นเริ่มเป็นภัยจริงๆขึ้นมา เขาจะกำจัดอย่างจริงจังแล้วนะ 

เพิ่มเติม
- Brock ผิดสัญญารอบที่ 182(ละ Helena นับแม่นมาก)
-การโทรในยุคสงครามมันแพงและยากมาก ผู้คนส่วนใหญ่ต้องใช้การฝากข้อความโทรเลขกัน
-สรุป ตระกูล Andohar ไม่เคยเป็นทหาร เป็นคนค้าอาวุธอย่างเดียว
-พี่ Augustus เบียวม้าแต่เด็กเลย 


━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

กลับมาปัจจุบัน 

วันที่ 2 เดือนสิงหาคม N.F.115 ณ ช่องแชทของ Paradeisos

EDGE-05: คำสั่งเกณฑ์ทหารไม่ผ่านตามที่คาดการณ์ แต่ผลโหวตต่างจนน่าประหลาดใจ เหตุการณ์ที่งานเลี้ยงเต้นรำแห่งสันติภาพที่ Eastside เมื่อไม่กี่วันก่อนอาจจะเป็นต้นตอสาเหตุ การกระทำของ Andohar ทำให้สมาชิกสภาตื่นตระหนกไปหมด

EDGE-03: ไม่เป็นไร 04 กับ Nirvana ขาดทุนไปหนัก มีการผ่อนปรนบ้างก็เป็นเรื่องดี อีกอย่างกองหนุนจาก FAC ก็เพียงพอ เราไม่เคยคิดจะพึ่งพวกเขาในสงครามนี้อยู่แล้ว สถานการณ์ของ SHP-13 เป็นไงบ้าง? ได้ยินมาว่ามีความคืบหน้า

EDGE-07: ถูกต้อง! แถมเป็นเรื่องใหญ่ด้วยนะ คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าง่ายๆก็คือ มีตัวตนมาเนียปนเปื้อนผิดปกติที่ลอดผ่านทุกการป้องกันของ MBCC จนเข้าไปปะทะกับ SHP-13 แต่...ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ ยืนยันแล้วว่าตัวตนมาเนียนี้ เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่าง ส่วนหนึ่งของ BR-005, ร่องรอยของ Hella และ shackle ของ SHP-13 มันกลมกลืนได้แปลกมาก เราได้ตัวอย่างที่แสนล้ำค่ามา! นั่นแปลว่า ต่อให้ไม่มีข้อมูลจากห้องสังเกตการณ์ที่ 3 เกี่ยวกับ BR-005 แต่เราก็มีวิธีใหม่ที่จะติดตามและวิเคราะห์สภาพของ BR-005 แล้ว 

EDGE-02: ฮืมมม น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว แล้ว..เป็นเพราะความปรารถนาอันแรงกล้าของ Sinner ตัวน้อยที่อยากเจอ Shepherd เลยดึง BR-005 มาที่ DisCity เหรอ? หรือว่า BR-005 ใช้ Hella เป็นช่องทาง หลอกล่อ Shepherd? ...ฉันว่าฉันคิดมากไปแหละ อาจจะเดามากเกินไปหน่อย ขออภัย ตอนนี้สังเกตุอย่างใกล้ชิดดีกว่า การปรากฎตัวของตัวตนนี้มีผลกระทบต่อ SHP-13 แน่นอน ต้องคอยจับตาดูไว้ เพื่อไม่ให้ SHP-13 เสียการควบคุม

EDGE-07: แล้ว 01 ล่ะ? มีอะไรคืบหน้าไหม? จะมาทันรึเปล่า? พวกเราดึงดูดความสนใจมากเกินไปมั้ย? พวกเขาจะจับได้รึเปล่า... 

EDGE-02: จากที่ผ่านมา การไม่มีข่าวคราวคือข่าวดี เราแค่ต้องรอและซื้อเวลาให้เขา ส่วนเรื่องการโดนตรวจจับ… ตราบใดที่ Shepherd สุดแสนน่ารักของเรายังอยู่ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก เอาล่ะ เรามาสังเกตและบันทึกกันต่อดีกว่า สงครามครั้งนี้น่าจะให้ข้อมูลที่น่าสนใจมากทีเดียว 

เพิ่มเติม
-ช่องแชททางทีมแปลอยากให้อ่านเต็มๆมากกว่าที่จะบรรยาย
-05 น้องใหม่ไฟแรง(?) 07 วิทย์จ๋าๆตื่นเต้นกับพัฒนาการ Chief 03 คนกลางรับจบ 02 คนให้ท้าย Chief ไม่อยากให้ 01 มาเกี่ยว


            วันที่ 2 เดือนสิงหาคม N.F.115 13:00 ณ ห้องออฟฟิศ MBCC ของ Chief  Max King นัดเจอกับ Chief โดยอ้างเรื่องความปลอดภัยของเมือง มติเกณฑ์ทหารที่ไม่ผ่านทำให้ Max King เสียอำนาจไปมากจนต้องหาพันธมิตรเพิ่ม แต่ในตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี ต่างกับ Chief ที่อารมณ์ดีสุดๆ ดีจน Max King ขอร้องให้ Chief จริงจังกับเรื่้องนี้ แล้วยกกระจกบานเล็กๆขึ้นมาส่องหน้า Chief ภายในเงากระจกนั้นก็สะท้อนให้เห็นว่าแก้มของ Chief แดง ออร่าเปล่งปลั่ง แทบจะเรืองแสงได้ แต่น่าตกใจว่าทำไมสะท้อนกระจกก็ไม่เห็นเงา ที่นี่ผีเฮี้ยนเหรอ เงาอะไรเกาะอยู่ น่าขนลุก น่ากลัว เชื้อมาเนียหรืออะไร ทำให้ Chief ตกใจสตั้นทันที รีบถามออกไปว่า นายเห็นด้วยเหรอ(พี่เห็นหนูเหรอคะ)  Max King ร้องโวยวาย ว่าสิ่งนั้นเหมือนจะยกนิ้วใส่หน้าเขา(รู้ๆกัน Hella ยกนิ้วไหน) ซึ่ง Max King ดูกระวนกระวายจน Chief ขำออกมาในรอบหลายวัน ในฐานะคนปกติแล้ว Max King เองก็ไม่เคยเห็น Nightmare ของ Hecate แต่กลับเห็น Hella นั่นทำให้ Chief มีความสุขมาก ยืนยันได้ว่า Hella ที่กอดอยู่คือของจริงแท้แน่นอน

เพิ่มเติม
-Max King จิตสัมผัสคนสืบผี
-Chief อารมณ์ดีจนจะลอยได้ละ
-รู้ๆกันว่าHellaพูดหวานจนสิ้นใจแค่ไหน และนิ้วที่ Hella มักจะยก ตัด โป้ง ชี้ นาง ก้อย ทิ้งได้เลย



            โอกาสนี้ Chief ฉวยโอกาสแนะนำตัวเงาที่อยู่ข้างๆ เงานั่นเล่นใหญ่เกินเบอร์ทำท่าหมุนรอบอากาศ แลนดิ้งบนโต๊ะ Chief แนะนำว่านี่คือ Hella เป็น Sinner คนแรกๆที่ Chief ได้เจอเหมือน Hecate ถึงแม้จะเป็นแค่เงาเหมือนผี แต่ก็แน่ใจว่านางยังไม่ตาย แต่การที่โผล่มาแบบนี้ต้องมีเหตุผลแหละ Chief เลยพยายามคุยสื่อสารแต่ทำไม่ได้ เลยถามความเห็น Max King ได้ยินบ้างมั้ย แต่ Max King ยังไม่ได้ตอบ Chief ก็โม้ต่อ ว่า Hella พูดจาน่ารัหวานอ่อนน้อม เป็นตัวแทนของSyndicate นายต้องชอบ Hella มากแน่ๆ(เหรอคะ?) อวยเยอะจน Max King พูดเรียกสติ มันใช่เวลาอวดลูกสาวมั้ยเนี่ย!!


            จนทั้งคู่นั่งคุยกันดีๆ Max King ถามตรงๆ ระหว่าง Chief และ Augustus ทำข้อตกลงอะไรกัน เรื่องงานเลี้ยงฉาวโฉ่ จนมีแต่รูป Augustus อยู่หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เต็มไปหมด พวก DisCorps ต้องการอะไรกันแน่ เขายังถามย้ำว่า Augustus ไปในฐานะแขกของ Chief แค่นั้นใช่มั้ย Chief ก็บอกว่าแค่ร่วมมือกันเฉยๆ ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น พยายามพูดบอก Max King ดีๆ 

            ว่า Augustus อยากได้ประตูหลังผ่านเข้าระบบรักษาความปลอดภัยของเมืองได้ และทาง Chief เองก็ต้องการกองกำลัง DisCorps เช่นกัน แถม Campbell เป็นต้นเหตุทำให้ Chief ใช้พลังตัวเองไม่ได้ จนต้องหาพลังจากที่อื่นมาช่วย Augustus ไม่ได้ต่อต้านคำสั่งเกณฑ์ทหารเลย แค่ขัดขวางคำสั่งเพราะมีกฏบังคับ Augustus มากเกินไป เธอไม่ใช่หมาที่จะใส่ปลอกคอรับคำสั่งได้ง่ายๆขนาดนั้น

            ถึงแม้นายกคนปัจจุบัน(Max King)จะไม่เคยเห็นสงครามจริงๆ แต่ก็รู้มากพอว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ได้มีแค่มอนสเตอร์มาเนียหรือพวก Underground ไหนจะพวก Outland ที่ Chief พยายามปกป้องเมื่อเดือนที่แล้วในงาน Great Expo คำพวกนั้นทำให้ Chief หัวร้อนขึ้นมา พูดกลับว่า คิดว่า Chief  ไม่พร้อมรับมือกับสงครามรึไง? แต่ Max King ตอบอย่างจริงใจ ว่าเป็นห่วง ก่อนจะหันกระจกส่องหน้า Chief อีกครั้ง ซึ่งกระจกจะสะท้อนให้เห็นว่า Chief ยังคงนั่งอยู่คนเดียว Hella ไม่ได้อยู่ตรงนี้จริงๆ Max King กลัวว่า Chief จะรับแรงกดดันไม่ได้ เพราะคนดีๆแบบ Chief เวลาเจอเรื่องที่รับไม่ได้มันเจ็บปวดมากกว่าคนปกติอยู่แล้ว แต่ Chief ไม่สนใจ ต้องการไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม พา Hella กลับบ้านให้ได้

เพิ่มเติม
-Campbell ตระกูลของ Adelaide, Eirene, Hypatia


            Max King อยากคุยต่อ แต่เลขาโทรตามแล้ว เลยต้องรีบออกจาก MBCC แต่ก่อนออกจากห้อง เขาเน้นย้ำว่า Chief ยังมีเพื่อนที่มีชีวิตจริงๆ พร้อมช่วยเหลืออยู่ อย่าเสียเวลากับเด็กคนนั้นมากเลย ออกจากห้องมาได้ เจอ Elvira กับ Hecate ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง ซึ่ง Hecate รีบเข้าออฟฟิศ Chief ทันที Elvira ใช้โอกาสนี้ เดินไปส่ง Max King พร้อมแอบคุยด้วยแบบเงียบมากๆ ให้ได้ยินกันแค่ 2 คนเท่านั้น 

            Max King อธิบายสถานการณ์ สมาคม Sillage ไม่เคลื่อนไหวตั้งแต่ปฏิบัติการ Euphoria ประชาชนต่อต้านสงคราม เริ่มมีข่าวลือความสัมพันธ์ของ Chief และ Augustus ด้วย อาจจะเกิดจากชาว Outland ซึ่ง Elvira ก็ตอบว่าเข้าใจ เพราะ Elvira เคยใกล้ชิดกับ Spy จาก Outland 9th เลยไม่ไว้ใจมาก่อน สอบสวนบ่อย จำกัดการเข้าถึงข้อมูลด้วย คงช่วยไม่ค่อยได้ Max King รักษาน้ำใจก่อนจะแซวเล่นว่า โล่งอกที่มี นางสาวจีเนียส Stewart อยุ่ข้างกาย Chief ดูแลสาวน้อยของ Max King ซึ่ง Elvira อยากสวนมากว่า Chiefเป็นสาวน้อยของ Max King เมื่อไหร่??? แต่ยั้งปากไว้ เพราะตอนนี้ทุกคนอยู่เรือลำเดียวกัน ก่อนจะรับปากไปว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ 



ณ บ้านหรูแห่งหนึ่ง

            Augustus เดินทางกลับถึงบ้าน ถอดอุปกรณ์เครื่องแบบ พลางมีเสียง Rancor ดังก้องไปทั่ว เลยเปิดดนตรีเพื่อเบาเสียงในหัวของตัวเอง แต่แล้วเสียงโทรศัพท์เข้ามา Augustus รับสายอย่างอารมณ์ดี เสียงระริกระรี้เสียยิ่งกว่าอะไร ซึ่ง Chief โทรมาเพื่อขอความช่วยเหลือบางอย่าง ต้องการกำลังคนของ Augustus เธอยินดีช่วยอย่างมาก ฝากดูแลทหารของเธอดีๆล่ะ จะรอฟังข่าวดีจาก Chief
 
            วางสายกันไปแล้วแต่ Augustus ก็ยังยิ้มอยู่ จน Uris เข้ามาในห้อง Augustus ถึงพูดเรื่อง Chief ให้ฟัง ชมว่าเป็นมือใหม่ไฟแรง แต่ Uris ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ยิ่ง Augustus ให้กองกำลังที่ดีที่สุดไปด้วย แต่ Augustus เห็นว่า Chief มีพรสวรรค์ แถมหัวดื้อรั้นพอตัว เหมือนที่ Augustus เคยเป็น ลองให้โอกาสดูสักหน่อย

เพิ่มเติม 
-เสียงพูดจากอาวุธ Rancor ดังตลอดจนต้องมีรู้สึกรำคาญบ้างแหละ
-Uris ตำแหน่งสูงมากจนเป็นตัวแทน สั่งการแทน Augustus ได้เสมอ 



            กองดาบร้าวที่ 3 ที่ซ่อนตัวอยู่ ตรวจเช็คความพร้อมอีกรอบ แพทย์สนามไม่มั่นใจเรื่องการจำนวนและตำแหน่งศัตรูว่าจะซ่อนอยู่ใน Tide of Ashes ได้นานขนาดนั้นจริงเหรอ พันโทยืนยันว่า อุปกรณ์อารัมสามารถทำได้ และ Chief ต้องการให้กอง 3 นำทัพไปก่อนเพื่อเปิดทางให้ Chief มาใช่ Shackle นำทางเข้าสู่ BR-005 เป็นแผนการที่น่าเชื่อถือ แพทย์สนามถอยหายใจ เพราะ Chief ฝืนดื้อตลอด ใช้ Shackle มีแต่จะเป็นผลเสียให้ปนเปื้อนมาเนียมากยิ่งขึ้น ต่างจาก Scarface ที่บ่น พันโทย้ำให้ทุกคนทำตามหน้าที่ ทะลวงเข้า Tide of Ashes และระบุตำแหน่งศัตรู MBCC จะคอยให้ข้อมูล ทำลายอุปกรณ์อารัมทั้งหมด พร้อมเริ่มปฏิบัติการณ์แล้ว พันโทจึงส่งสัญญาณให้ Nirvana Port 



            ที่ปรึกษาของ Farland ทั้งหลายแหล่นั่งประชุมตึงเครียด ไม่เข้าใจว่าทำไมศัตรูถึงรู้ ว่า BR-005 ซ่อนอยู่ใน Tide of Ashes จนตัดสินใจบุกเข้ามา ทางสถานบันวิจัยอารัมได้มีการส่ง Apostle of Ashes ที่ผสมอุปกรณ์สังเกตุการณ์เข้าไปใน BR-005 แทรกซึมเข้าไปอยู่ใกล้ๆกับ Hella เพื่อเก็บข้อมูลวิจัยต่อ แต่ตอนนี้ฝั่งศัครูเริ่มได้ข้อมูลผ่าน Shackle ที่เชื่อมกับ Hella ทำให้ที่ปรึกษา Fraser รีบวางแผน ต้องการกำจัด Hella และหากทำให้ Hella กลายเป็น Corruptor ได้ Shackle ก็จะปนเปื้อนมาเนียหนักจนอาจจะส่งผลร้ายแรงต่อ Chief แต่เมื่อสั่งการไปด้วยวิธีการจาก Underground กลับมีมาเนียสีดำไหลออกมาจากอุปกรณ์ และเข้าโจมตีผู้สั่งทันที ที่ปรึกษาคนอื่นๆแตกตื่นทันที ตกใจว่าทำไม BR-005 ถึงทำร้ายพวกเขา คิดว่า Hella ควบคุม BR-005 ไปแล้วแน่ๆ 

            Synex ที่มองอยู่อย่างอารมณ์ดี บ่นพึมพำว่า BR-005 เกิดจากความเกลียดชังที่ยอมตายดีกว่าถูกควบคุม จะใช้อุปกรณ์อารัมกี่ล้านชิ้นก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ซึ่ง Synex ที่มีมาเนียในตัวสูง ก็พอจะเห็นข้างใน BR-005 ว่าสภาพเป็นยังไง มี Hella อยู่ที่ใจกลาง แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่า ควบคุมได้หรือโดกนควบคุมไปแล้ว แต่รอบๆตัว hella ก็มีความปรารถนารายล้อมไปทั่ว ทั้งปกป้องและทำลายในเวลาเดียวกันจนเกิดเป็นสมดุล คนที่ปกป้องอยู่คือ เหล่าผู้คนดวงวิญญาณที่จากไปแล้ว BR-005 ต้องการปกป้อง Hella เพราะงั้น ไม่มีใครทำอะไร Hella ได้ พนักงาน Fraser ที่เป็นลูกน้องของ Campbell ก็มายืนยันบอกว่า ถ้า BR-005 ต้องการ Hella ล่ะก็เราก็ทำอะไรไม่ได้

เพิ่มเติม
-Moore จาก Underground มายืนยันให้ว่า DisCity ไม่สามารถตรวจสอบแถวที่พวกที่ปรึกษาซ่อนตัวอยู่ได้ 
-Chief ใช้ Shackle ระบุตำแหน่ง BR-005 ได้ และ BR-005 ก็มีปฏิกริยาตอบสนอง
-Synex ยืนมอง มือจกเบอรี่กินอร่อยมาก 



            Chief ตื่นขึ้นมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง มี Hecate ที่หน้าเครียดคอยซับเหงื่อที่หน้าให้ความเป็นห่วง เธอจะถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า? ตอนนั้นก็ไม่ได้ตอบออกไปในทันที Chief รู้ตัวละว่าการที่ใช้ Shackle เพื่อตรวจหา BR-005 เนี่ยมันเหนื่อยแค่ไหน คงเผลอหลับไปตอนที่อ่านรายงานการรบ ความพยายามของ Chief ก็ไม่ได้ศูนย์เปล่า แผนการดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น Chief เลยยิ้มตอบ Hecate ไป “แผนการฉันได้ผล กองทัพของ Augustus จะเจอ BR-005 แล้ว Hella ก็จะกลับมา ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ดูสิ..” Chiefก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ‘Hella’ ที่ลอยอยู่ ทำท่าพึงพอใจอยู่บนหัว Chief ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา

ตรงจุดนี้ Chief จะถือโอกาสเทสระบบ Hecate จะถามออกไปว่าได้ยินเสียง Hella ที่หัวเราะอยู่มั้ย Hecate ส่ายหน้าไปมา ว่าเธอไม่ได้ยินหรือเห็น Hella แม้แต่น้อย Chief ก็เข้าใจว่าไม่มีใครเห็นจริงๆ ขนาด Hecate ยังมองไม่เห็น เลยเอาพวกจดหมายของฝากที่ Hella ส่งมาให้ตอนเดินทาง เอามาวางรอบๆโต๊ะทำงาน ดวงจิต Hella ก็ตื่นเต้นดี๊ด๊า ยิ่ง Chief ชี้รูปไหนเป็นพิเศษดวงจิต Hella ก็ทำท่าเหมือนอยากเล่าอะไรให้ฟัง เต้นโชว์บ้างอะไรบ้าง Chief ก็เล่าแต่รูปแต่ละที่ เริ่มจาก “เมืองคาวบอยที่ Whitesands เป็นจุดแรกที่ Hella หยุดพัก เจอพวกต้มตุ๋นเยอะ Hella บอกว่าโมโหมาก แต่ดูแล้ว Hella ก็ดูสนุกดีนะ แล้วก็มีหุบเขาที่รถพัง เจอโจรมาปล้นแต่ก็ไปปล้นโจรซะเอง เดินทางไกลมากไปจนถึงพื้นที่ของ Outlander เลย มีเพื่อน Outlander หลายคนเลยด้วย แล้ว Chief ก็เริ่มเปรียบเทียบว่า Chief เนี่ย คุยแต่เรื่องคำสั่งโน่นนี่ แต่ Hella ได้ออกไปช่วยเหลือผู้คน แถมสนิทซี้กับพวก Outlander ได้มากยิ่งกว่าพวกฑูตที่ Discity ส่งไปซะอีก Hella ไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้เลย เพราะงั้น พวกเราต้องพา Hella กลับมาให้ได้ “ Hecate ก็ยิ้มตอบรับปากเห็นด้วย แต่ก็คงอยากให้ Chief ปลอดภัย เพราะงั้นต้องดูแลตัวเองบ้าง ซึ่งดวงจิต Hella ก็ค่อยๆลอยต่ำลงมา แม้ว่าร่างนั้นจะเบาบาง แต่ก็พยายามดึง Hecate กับ Chief เข้าไปกอด

Nightingale : “Chief! ได้ข่าวมาแล้ว!!” 

            สายติดต่อของกองดาบร้าวราวกับเสียงสวรรค์มาโปรด รายงานว่าภารกิจสำเร็จ สามารถเขาถึง BR-005 ได้ แต่ไม่สามารถส่งรูปให้ดูได้ ก่อนสายจะถูกตัดไป

เพิ่มเติม
-แม้แต่ Hecate ที่มี Nightmare ยังมองไม่เห็น Max King ที่เป็นคนธรรมดาจิตสัมผัสได้ไงก่อน


━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

ย้อนไปในอดีต 

            วันที่ 22 เดือนกุมภาพันธ์ N.F.66 ที่ฐานลับใกล้ๆ WhiteSands ติดต่อไม่ได้ 10 วัน พอ  Brock ไปถึง ทุกคนเสียชีวิตหมด ทุกคนที่แปลว่า 300 คน ไม่ได้สู้แต่ไหม้ตาย เนื้อเน่า ขุดดินหนีจนเล็บฉีกหัก ทำให้สงสัยมากว่าศัตรูใช้อาวุธอะไร แต่  Brock นึกถึงคำเตือนของ Augustus ที่ว่าทางนครเหนือจะเริ่มเอาจริง

            วันที่ 13 เดือนมิถุนายน N.F. 66 มีการบันทึกผลข้างเคียงจากการใช้อาวุธชีวภาพชนิดใหม่ที่สร้างขึ้นมา ว่ามีอาการหลอน เริ่มทำร้ายตัวเองและคนอื่นรอบตัว Helena เป็นคนวิจัยดูแลเรื่องนี้ และในวันเดียวกัน พันธมิตรนครหลวง ตัดสินใจทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลูกใหญ่ลงที่ Nirvana Port Helena ที่ยังพอมีชีวิตอยู่ก็พยายามบันทึกเสียงสุดท้ายของตัวเองทิ้งไว้ให้  Brock ว่า 
"เคลียร์ห้องแลปใต้ดินแล้ว มีหลายคนเข้าไปหลบภัยได้ แล้วก็อาวุธปืนที่  Brock หามาได้ Helena จะพยายามซ่อนอาวุธพวกนั้นไว้ให้ ถ้า Helena ไม่มีชีวิตรอดกลับไป ก็อยากบอกว่า Helena เกลียดสงครามมากๆ สาบานว่าจะไม่เกี่ยวข้อง Helena เป็นนักวิทยาศาสตร์ อยากช่วยเหลือผู้คนด้วยงานวิจับ ไม่ใช่สร้างอาวุธมาเพื่อฆ่า ไม่อยากเห็นงานที่สร้างกลายเป็นสิ่งที่นอเลือด แต่ตอนนี้เห็นอยู่ทุกคืน หนีก็ไม่ได้แล้ว เป็นเหตุผล Helena ทิ้ง  Brock เผื่อว่าจะได้ไม่เกี่ยวข้อง แต่ก็ได้ยินเรื่องคนที่ทรมานอยู่เรื่อย ไหนจะสีหน้าเยาะเย้ยจากพวกคนนครหลวง...  Helena ก็จะโมโหมาก ส่วนหนึ่งในใจอยากจะวิ่งกลับไปหา  Brock เพื่้อสู้

            ตอนนี้คนอื่นๆก็คิดเหมือนกัน คนที่เป็นประชาชนทั่วไปทำไร่ทำนา จะส่งอาวุธให้ Brock เอง เหล่าคนที่รักษาได้ก็จะฝ่ากระสุนเพื่อไปรักษานักสู้ที่บาดเจ็บ พวกเราจะช่วย ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม พวกเราอาจจะไม่ใช่ทหาร แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทำอะไรไม่ได้ มันอยู่ในสายเลือด ทั้งของเราและของนาย พวกเราจะปล่อยให้ทุกอย่างมอดไหม้ไม่ได้ เพราะงั้น สัญญากับฉันนะ อย่าให้มือประชาชนแปดเปื้อน คนที่อาสา คนที่ยังรู้ว่าความสงบสุขเป็นยังไง อย่าให้การเข่นฆ่ากลายเป็นความเคยชิน ถ้าเราก้าวข้ามเส้นนั้นไปแล้ว เราจะหันหลังกลับมาไม่ได้แล้ว

            ถ้านายอยากอยู่ที่สนามรบต่อไป ก็อย่าให้คนที่เชื่อมั่นในตัวนายมือเปื้อนเลือด ถ้าทุกอย่างจบลงให้พวกเขากลับบ้าน มือนายเปื้อนเลือดแล้วเพราะงั้น นายต้องเป็นคนแบกรับ เป็นหน้าที่ของทหาร เดินข้ามผ่านนรก แทนที่เหล่าผู้บริสุทธิ์ ส่วนตัวฉัน... จะรอนายอยู่ที่อีกฟากนะ แต่ไม่ต้องรีบมานะ ชนะสงครามให้ได้ก่อน ใช้ชีวิตให้คุ้มค่านานๆ จนแก่เฒ่าในเมือง Discity ที่เป็นอิสระ แล้วนายค่อยมาเล่าให้ฉันฟัง"

            เทปจบลงด้วยเสียง ‘คลิ้ก’ เบาๆ แล้วเมฆก็แยกออกจากกัน แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนทรายสีขาว  Brock เงยหน้าขึ้นเหม่อลอย มีเพียงแค่เงาของ Nirvana Port ที่หลงเหลืออยู่ไกลๆ เป็นเงาที่ Brock มักจะเงยหน้ามองอยู่เสมอนับครั้งไม่ถ้วน แต่ตอนนี้ เหลือเพียงแค่ซากยักษ์ที่ฝังคนที่  Brock รักเอาไว้ นางไปนรกก่อนแล้ว ตามคำพูดที่เคยพูดไว้ 


            Brock เศร้า แต่ Dravyn ก็อยู่เคียงข้างตลอด พยายามเอาแผนการมาพูดว่าอีก 2 วันจะออกเดินทาง ไปหาพรรคพวกในเมือง และ Dravyn คิดจะใช้ชื่อ  Brock เป็นผู้นำปลุกระดมคน ถ้าชนะ Discity จะได้เป็นอิสระ พวกเมืองนครหลวงก็จะตัดทรัพยากรเราทุกทาง จะพยายามบุกรุกเรา อาจจะมีระเบิดนิวเคลียร์มาอีกก็ได้ แล้วตอนนั้นแหละ ที่ความกลัวจะมีทุกที่ เมืองนี้ต้องการความหวัง และ  Brock จะเป็นคนมอบความหวังนั้น นี่คือสิ่งที่  Brock ถนัดไม่ใช่เหรอ? เพราะงั้น มีชีวตอยู่ต่อซะ ทำในสิ่งที่ทำได้
   
            Brock ก็พยายามใจสู้ ว่ายังตายไม่ได้ ต้องเอาชัยชนะไปให้ Helena แล้วก็เห็นด้วยกับ Augustus ว่าอุปกรณ์ที่มีตอนนี้ห่วยแตก ต้องมีของที่ดีกว่านี้ ไปเอาอาวุธของ Andohar ที่ Helena หลั่งเลือดซ่อนไว้ให้ที่ใต้ดิน Nirvana Port แล้ว  Brock เริ่มฮึกเหิม จะใช้อาวุธของศัตรู ฆ่าศัตรูเอง 

17 - 29 มิถุนายน  Brock นำกองกำลังไปตามหาและช่วยเหลือคนที่ติดอยุ่ใต้ Nirvana Port 
3 กรกฎาคม  Brock พาคนที่รอดชีวิต และทรัพยากรที่เหลือกลับแคมป์ 
10 กรกฎาคม  Brock เข้าพบเจอกับทุกคนในหน่วยกองพลทหารพราน มอบเหรียญที่  Brock ทำด้วยตัวเอง
25 กรกฏาคม  Brock นำทัพไปทำลายโรงเก็บมิสไซล์ที่นครหลวงเหลือทิ้งไว้ 
27 สิงหาคม Brock ทำให้ DisCity รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งกองทหารพรานและกองทัพ Discity แล้วจัดฉากการกบฎขึ้นมาเพื่อให้ Discity เป็นอิสระจากนครหลวง 



            15 เดือนกันยายน N.F.66 ณ DisCity Brock ขึ้นเวทีพูดปราศรัยบนเวทีนายกของเมือง พูดกล่าวถึง Damon อดีตนายกที่ถูกนครหลวงลอบสังหารไปเมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้ตัว  Brock เข้าร่วมกองทัพพรานเพื่อล้างแค้น จนเกิดการสังหารหมู่ที่ Nirvana Port ถึง ยอมออกจาก WhiteSands เพื่อมาเข้าร่วมกองทัพ ผ่านสงครามอันโชกโชน ทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีใครปกป้องเราได้นอกจากตัวเราเอง DisCity จะเป็นอิสระ การปกครองขั้นสูงสุดเป็นของประชาชน พวกเราต้องชนะ และพวกเราจะชนะ สาเหตุที่ทำให้ทุกคนทุกรุ่นอายุเผชิญหน้ากับความตายโดยไม่หวาดหวั่น สาเหตุนั้นจะทำให้ทุกคนชนะ 

            ซึ่งทุกคนเฮ ในวันนี้ บทพูดของ  Brock เป็นบทที่ดีที่สุดในชีวิตเขาแล้ว Brock พูดจบ แสดงความเคารพ แล้วก็เดินด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นกล้าหาญ เดินกลับเข้าหลังเวทีไป แต่ทันทีที่หลบสายตาประชาชนได้ เขาก็ล้มลง 

            ณ วินาทีนั้น หัวหน้ากองพลทหารพราน ผู้บังคับบัญชาคนแรกของกองทัพอิสรภาพ ก็ได้ตายจากไป 


            สาเหตุเกิดจากพิษกัมมันตรังสี ในตอนที่ทำภารกิจช่วยเหลือ ชุดป้องกันกัมมันตรังสีของเขาเสียหาย แต่เขาก็ไม่ยอมถอย ช่วยชีวิตคนออกมาได้สองคน แถมได้หลุมหลบภัยที่เป็นที่ต้องการมากๆมาด้วยหลายหลุม อดทนสู้มาสามเดือนจากวันนั้น 

            Brock บอกลา Darvyn ว่าทำดีที่สุดแล้ว ถึงจะทำภารกิจให้จบไม่ได้ แต่อย่าถือสากันเลย จะได้ไปเจอเมีย(Helena)แล้ว Darvyn พยายามรั้งแต่  Brock ก็ฝากฝังว่า DisCity อยู่ในมือของ Darvyn แล้วนะ 

            งานศพของ  Brock เป็นพิธีงานศพที่เรียบง่ายธรรมดา จัดแบบทหาร คำพูดสุดท้ายของเขาเองก็ปิดลงได้สวยตามที่  Brock ต้องการ เป็นไฟดวงใหม่ในใจทุกคนที่ยืนหยัดต่อต้านนครหลวง นักสู้ทุกคนตอนนี้ไม่หลงทางแล้ว ทุกคนมีเป้าหมาย 

            แต่ Darvyn ก็ยังมีคำถามในใจ ถ้าความเชื่อมั่นนี้มันไม่ชนะสงครามล่ะ การต่อสู้พวกนี้จะไปมีค่าอะไร? เราจะเสียสละกันไปเพื่ออะไร?  Brock อาจจะจุดไฟ มอบไฟให้ก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนความเป็นจริงของสงครามนี้เลย ยัยเด็กบ้า Andohar ยังรู้เลย 

            ในงานศพ Augustus ก็เล่า ว่า "ก่อนระเบิดนิวเคลียร์จะลง  Brock ส่งรถทุกคันที่หาได้ ให้ไปรับคน แล้ว Helena ผลักให้ Augustus ขึ้นรถ แต่ Helena จะอยู่ต่อ เพื่อไปรวบรวม และเก็บซ่อนอาวุธที่  Brock ขโมยมาได้ Augustus บ่น "… ทำอย่างกับว่าขยะพวกนั้นจะรอดจากระเบิด"

ซึ่ง Augustus ไม่เคยหนีออกจากกองพลทหารพรานเลย มาเจอที่งานศพ ใส่ชุดสีดำ ยืนอยู่กับทหารคนอื่นๆ 

"ระเบิดลูกนั้นซื้อไปจาก Andohar นั่นแหละ ฉันรู้จักมันดีมากกว่าใคร เพราะงั้น เชื่อฉันเถอะ ว่ามันไม่ใช่ลูกเดียวที่มี มันจะมีระเบิดแบบนั้นเกิดขึ้นอีก" 

"นายในฐานะ ผู้บังคับบัญชาคนใหม่ของ กองทัพอิสรภาพ Discity จะยอมรับได้รึเปล่า?

"...แต่ฉันยอมรับไม่ได้"



━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

กลับมาปัจจุบัน 

            สายติดต่อของกองดาบร้าวราวติดต่อมาอีกครั้ง Chief ที่ยังรออยู่รีบถามไถ่ถึงความปลอดภัยทุกคนทันที พันโทรีบรายงานสถานการณ์ว่าทำลายแกนกลางของอุปกรณ์อารัมได้ ทำให้เดินหน้าไปทำภารกิจอื่นต่อ ก่อนจะพยายามส่งรูปให้Chiefดู 

            ภาพที่เห็นเป็นภาพสแกนมาเนีย เต็มไปด้วยคลื่นแทรกแซงความถี่มากมาย ภาพที่ปรากฏเก็ทำให้ทุกคนหยุดหายใจ คือรูป Apostle of Ashes ที่น่าขยะแขยง รวมถึงสัตว์กลายพันธุ์ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ใจกลางของพายุนั่น

            เอกลักษณ์วงแหวนสีแดงของ Black Ring เด่นชัด ฝังลึกเข้าไปในเปลือกนอกของ Apostle of Ashes  คล้ายรอยเส้นเลือด Shackles พวกมันขยับอย่างเชื่องช้าทุกการกระทำ เดิน อ้าปาก แกว่งแขวน เป็นภาพที่ควรจะน่ากลัว แต่กลับทำให้ Chief รู้สึกคุ้นเคย

            นี่คือมนุษย์ ซากโครงกระดูกของมนุษย์ที่สูงตระหง่าน เชื้อปนเปื้อนที่ไหลเยิ้มออกมาเหมือนเป็นเนื้อตายที่ฟื้นคืนชีพเรื่อยๆ และที่ใจกลาง หัวใจที่ประสานกับ Black Ring มีแสงสีแดงที่เต้นเหมือนชีพจร แม้ว่าจะดูผ่านจอ Chief ก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดิน

เพิ่มเติม
-นึกภาพไม่ออก ก็นึกถึง ไททันมหึมาที่มีเส้นเลือดสีแดงตามตัวง่ายๆ
-สายติดต่อจากกองดาบร้าวไม่ค่อยดี ทำให้ข้อมูลคำพูดต่างๆของพันโทขาดๆหายๆ 


            หัวใจของ Chief เต้นระรัว ป้าอ้าค้าง แต่เริ่มเผยให้เห็นรอยยิ้มที่แสยะขึ้นมา สิ่งที่อยู่ในจอห่างเป็นร้อยไมล์ เสียงเรียกร้องดังกึกก้อง ดังออกมาจากส่วนลึกของกระโหลก เป็นเสียงที่อ่อนโยน เรียกหาให้ตัว Chief เข้าไปหา

            FAC นึกว่าคือ  Apostle of Ashes ทางเราเลยปฎิเสธไป บอกว่าแท้จริงแล้ว นั่นน่ะคือ BR-005 ดีใจซะด้วยซ้ำ ในที่สุดก็เจอตัว Hella ตัวจริงซะที ดวงจิตน้อยๆ Hella ที่กอดคอ พยายามดึงร่างของ Chief เข้าหาในรูปให้ได้ ตัว Chief ดีใจออกนอกหน้าซะจน Hecate เรียกดึงสติกลับมา

            ขนาด Schorl ที่ได้เห็นภาพยังทึ่ง ยืนยันว่า BR-005 รวมร่างเข้ากับ Apostle of Ashes ตรงตามที่ตรวจจับได้ และเริ่มอัพเดตข้อมูลโดยทันที แถมทิ้งท้ายบอกว่า ทำงานได้ดีมาก สถาบันวิจัย Ring ต้องรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง Chief ไม่ได้สนใจตรงนี้เลย

เพิ่มเติม
-สถาบันวิจัย Ring คือสถาบันวิจัยวงแหวน Black Ring


            แต่แล้วก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมา จนภาพตัดไป Chief รีบถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น นายทหารพันโทอธิบายว่า พวกเราโดนเจอตัว Tide of Ashes รุนแรงขึ้นเพราะอะไรบางอย่าง Rancos เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ค่ามาเนียพุ่งสูงเกินขอบเขต ถามย้ำว่าจะให้ตรวจสอบต่อไหม? 

            ความสงสัยว่าโดนเจอตัวได้ยังไง เลยเริ่มถามว่าเป็นฝีมือนักรบอารัม? หรือว่า Outlander นายทหารพันโทรายงานว่า ไม่มีมนุษย์คนอื่นในพื้นที่นี้ ทำให้ Chief มั่นใจว่า นี่คือกับดัก จะรีบบอก สายก็ตัดไปแล้ว Chief รู้สึกผิดเลยตัดสินใจว่าจะเข้าสนามรบนี้ด้วยตัวเอง Hecate เห็นก็รีบรั้งห้าม Chief ทั้งน้ำตาเพราะเป็นห่วงสภาพที่ร่อแร่ตอนนี้ จะไปสู้อะไรได้ นอกจากไปตาย ความดื้อของ Chief ยังยืนกรานคำเดิม ว่าจะไปให้ได้ กองที่ 3 เจอกับดักเพราะคำสั่งตัวเอง ทนดูเฉยๆไม่ไหวหรอกนะ

            สายด่วนติดต่อแทรกเข้ามาได้ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เป็นสายจาก Augustus พูดแซว Chief ว่าถ้ากอง 3 ได้ยินว่า Chief รู้สึกผิดจนจะลงสนามเอง แถมห่วงชีวิตของทหารมากกว่าชีวิตของ Hella อีก พวกนั้นคงซึ้งน้ำตาไหลแย่ แต่นั่นเป็นหน้าที่ของ Augustus ที่ต้องไปช่วย Chief อยู่ในห้องสั่งการก็พอ แต่ Chief ยังคงดื้อ ไม่ยอม จน Augustus หัวเราะบอก Chief ว่านี่คือสงคราม ไม่ใช่ภารกิจกำจัดมอนสเตอร์ที่ MBCC ทำกันประจำ มีคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งช่วยเหลือกอง 3 มากกว่า Chief แต่กอง 3 ทำตามคำสั่งเพราะเชื่อว่า Chief จะให้เกียรติกับทุกการเสียสละ แล้ว August ถึงได้สอนให้ Chief ลองคิดจากมุมของศัตรูว่าในเวลาแบบนี้จะทำอะไร Chief ถึงได้เข้าใจว่าจะมีการลอบโจมตีเมือง

            ในทันทีที่ Chief เข้าใจ ก็มีประกาศฉุกเฉินจาก Siglinde ถึงทุกหน่วยงาน ว่า FAC ตรวจพบ Apostle of Ashes หลายตัวในเมือง เรียกตัวทหารทุกนายโดยด่วน คาดว่าจะปะทะในอีก 1 ชั่วโมง  Schorl เข้ามาอธิบายว่า Farland ใช้ BR-005 และ Apostle of Ashes ยักษ์เพื่อดึงความสนใจให้ FAC ลดการคุ้มกันเมือง จะได้โจมตีเมืองได้ Augustus ชมแผนการของ Farland แล้วถาม Chief ว่าจะเลือกอะไร ระหว่างไปช่วย Hella หรือทำตามหน้าที่และปกป้องบ้านเมืองของตัวเอง แต่ Chief รู้ตัวดีว่าต่อให้เลือกช่วย Hella ก็ต้องพึ่งพา Augustus แถมถ้าเมืองล่มสลาย Hella เสียใจแน่นอน Chief รีบติดต่อ FAC เพื่อปกป้องเมืองทันที 


            
            Augustus ขับรถด้วยมือเดียว ข้ามผ่านหินผ่านทรายจนฝุ่นฟุ้งไปหมด มีหินก้อนใหญ่ลอยมา Augustus แค่กระดิกนิ้ว หินก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ความเร็วของรถไม่เคยลดลงเลย ในระหว่างนี้คุยโทรศัพท์กับ Uris อยู่ ถามอาการคอของ Uris และย้ำเตือนไม่ให้ Uris เข้าใกล้ BR-005 เพราะไม่อยากให้ Uris โดน Underground เอาตัวไปอีก Augustus จะเป็นคนไปช่วยกองดาบร้าวที่ 3 เอง แล้ววางสายไป

            สถานการณ์ตอนนี้แยกไม่ออกแล้วว่าตรงไหนคือจุดปลอดภัยตรงไหนคือแถวหน้าสนามรบ ฝุ่นขี้เถ้ากลบทัศนียภาพไปทั่วทุกที่ ซากตึกปรักหักพังทั้งหลายทำให้บ้านเมืองวุ่นวายโกลาหล เหล่าทหารผู้กล้ายังคงเดินหน้าต่อความตาย สวนทางกับประชาชนที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอด เสียงปืนดังทั่วทุกสารทิศ ผู้คนกรีดร้องโหยหวน ฝีเท้าวิ่งดังกึกก้องไปทั่วทั้งเมือง Outlander ที่มีอาวุธอารัมในมือ ปลอมตัวเข้ามาลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลังเลเพียงวินาทีเดียว ก็กลายเป็นผู้ถูกฆ่า Siglinde ช่วยไว้ไม่ทัน เก็บป้ายประจำตัวของทหารไว้ ลักษณะคล้ายของกองทัพเก่า เหมือนกับป้ายประจำตัวของทหารที่พ่อแม่ของเธอทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ได้แต่บ่นอย่างขมขื่นว่าทหาร FAC เหมือนมือสมัครเล่น ฆ่าอะไรไม่เป็นเลย สำนักงานใหญ่ FAC ติดต่อมา Siglinde ตอบรับว่า พื้นที่ 282 เคลียร์แล้ว ขอกลับไปรายงาน



            Nightingale รายงานสถานการณ์ในฝั่งตะวันตกคือแย่มาก Hypercube ไม่เพียงพอ ทำให้ Syndicate มุ่งเน้นที่การปกป้องเหมืองมากกว่าปกป้องตึกอาคารของประชาชน ที่แย่กว่านั้นคือ Shackles ที่ปนเปื้อนก็ทำให้สถานการณ์ไม่ค่อยดี Sinner หลายๆคนแบบ Matilda ที่ลงชื่อไว้ที่ MBCC ที่ผูก Shackles ไว้แล้ว ได้รับผลกระทบจาก BR-005 ทำงานกันแทบไม่ได้ ปกป้องใครไม่ได้เลย 

เพิ่มเติม
-แอบอยากบ่นตรงนี้ น่าเอ่ยเขียน Sinner ที่ได้รับผลกระทบหน่อย อย่าง Coquelic, NOX, Ninety-Nine, Dreya ไม่ปางตายเลยเหรอ?


            Siglinde เข้าไปพบหัวหน้า FAC รายงานตัว อัพเกรดอุปกรณ์สื่อสาร FAC แล้วต้องการรายงานสถานการณ์เป็นการส่วนตัว

            รายงานข่าวบน TV อธิบายว่า Tide of Ashes ตอนนี้กินฝั่งตะวันตกไปถึง 70% แล้ว อาจจะข้าม the Rust มาถึง Eastside รายงานผู้ได้รับบาดเจ็บก็สูงมากขึ้นทุกวัน แหล่งหลบภัยก็เริ่มเต็ม สถานการณ์ฉุกเฉินเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ผู้อพยพ Outland ตกเป็นเป้าหมาย นายก Max King เองก็ตกอยู่ในเหตุการณ์เหล่านี้ในขณะที่กำลังเคลื่อนคล้ายประชาชนจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

เพิ่มเติม 
-Siglinde เป็น Senior พนักงานประสานงานจาก กองดาบร้าวที่ 8 ของ Discorps Augustus มอบหมายหน้าที่ให้ Siglinde มาช่วย FAC 
-จนถึงบัดนี้ Max King ยังทำงานด้วยแรงกายแรงใจทุ่มเทเต็มที่อย่างมาก
-the Rust คือแม่น้ำที่แยกฝั่ง Syndicate กับ Eastside ออกจากกัน


            ทางด้าน Chief อ่านรายงาน เห็นยอดผู้บาดเจ็บคนตายทั้งหมด เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ยื่นมือไปจับขอบจอจนแตก MBCC สถานการณ์วุ่นวาย หน้าห้อง Chief ก็เต็มไปด้วยเรียงเอะอะโวยวาย เพราะ Sinner ได้รับผลกระทบการติดเชื้อผ่าน Shackles อย่าว่าแต่ Sinner แม้แต่ตัวของ Chief เองก็ได้รับผลกระทบหนักหน่วง ยิ่ง BR-005 เข้าใกล้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งแย่  Schorl ออกมารายงานว่า Apostle จงใจหลีกเลี่ยง DisSea เป็นเรื่องไม่ชอบมาพากลผิดปกติ ยืนยันได้ชัดเจนว่าศัตรูกำลังพยายามใช้ BR-005 ในการควบคุม Apostle แต่ก็ยืนยันได้อีกเช่นกันว่า Farlands และ Fraser หลาดกลัว BR-000 ไม่กล้าให้ Apostles เข้าใกล้จุดเสี่ยงที่ไม่อาจควบคุมได้

            คำเตือนของ Schorl ยิ่งทำให้ Chief กำมือแน่นรู้สึกเครียดกดดันมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เถียงกับ Schorl ไหนบอกว่า สถานการณ์อยู่ในระดับที่คุมควบได้และคาดการณ์ไว้ไง? FAC สร้างแนวป้องกันที่แข็งแรงได้แล้วเหรอ? คำตอบที่ได้รับจาก Schorl ก็เป็นคำตอบที่บอกว่าไม่ FAC ยังคงเน้นที่ DisSea จากข้อมูลล่าสุด Apostles เข้ามาลึกถึงตัวเมืองแล้ว ไม่มีหน่วยงานไหนสามารถละมาโจมตีช่วยเหลือโดยบตรงได้ หน่วยงานข้อมูลกับเส้นทางการค้าก็ใช้งานลำบาก ศัตรูวางแผนมาอย่างรอบคอบดี การโจมตี BR-005 คือทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้ จำนวน Apostle ล้อมรอบมีมากเกินไป ต่อให้กองกำลังดาบร้าวที่ 3 ฝ่าเข้าไปถึงได้ ก็เป็นกลอุบายลวงของศัตรู



            ยิ่งพ่นน้ำมา Chief ก็ชักแม่น้ำทั้งห้าค้าน Schorl 2 ปีก่อน คนที่อยู่เบื้องหลัง Schorl เคยเสนอแผนการบางอย่างมาอยู่นะ(เนื้อเรื่องหลักบทที่ 13) ใช้ตัวของ Chief เข้าไปใน BR ตามหา Corpseborne ทำหน้าที่เป็นเสาสัญญาณ เพื่อที่  Paradeisos สามารถยิง 'Rules' พลังงานสูง ฆ่าทั้ง Chief และศัตรูกลายเป็นผุยผง ตอนนี้ Chief เข้าไปใน BR เองไม่ได้ แต่มี Sinner ที่ผูก Shackles อยู่ในนั้น น่าจะเป็นแกนกลาง

            กล่าวมาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ Chief หงุดหงิดมากกว่าเดิม ทุบโต๊ะเสียงดังไป ทุกอย่างกระจ่างแล้ว Chief รู้ว่า  Paradeisos ตั้งใจจะยิงทำลายใจกลาง BR-005 ซึ่งก็แปลว่า เป็นการฆ่า Hella อารมณ์ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดของ Chief มากขึ้นเรื่อยๆ จน Schorl พยายามทำให้ Chief ใจเย็นๆ เธอควรฟังฉันสักหน่อย รักษาค่ามาเนียในตัวให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย พร้อมแนะนำว่า ‘กรุณาอย่าใช้ความรุนแรงในการตบอีกรอบ ไม่งั้นประสิทธิภาพการทำงานจะลดลง’

เพิ่มเติม
-เหมือนคุยกับพนักงานคนแรกแล้วบอกทำได้ แต่ทำไมมาคนสองแล้วทำไม่ได้ 
-คนเบื้องหลัง Schorl ที่พูดถึง คิดว่าน่าจะเป็นเหล่า EDGE ตามความเข้าใจของ Chief
-ครั้งก่อนตบแรงขนาดที่ว่า Schorl กระเด็นเหมือนคนจริงๆ โชคดี(?)ที่ครั้งนี้ Schorl ห้ามก่อน

            
            Chief พยายามควบคุมอารมณ์อันน้อยนิด Schorl แสกนก่อนเปิดกลไกระบบใช้เข็มฉีดยาฉีดไปหนึ่งเข็ม จน Chief สงบสติอารมณ์คุยต่อได้ แผนที่ Chief เลือกมา เป็นทางเลือกที่ดี ประหยัดงบที่สุด และควบคุมตัวแปรได้มากที่สุด ทุกคนก็รู้ ว่า Chief ต่อต้านแผนการยิงแกนกลางตรงๆ ยังไงซะ Paradeisos ทุกคนไม่ต้องการเสีย Chief ไปในตอนนี้ คำนวณสิ่งสำคัญที่ต้องจ่ายแล้ว หากไม่เลือกแผนกาณ์นี้ ก็มีแผนกาณ์อื่นรออยู่ ยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น

            ได้ยินเช่นนั้น Chief ก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกไปจากอกทันที แต่... แผนสำรองคืออะไร? รีบถามออกมาทันที Schorl แสกนซ้ำใหม่อีกครั้ง แถมแสกนนานกว่าปกติด้วย ทิ้งให้ Chief รอคำตอบนานอยู่หลายวินาที ก่อนจะได้รับคำตอบจาก Schorl เรื่องบางเรื่องก็ไม่มีวันเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย พบเจอหายนะ มาเนีย โศกนาฏกรรม มนุษยชาติยังคงสู้กันเอง แทนที่จะร่วมมือหาทางออกร่วมกัน การต่อสู้ ความเกลียดชัง มันไม่มีวันจบสิ้น พวกเรารู้ดีว่าสงครามคือเรื่องปกติ เพราะงั้น พลังอะไรก็ตามที่นำชัยชนะมาให้ได้ จะถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ พวกเราคำนวนความเป็นไปได้ของสงครามมานานแล้ว รวบรวมข้อมูลเทคโนโลยีของศัตรูมามาก และด้วยความช่วยเหลือจาก Underground ทำให้ Farlands สร้าง Black Ring ที่ดึงดูด Apostle ได้ รวบรวมเหล่า Apostle เพื่อมาโจมตี DisCity เป็น Tide of Ashes ที่รุนแรงที่สุดเกินกว่าที่ DisCity จะต้านได้ มันน่าทึ่ง แต่ก็ได้แค่นี้แหละ Outland เชี่ยวชาญ Apostle แต่ก็ไม่สู้ความเชี่ยวชาญ Mania เท่า DisCity

            คำพูดของ Schorl ทำให้ Chief ถามว่าต้องการจะบอกอะไรกันแน่ เลยเป็ความเงียบ Schorl เพียงแต่บอกว่า ทุกอย่างยังคงอยู่ในแผนที่วางไว้ ต้องขอบคุณ Chief ที่คอยช่วยเหลือเสมอมา พักผ่อนเถอะ อีกเดี๋ยวสงคราจะจบลงแล้ว

เพิ่มเติม
-Schorl แปลกๆ เริ่มบรรยายเหมือนคนจริงๆ ไม่ก็คนที่กำลังรู้สึกบางอย่าง
-ภายใน Schorl มีเข็มฉีดยาดูแลพร้อม


            ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจะต้องพักจริงๆ ตามคำพูดของ Schorl อยู่ๆก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนที่ร้อนรน จน Chief งงว่าเกิดอะไรขึ้น เลยได้เห็นการถ่ายทอดสดจาก EDGE03 ตัวของ EDG03 จะบรรยายผ่านหน้าจอว่า EDGE ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสู้กับมาเนีย พัฒนามุ่งสู่ความรุ่งเรืองมนุษยชาติ จึงได้'วางตัวเป็นกลาง' พยายามไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของมนุษยชาติ ไม่เคยต้องการจำกัดเสรีภาพการเมือง แต่บัดนี้ เราได้มาถึงจุดที่ต้องแทรกแซงทุกอย่าง เพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ สงครามนี้จะต้องหยุดลง

            พนักงานฝั่ง Fraser ช็อคหน้าหงายทันที มีประกาศจาก Dark Web ว่าโดนโจมตีโดยที่ไม่สามารถระบุได้ ระบบเข้าสู่โหมดป้องกัน การติดต่อสื่อสารถูกจำกัด อยู่ในขั้นวิกฤตสูงสุด ทางด้านกองดาบร้าวที่ 3 กำลังเดินทางกับฐาน ถึงกับหยุดชะงักเช่นกัน กลั้นหายใจไปพร้อมๆกับนายพล Augustus เงยหน้ามองฟากฟ้า เสียงของ Rancors สบถเทศน์ไปหนึ่งบท

เพิ่มเติม
-แทบเป็นไปไม่ได้เลย Paradeisos จะสวัสดีชาวโลกเปิดตัวต่อหน้าสาธารณชนซึ่งๆหน้า


            ความโกลาหลด้านนอก Chief เดินออกมาจากออฟิศของ MBCC ตอนนี้ Tide of Ashes หายไปแล้ว ท้องฟ้ากลับมาแจ่มใส แต่...บางอย่างไม่เข้าพวกอยู่บนท้องฟ้า Schorl ตามออกมาก็อธิบายว่า 'นี่คืออาวุธ' จำเป็นต้องใช้งานในตอนนี้ เพราะเราเข้าสู่หายนะครั้งใหญ่ มนุษย์ยังคงทำทุกอย่างเหมือนเดิมเลยจริงๆ เหนือหัว Chief ม่านอำพรางท้องฟ้าหายไป เผยให้เห็น Schorl จำนวนมาก ลอยเงียบๆ กระพริบแสงสีฟ้า เชื่อมโยงกันกลายเป็นม่านบาเรียขนาดมหึมา แกนกลางบาเรียนั้น มีเงาสีทใฬถูกจองจำ ช่างเป็นภาพที่น่าคุ้นเคย

            EDGE03: “พวกเราเกลียดสงคราม แต่พวกเราจะไม่ยอมแพ้ให้โดยเด็ดขาด เมื่อความอยุติธรรมมาถึง ความศิวิไลซ์จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และเทคโนโลยีก็จะก้าวเข้าสู่โลกอนาคตมากยิ่งขึ้น ถ้ามนุษยชาติไม่มีเหตุผล EDGE จะเป็นผู้นำทางที่ถูกต้องให้เอง”

เพิ่มเติม
-บทตรงนี้เหมือนย้ำว่า Schorl ไม่ใช่ EDGE ที่คุยกับเราอยู่ในตอนนี้
-Paradeisos ดัดแปลง BR-003 จนกลายเป็นอาวุธชีวภาพไพ่ตาย
-BR-003 จุดเริ่มต้นการเป็น Sinner หลายๆคนเช่น Langley
- Langley ในอดีต เสียกำลังคนไปจำนวนมาก กับภารกิจเกี่ยวกับ BR-003 ในตอนที่ยังเป็นภัยอันตราย



            ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 6:00 หลังจากที่ BR-003 ถูกเปิดเผย Tide of Ashes ที่บุกโจมตีเมืองหยุดชะงักหายไป นักฆ่าที่แทรกซึมเข้า DisCity หายไปเช่นกัน DisCity ได้เข้าสู่ช่วงพักฟื้นเพื่อจัดระบบป้องกันใหม่ ในขณะเดียวกัน นักรบอารัมที่ชื่อว่า Selyna ที่ถูกจับกุมโดย DisCorps ถูกส่งตัวจาก Nirvana Port เข้าสู่ MBCC สักที 

            Chief ได้รับข้อมูลจึงรีบมาทันที Elvira อยู่ด้านหน้าห้องขังก็ตกใจสภาพของ Chief รีบถามไถ่สุขภาพและถามหา Hecate ที่ปกติจะคอยดูแล แต่ Chief ไม่ตอบ รีบถามถึงนักรบอารัมที่ถูกส่งตัวมา แล้วรีบเข้าห้องสอบสวนไป 

เพิ่มเติม
-นักรบอารัมที่ถูกส่งตัวมาชื่อ Selyna โดนยาสลบมา ต่อจากนี้ขอเรียกนักรบอารัมที่โดนจับตัวส่ง MBCC ด้วยชื่อ 


            ในห้องสอบสวน Selyna ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ด้วยโซ่ที่สามารถกำจัดมาเนียได้ มีการสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่เพื่อปกป้อง Chief จาก Selyna ซึ่งพอ Chief เข้าไป Selyna ก็เริ่มพูดปั่นหัว Chief ทันทีโดยที่คิดว่า Chief เป็นหัวหน้าคนใหญ่คนโต จน Chief หัวร้อน ไม่สนใจกำแพงป้องกันแล้วเข้าไปกระชากคอ Selyna ทำให้ Selyna เห็นดวงจิต Hella ที่อยู่ด้านหลัง Chief เลยรู้ว่าคนตรงหน้าคือผู้ใช้ Shackle นี่เอง กลายเป็นว่าพูดปั่นหัว Chief หนักกว่าเดิม แถมรู้เรื่องที่ Chief ต่อย Adelaide จนปางตายอีกต่างหาก Chief หัวร้อนยิ่งกว่าเดิม ควบคุมตัวเองไม่ได้ จนอยากฆ่า Selyna ทิ้ง

            ทั้งสองคุยเถียงทะเลาะกันจนหัวข้อ Black Ring โผล่เข้ามาในบทสนทนาที่ DisCity ใช้ BR-003 เป็นอาวุธ แล้วทำไมคนอื่นจะสร้าง Black Ring มาใช้บ้างไม่ได้ล่ะ Chief ถึงได้นึกย้อนคำอธิบายของ Schorl ว่า BR-003 กลายเป็นอาวุธของ DisCity ได้เพราะ DisCity เผชิญกับ Black Ring บ่อยที่สุดในโลก เจอหายนะมากมายจนสามารถวิจัยเพื่อพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสได้ แม้ว่าจะยังไม่พร้อมใช้งานในแบบที่ต้องการ ซึ่งทางเลือกนี้เป็นทางเลือกสุดท้ายที่ EDGE จะใช้ เพราะมันย้อนแย้งกับคำว่า ความเจริญรุ่งเรือง ที่ EDGE ต้องการ แต่การเปิดเผยตัวตนของ BR-003 ก็สามารถหยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ อย่างเช่นสงครามในครั้งนี้ที่ Farland เป็นคนเริ่มต้นใช้ BR-005 เป็นอาวุธก่อน ทำให้ EDGE ตัดสินใจเปิดเผยตัวตนของ Black Ring เพื่อหยุดยั้งสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น

เพิ่มเติม
-Chief ไปต่อย Adelaide จนเกือบตายจริง ซึ่ง Adelaide ในตอนนั้นไม่กลัวเลย หัวเราะชอบใจเสียด้วยซ้ำ
-การปั่นหัวของ Selyna ทำให้ Chief นึกย้อนถึงความอ่อนแอที่ช่วย Jasmine ไม่ได้



            ยิ่งคิด Chief ยิ่งแย่ มาเนียในตัว Chief เยอะจนเริ่มมีอาการหลอน ยิ่งโดน Selyna ปั่นหัวว่า ดวงจิต Hella ที่อยู่ด้วยคือความปรารถนาของ Furor ที่ต้องการฆ่า Chief ต่างหาก Hella ได้จุติใหม่และย้ายไปเข้าร่วมกับ Farland แล้วต่างหาก Chief ทนไม่ไหว ใช้ Shackle โจมตีจนค่ามาเนียสูง ระบบเตือนภัยดังไปทั่ว MBCC Elvira ที่รออยู่ด้านหน้าเลยตกใจ รีบทุกประตูด้วยความเป็นห่วง จะเข้าห้องไปช่วย Chief ให้ทัน

            แต่สถานการณ์ในห้องสอบสวนตอนนี้ Chief กดคอ Selyna ให้ติดกับเก้าอี้ ใช้พลังมาเนียมากจน Chief เริ่มหลอมรวมเข้ากับมาเนีย เริ่มเห็นภาพหลอน เห็นใบหน้าของคนอื่นซ้อนทับบนหน้าของ Selyna Chief เริ่มใช้สัญชาตญาณนำทาง บีบคอ Selyna แรงขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถฆ่าได้ แต่ดวงจิต Hella เข้ามาดึงแขน ห้าม Chief ไว้ก่อน แล้ว Chief ถึงได้ยินเสียงของดวงจิต Hella ครั้งแรก แต่นั่นไม่ใช่คำพูดของ Hella นั่นคือคำพูดของดวงจิตของวิญญาณใน BR-005 ที่พุดสิ่งที่ Hella เคยคุยโม้เกี่ยวกับ Chief ไว้ว่า Chief แข็งแกร่งและพร้อมปกป้องทุกคน แต่จากเหตุการณ์ในตอนนี้ทำให้ดวงจิตนั้นตัดสินว่า Chief ก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่แก้ปัญหาด้วยการเข่นฆ่า ทำให้ดวงจิตนั้นแตกสลาย กลายเป็นแขนและมือสีดำที่เริ่มกอดรัด Chief บ้างก็มีรูปร่างคล้ายหนวดปลาหมึกที่มีดวงตาที่ร้องไห้ ปากทียิ้มกรุ้่มกริ่ม ดวงจิตนับไม่ถ้วนเริ่มพยายามกลืนกิน Chief ทำให้วินาทีนั้น Chief เห็นการกำเนิดของ BR-005

เพิ่มเติม
-หนวกหมึกมีตา… Abyss? แบบShin? 
-Chiefใช้ความรุนแรงหนักมาก จะฆ่าแล้วจริงๆ ถ้าไม่ได้ดวงจิต Hella ห้ามก็คงตาย
-Furor คือชื่อเมืองที่ Hella ได้ไปเจอ Hypatia กับ Synex ครั้งแรก เลยรู้จักอุปกรณ์อารัมว่าใช้งานแบบไหน และก็เป็นจุดที่ BR-005 เกิดขึ้น


            Chief ต้องตัดสินใจว่าจะใช้ Shackle เพื่อสู้กับดวงจิตที่ใช้ใบหน้าของ Hella หรือไม่ หรือจะยอมโดนกอดรัดไปเรื่อยๆ จนโดนกลืนกิน แต่ท้ายที่สุดแล้ว Augustus เป็นคนที่เข้ามาช่วย ใช้ดาบฟันดวงจิตจนสลายไป เพียงแต่วินาทีสุดท้ายก่อนหายไปหมด Chief เห็นดวงจิต Hella ที่อ้าแขนอยากกอด Chief จึงรีบเอื้อมมือไป แต่ก็จับอะไรไม่ได้เลยนอกจากควันที่สลายไป Augustus เข้ามาช่วยจับประคอง Chief แต่ก็ดุที่ Chief ไม่ยอมเปิดใช้งานอุปกรณ์กำจัดมาเนีย แถมใช้งานนักโทษไม่ถูก ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย Augustus หันไปสั่งให้พาตัว Selyna ออกไปรักษา แน่นอนว่ามีพนักงาน MBCC คนอื่นมาช่วย Elvira ก็เช่นกัน แต่ก็มีหันมอง Chief อย่างเป็นห่วงก่อนปล่อยให้ Augustus อยู่กับ Chief สองต่อสอง 

            Augustus เก็บดาบเข้าฝัก ลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ Chief ที่เหม่อลอยอยู่ พูดออกไปด้วยด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า เพิ่งกลับมาจาก WhiteSands ไปตามจุดที่ Chief บอกไว้ ช่วยกอง 3 ออกมาได้ ได้เห็น BR-005 กับตาตัวเอง ส่งทีมงานติดตาม BR-005 เพิ่มแล้ว แต่ Chief ต้องดูแลตัวเองไม่งั้นไปช่วย Hella ไม่ได้หรอก แต่ Chief ยังดื้อรั้นว่าจะไปให้ได้ รู้ว่า BR-005 อยู่ที่ไหน แม้ว่าจะไม่ใช่ Corspeborne แต่ Hella เริ่มหลอมรวมเข้ากับ Black Ring แล้ว เวลาเหลือน้อยลงทุกที Chief จึงตอบตกลงกับข้อเสนอที่ Augustus เคยให้ไว้ 

เพิ่มเติม
- Corpseborne คือร่างกำเนิด Black Ring 
- Chief รับรู้จากดวงจิต Hella ว่า Hella ยังมีชีวิต เพียงแค่จิตใจแตกสลายอยู่เพราะสิ่งที่พบเจอ 
- Augustus เคยเสนอว่าจะช่วย Hella แลกกับ Chief ตอบแทนสักวันหนึ่ง ในงานเลี้ยงเต้นรำตอนเริ่ม 


            คำตอบของ Chief ทำให้ Rancors ดีใจสุดๆ ต้องการให้ Chief เข้าร่วมทหาร ซึ่ง Augustus ฟัง แต่ปฏิเสธ Chief อย่างจริงจัง พร้อมอธิบายว่า ตอนแรกเลือกช่วยเหลือเพราะเห็นศักยภาพของ Chief ที่เกลียดสงคราม แต่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่รัก แต่ในตอนนี้ขอปฏิเสธ เพราะ Chief จิตใจไม่แข็งแกร่งมากพอ ถ้าพา Chief ไปช่วยเหลือ Hella ทุ่มหมดตัวแต่ก็ยังล้มเหลว Hella ตายล่ะ Chief จะทำยังไง? เพราะมันเป็นเรื่องที่พบเจอได้ง่ายมากๆ กับการลงทุนที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย เผลอๆ Chief อาจจะหมดกำลังใจใช้ชีวิต จนเป็นภาระของคนอื่นได้เช่นกัน แต่ Chief ดื้อรั้น ไม่ยอมรับ จะช่วย Hella ให้ได้ Augustus จับตามองท่าทางของ Chief อย่างดี ก่อนจะพูดทั้งรอยยิ้มว่า "สุดท้ายก็เลือกที่จะวิ่งหนีสินะ" 

            Hecate วิ่งเข้าห้องมาพอดี รีบจับตัว Chief Augustus ถึงได้เดินออกจากห้องไป แต่ Chief ยังคงดื้อจะเอาชนะ Augustus ให้ได้จนใช้พลังเฮือกสุดท้าย ปล่อย Shackle ที่ปนเปื้อนเพื่อปิดทางออก แต่ Chief ฝืนตัวเองมากเกินไปจนแทบจะสลบ Augustus ถึงได้บอกว่า ไม่ต้องการนักฆ่าที่ไร้ความคิด ต้องการทหารที่จิตใจพร้อมเผชิญหน้ากับนรก ซึ่ง Chief ไม่มีคุณสมบัตินั้น

เพิ่มเติม
- Augustus ยืนเหนือหัว Chief แสดงพลังอำนาจ จับคาง Chief เพื่อคุยจริงจัง 
- Hecate น่าจะมาเพราะ Elvira ไปตามตัว
- ตอนท้าย Chief มองไม่เห็นว่า Augustus มองด้วยความสงสารหรือดูถูก


            Augustus ออกจากห้องสอบสวนมาก้่เริ่มเดินกลับพร้อมกับ Uris ที่รออยู่ พนักงาน MBCC ที่พบเจอก็ประหม่ากันหมด พอถึงจุดที่ไม่มีคนอื่น สองคนนี้ถึงเริ่มคุยกัน Uris ถามย้ำว่ามั่นใจแล้วเหรอที่ไม่เอา Chief มาด้วย เพราะ Rancor เองก็สงสัย Augustus ให้เหตุผลว่า ถ้ามี Chief ด้วย ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น แต่ Chief เป็นคนดีเกินไป คงโดนความสิ้นหวังของสงครามกลืนกิน Augustus ไม่อยากให้คนดีๆมาเจอเรื่องร้ายๆแบบที่ทหาร DisCorps ต้องเจอ

            สิ้นสุดทางเดิน Schorl ค่อยๆลอยโผล่ออกมาจากมุมมืด มาบอกเรื่องการประชุมของ EDGE ว่าต้องการให้ BR-005 ทำงานต่อเพราะเพิ่งเกิดใหม่ ไม่เป็นภัย หลอกให้ Outland หลงเชื่อว่ายังมีโอกาสชนะจะดีกว่า อยากให้ Augustus นำทัพไปบุก Farland เพื่อกำจัดมากกว่า แลกกับตำแหน่งผู้บังคับบัญชาสูงสุด และ DisCorps จะไม่โดนเนรเทศอีกต่อไป Augustus ถึงกับถามเยาะเย้ยว่า ใครให้สัญญา? EDGE-05? ตระกูล Cavendish? หรือ สมาคม Sillage ที่อยู่เบื้องหลังล่ะ? Schorl ถึงกับส่งเสียงแปลกๆออกมา ซึ่ง Augustus รู้ว่าเป็นเสียงหัวเราะแน่นอน แล้ว Schorl ก็บอกว่า สาบานด้วยชื่อ Bernadette 

เพิ่มเติม 
- จากคำพูดของ Schorl (EDGE-05) Augustus นำกองทัพ DisCorps ออกจากเมืองเมื่อ 12 ปีที่แล้ว (N.F.103) ในปีที่ Dravyn ตาย 
- ผู้บังคับบัญชา FAC คนแรกคือ Dravyn คนปัจจุบันคือคนที่ 2 
- Schorl เครื่องนี้พิเศษกว่าเครื่องที่อยู่กับ Chief ตรงที่มีเลขรหัสเล็กๆ เขียนแอบมากๆ ราวกับกำลังซ้อนความลับทุกอย่าง
- Bernadette Cavendish เป็นคนมาคุยกับ Augustus
-เนื้อเรื่องตรงนี้ยืนยันแล้วว่า Bernadette ทำงานให้กับ Sillage การเข้ามาเป็น EDGE ก็แค่ละครตบตา
- ตระกูล Cavendish เป็นตระกูลนักการเมือง ตอนนี้มี Sinner Matilda Cavendish ที่ทำงานให้คณะกรรมการฝั่งตะวันตก และ Bernadette ที่เคยเป็นคู่แข่งเลือกตั้งนายกกับ Max King เมื่อตอน N1-N2 แต่จบบทนั้นกลายมาเป็น EDGE-05

*สองรูปนี้มาจากฉากจบ N2 ตอนที่ Bernadette ผ่านแบบทดสอบ EDGE02 เข้าร่วม EDGE ได้

            ตัดภาพกลับไปที่จุดซ่อนตัวของที่ปรึกษา Farland พันโท Fraser เริ่มไม่สนใจไม่รับสายโทรศัพท์จากชนชั้นสูง Farland แม้สถานการณ์จะไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพยายามสู้ต่อ สั่งให้นักรบอารัมที่แทรกซึมใน DisCity ถอนตัวกลับมาตั้งหลักก่อน จะวางแผนใหม่  เพราะแค่ DisCity มีอาวุธแบบนั้นแล้ว Farland กลัวขึ้นมา มีหวัง  Farland ได้แพ้จริงๆแน่ บอกว่า สงครามยังไม่จบลง แถม Farland ใกล้ชนะแล้วด้วย อย่าให้การเสียสละของ Adelaide ศูนย์เปล่า

เพิ่มเติม
-พันโท Fraser ที่ว่านี้คือ พนักงาน Fraser ของ Campbell ที่ Synex ขนลุกเสียวสันหลังวาบ


            14 สิงหาคม N.F. 115 เวลา 15:00 ณ จุดรวมพลใต้ดินชั่วคราวฝั่งตะวันตก Max King ไถฟีดโทรศัพท์ ดูข่าวไปเรื่อย จนเจอข่าว TV เกี่ยวกับข้อมูล BR-003 ที่ DisCity ปกปิดมานาน ว่า ในปี N.F.106  DisCity จัดงาน Great Expo ครั้งที่ 12 หวังว่าจะสร้างมิตรภาพระหว่างเมืองได้ แต่แล้วความหวังนั้นก็พังลง มีกลุ่มคนหัวรุนแรง แพร่มาเนียจนทำให้เกิด BR-003 พรากชีวิตผู้คนนับหมื่น ซึ่งในสมัยนั้น มนุษยชาติยังไม่มีทางที่จะกำจัด Black Ring ได้ คนที่ได้รับผลกระทบทางจิตก็ไม่สามารถรักษาได้ และเพื่อปกป้องประชาชน DisCity จึงตัดสินใจปกปิดตัวตนของ BR-003 และมุ่งเน้นทำความเข้าใจมาเนีย เชื่อมานานว่า ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง แต่ในครั้งนี้ การมีสงครามเกิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้รู้ได้ว่า Outland กับ Underground ร่วมมือกัน จนในปี N.F. 103 FAC อ่อนแอเพราะปฏิบัติการ Eclipse และกองทัพ DisCorps ก็ถอยออกจากเมืองแล้ว Outland และ Underground จึงฉวยโอกาสโจมตีแต่ก็ล้่มเหลว และในปีนี้ พวกเขากลับมาอีกครั้ง ข่าวจบลงแล้ว Max King ก็ไถต่อ จนเจอหน้าตัวเอง ตกใจจนแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง

เพิ่มเติม
-ตัวอย่าง Sinner ที่ได้รับผลกระทบ Black Ring เห็นชัดเจนคือกรณีของ Enfer ที่เกิด BR-004(Zoya)ระเบิด ผสมกับเป็นวันที่แม่เสียชีวิต เพียงแค่มองท้องฟ้าในจังหวะที่ Black Ring ระเบิด นี่คือสิ่งที่ตัวของ Enfer เล่า แต่ MBCC เขียนบันทึกการเป็น Sinner ว่า Enfer น่าจะเป็นก่อนที่จะเกิด BR-004 จะเชื่อจากปาก Enfer โดยตรง หรือบันทึกของ MBCC ก็แล้วแต่พิจารณากัน


            สามวันหลังจาก EDGE ประกาศ (ประกาศวันที่ 11) ถึงแม้ว่าสงครามจะถุกหยุดไว้ แต่ Tide of Ashes ก็ไม่ได้หายไปไหน ยังคงปดกั้นเส้นทางขนส่ง ทำให้ DisCity ต้องออกข่าวหลอกลวงประชาชนอย่างเต็มตัว ทำให้เริ่มมีความคิดอยากจะออกคำสั่งเกณฑ์ทหารอีกครั้ง ตอนนี้มันชัดเจนว่าทั้งสองฝั่งกำลังวางแผน เตรียมทำสงครามต่อ Max King หงุดหงิดมาก เช็คดูทุกข่าว แถมเข้าไปในกระทู้พูดคุยแบบไม่ระบุตัวตนเพื่ออ่านความคิดเห็นประชาชนอีกต่างหาก ในกระทู้ก็ปลุกปั่น ซึ่งพอมีคนเปิดประเด็นเรื่อง Discorps ขึ้นมา กระทู้ก็ยิ่งเดือด ยิ่งอ่าน Max King ก็อดทนไม่ไหว จะโทรหาคนที่ Max King สงสัยที่สุด แต่ก็โดนเลขาทักห้ามก่อน เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของเลขา

            สำหรับ Max King แล้ว เลขาคนนี้ไม่ใช่คนที่มาดูแลหรอก แต่เป็นคนที่มาคุมมากกว่า จับตามองเขาไม่ให้ทำอะไรที่ไม่ได้รับอนุญาต ครั้งล่าสุดที่ขัดขืนคำสั่ง EDGE ทำให้มีการจับตามอง Max King มากกว่าเดิมอีก นึกถึงคำพูดของ Elvira ที่บอกว่า ข้อมูลเกี่ยวกับ EDGE ต่อสาธารณะชนแทบไม่มีเลย พวกเขามีอำนาจมาก ความลับเยอะ แต่ก็ทำงานกันแบบเคร่งครัด มีกฎระเบียบที่ชัดเจน ความสามารถในการนำพามนุษยชาติของพวกเขาเอาจริงๆแล้วแทบไม่มี แต่ได้ยินมาว่า นักวิทย์ที่ก่อตั้ง EDGE ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น เดิมทีสมาชิกมีแค่นักวิทยาศาสตรฺ์เท่านั้นด้วย แต่พอเวลาผ่านไป สมาชิกก็เปลี่ยนคนไป กลายเป็นเรื่องซับซ้อนว่ามาจากไหนบ้าง ทำเพื่ออะไรบ้างก็ไม่รู้ สมาชิกคิดเห็นตรงกันมากแค่ไหนก็บอกไม่ได้ แต่อ้างว่าเพื่อมนุษยชาติตลอดเวลา 


เพิ่มเติม
-เรื่องที่ปลุกปั่นในกระทู้: ชาว Outland คือฆาตรกร ต้องฆ่าให้หมด / FAC ห่วยแตก ทำงานกันไม่ได้ / ฝั่งตะวันตกเป็นตัวถ่วง / เพราะคำสั่งเกณฑ์ทหารใหม่ เจอใครตามถนนก็จับไปเกณฑ์ทหารหมด ถ้าไม่อยากตายก็อย่าออกจากบ้าน / อาวุธใหม่ของ EDGE น่ากลัว / Tide of Ashes ยังอยู่  Outland ยังหาโอกาสโจมตี / ระยะพักรบจะอยู่อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ / เมื่อไหร่จะมีผู้นำที่ชนะได้สักที Max King ก็แค่ตัวตลกเท่านั้นแหละ  / กองทัพ Discorps กลับมาแน่ๆ พวกบ้ากลับมาแน่ๆ 
-เลขาของ Max King ตอนนี้คือเหมือนคนที่คอยจับตามอง Max King ไม่ให้ทำเกินกว่าคำสั่งของ EDGE มากกว่า 


Max King ตัดสินใจบอกว่าต้องการติดต่อ Chief เพราะอยากให้จับตามองฝั่งตะวันตกไว้ แต่เลขาปฏิเสธทุกอย่าง อ้างว่า Chief อยู่ที่โรงพยาบาลหรูฝั่ง Eastside หมอห้ามเข้าพบเจอ แต่นั่นยิ่งทำให้ Max King สงสัย เพราะการแพทย์โรงพยาบาลคนรวยจะไปดีกว่า MBCC หรือ Banyan ได้ยังไง? แต่เลขายังคงพูดเหมือนเดิม ถ้ามีอะไรต้องการบอกให้ทิ้งข้อความไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องว่า ทาง EDGE ต้องการให้ Max King ออกหน้ากล้องบ่อยๆ หลอกให้กำลังใจประชาชน Max King พยายามเถียงว่าทำแล้วได้อะไร? แต่สุดท้ายก็ต้องยอมทำตามคำสั่ง

เพิ่มเติม
-โรงพยาบาล Banyan คืออันดับ 1 เป็นศูนย์วิจัยโรคด้วย หมออันดับต้นๆ ทุกคนจบที่นี่ ตัวอย่างเช่น Iron, Chameleon, Anne


            ตัดภาพกลับมาที่ MBCC พอไม่มีใครเข้าไปสอบสวน Selyna จำนวนคนเฝ้ายามก็น้อยลง โซ่กำจัดมาเนียที่รัดอยู่มันทรมานมากจน Selyna ไม่สามารถหลับได้เลย ได้ยินเสียงใครมาใกล้ Selyna ตวาดโมโหใส่หมด แต่ครั้งนี้คนที่อยู่ตรงหน้าคือ Elvira สาวน้อยผิวซีดที่ดูธรรมด๊าธรรมดา ดูไร้พิษภัยสุดๆ  Elvira ค่อยๆ เอื้อมมือที่สั่นกลัวไปที่แผงควบคุบห้องขัง ปรับความแรงของโซ่ให้เบาลง แต่ Selyna ยังคงไม่ไว้ใจ ตวาดไล่ แต่ Elvira แค่บอกว่า ไม่อยากเห็นชาว Outland ต้องมาตายแบบนี้ แล้วทิ้ง Selyna ไว้คนเดียวงงๆ

            Elvira เข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามได้เพราะแอบขโมยบัตรมาใช้ เนียนไม่มีใครรู้หรือเห็น เพราะทุกคนใน MBCC ยุ่งกับการจัดการเหล่า Sinner ตั้งแต่ EDGE ประกาศฉุกเฉิน Chief ก็ถูกนำตัวออกไป อ้างว่าตรวจสุขภาพ แต่ Elvira คิดว่า Chief โดนกักบริเวณมากกว่า เพราะ Chief ในตอนนี้คาดเดาอารมณ์ยาก อาจจะไปขัดขวางแผนการหรือใครบางคนได้ แต่พอ Chief ไม่อยู่ MBCC ก็เหมือนโดนทิ้ง โดนห้ามทุกอย่าง ข้อมูลที่ Elvira หาได้จึงน้อยลงทันที เดินผ่านห้องนันทนาการ เห็น Max King แสดงละครตบตาประชาชนบน TV ทำให้คิดแผนการขึ้นมาได้ 

            ที่โรงจอดรถใต้ดิน MBCC มีรถจากฝั่งตะวันตกที่พากลุ่ม Sinner ที่ติดเชื้อจาก Shackles มาส่งให้ Nightingale Elvira ใช้โอกาสนี้ แอบเข้าไปคุยกับคนขับรถว่าอยากไปด้วย อ้างว่า พ่อทำงาน MBCC แต่อยากไปหาแม่ทีทำงานอยู่ที่คณะกรรมการบริหารฝั่งตะวันตกเพราะเป็นห่วง บีบน้ำตาไปที คนขับรถก็เชื่อ พาออกจาก MBCC จะไปส่งที่คณะกรรมการบริหารฝั่งตะวันตก
 
เพิ่มเติม
-Selyna เห็น Elvira แล้วคิดถึงบ้านเกิดขึ้นมา คนแบบนี้คงถูกส่งไปทำใช้งานเบื้องหลังมากกว่ามายืนแถวหน้าในสงคราม
-แอบขโมยบัตรมาได้ Nightingale ทรงงานหนักจนไม่รู้เรื่อง


            บ้านเมืองวุ่นวายโกลาหล จน FAC ต้องมาควบคุมสถาณการณ์ เพราะตอนนี้ใครดูเป็นต่างชาติหน่อยก็อาจถูกทำร้ายได้ แต่ฝั่งตะวันตกเป็นฝั่งของคนที่ลี้ภัยมาอยู่แล้ว ทำให้บอกไม่ได้เลยว่าใครมาจากไหน สถานการณ์แย่จน FAC บางคนยังเริ่มลังเลว่าต้องทำยังไง

            ทางด้าน Elvira ที่เดินทางมาถึงฝั่งตะวันตก ได้เห็นสภาพบ้านเมือง ซึ่งมันแย่กว่าที่คิดไว้มากๆ แย่จน Elvira กลัวขาสั่นไปหมด ทางคนขับรถเองก็ต้องหยุดพักก่อนเพราะอันตรายเกินไป เป็นห่วง Elvira ด้วย เลยชวนกันไปหลบในสถานหลบภัยก่อน 

            ข้างในสถานหลบภัย คนเยอะอัดแน่นไปหมด บรรยากาศไม่ดี ทุกคนระแวงกันเอง กลิ่นดินปืน โคลนและเหงื่อผสมกันไปหมด แต่มีกลิ่นของชาว Outland ที่ Elvira คุ้นเคยผสมอยู่ด้วย Elvira จึงต้องรีบตัดสินใจว่าจะอยู่หาข้อมูลหรือจะเดินทางไปหา Matilda ต่อ เผื่อเจอ Max King ด้วย  จนกระทั่งได้ยินเสียง Sibilla ที่กำลังดุเด็กๆดังขึ้นมา มีการพูดถึงชื่อ Sable Elvira ก็รีบไปหาทันที โดยไม่สนใจคนขับรถที่มาด้วย แล้วแผ่นดินไหวก็เกิด ทำให้หินถล่มลงมาปิดกั้นทางระหว่าง Elvira และคนขับรถ คนเริ่มโกลาหล Elvira ฉวยโอกาสหนี 

เพิ่มเติม
-Sibilla คือตัวละครที่โผล่ตอนเริ่ม N3 จนถึงเนื้อเรื่อง N4 ปัจจุบันผมของ Sibilla ขาวขึ้นมากทั้งๆที่เวลาไม่น่าจะผ่านไปนานขนาดนั้น
-Sable เป็นชื่อทหาร FAC เก่า ผันตัวไปเป็น Bodyguard ที่ปกป้องตระกูล Stewart สนิทกับ Jelena และ Elvira มาก โค้ด S9 (เนื้อเรื่อง N1-N2)
-ถ้าสถานการณ์ในเมืองรุนแรงมากๆอาจถึงขั้นต้องแยกสถานที่หลบภัยตามเชื้อชาติ 
-Siglinde ที่ถูกส่งมาเพื่อจับตาดู FAC ถึงกับไม่พอใจ FAC เอาแต่ปกป้องจนพอจะทำอะไรก็สายเกินไป หรือเอาแต่ปกป้องเพราะไม่มีศักยภาพ 
-Elvira จมูกดีหรือชาว Outland มีกลิ่นเฉพาะตัวจริงๆ แต่ถ้ามีจริง ชาว DisCity น่าจะแยกออกนะ? แต่ Elvira น่าจะฝึกประสาทกับรับรู้กลิ่น เพราะข้อมูลเรื่องกลิ่นธูปของสมาชิกสมาคม Sillage ที่ได้จากพ่อที่เป็นนายกคนก่อน


            อาจจะด้วยประสบการณ์ที่ผ่านหายนะมาอย่างโชกโชน Sibilla หลบหินที่หล่นลงมาได้ แต่ก็ดูออกว่า ชาว DisCity ไม่เคยรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้เลย Sibilla คอยเช็คโทรศัพท์เก่าๆในมือ รอสัญญาณให้ติด เมื่อติดแล้วก็โทรหา Ashley กับ Allen เน้นย้ำไม่ให้สองคนนั้นออกไปหายาด้านนอก เพราะ Sable ร่างกายอ่อนแอมากๆ ไข้ที่มีก็ไม่ใช่ไข้ธรรมดา ยาปกติใช้ไม่ได้ผล ฝากฝังให้ดูแล Sable ให้ดี แล้ววางสายไป 

            Elvira รีบเข้าไปทักก่อนที่ Sibilla จะเริ่มเดินทางต่อ Elvira ถามถึง Sable พร้อมออกตัวว่าช่วยเรื่องชิ้นหุ่นยนต์ได้ มีอะไรต้องซ่อมไหม? แต่ Sibilla งงมาก จังหวะบังเอิ๊ญญ แผ่นดินไหวอีก หินถล่มเพิ่ม Sibilla เลยดึง Elvira เข้ามาหลบภัย ทำให้ติดอยู่ด้วยกัน Sibilla เลยเริ่มชวนคุย ว่าเดินไปอีกฟาก น่าจะไปเจอที่หลบภัยอีกที่ Elvira ถึงเริ่มผิดหวังเพราะไม่ใช่ Sable ที่รู้จัก แต่ก็ชวนคุยต่อเพราะเก็บข้อมูล ถามเน้นไปที่เรื่อง Outland กว่าจะทำให้ Sibilla ยอมเล่าจริงๆไม่โกหก Elvira ต้องดึงเรื่องกำไรข้อมือที่แตกแล้วของ Sibilla รวมถึงเล่าเรื่องแม่ของตัวเองที่เป็นชาว Outlander แต่แม่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อยากรู้จักคนของแม่ เรียกคะแนนความสงสาร 10/10 

เพิ่มเติม
-Sibilla ออกมาหา Gracelyn(เป็นคนดูสนิทกับ Parfait)
-Sibilla ตกใจที่มีคนทักจนทำโทรศัพท์ร่วงไปรอบนึง
-Sable ไม่ใช่ชื่อโหลแน่นอน ทำให้ Elvira มั่นใจในทีแรกว่าเป็นคนที่รู้จัก (ก็รู้จักนะ แค่ในฐานะชื่อ Jelena)
-Elvira ในบทนี้เหนื่อยมาก เพราะปกติอยู่แค่ใน MBCC ต่อให้ออกก็จะมี Hecate คอยช่วยคอยคุ้มกัน 
-Sibilla ตอนแรกโกหกว่าเป็นชาว DisCity เพราะ Parfait สั่งไว้ ยิ่งหลังจากที่ Sibilla โผล่บน TV กับ Parfait บนเฮลิคอปเตอร์ด้วย ดังพลุแตก
-Jelena ที่ปัจจุบันใช้ชื่อว่า Sable มีอาการความจำเสื่อม จำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ และในปัจจุบันป่วยหนักไม่สามารถรักษาได้อีก


            สถานที่หลบภัยใต้ดินที่ใช้งานอยู่คืออุโมงค์ที่ขุดใช้งานตั้งแต่สมัย Rustfire ทำให้สภาพเก่า ไม่ดีเท่าไหร่ นายก Max King เลยต้องออกมาพบปะประชาชนเพื่อความสบายใจของเหล่าพี่น้องชาว DisCity มาแจกจ่ายอาหารน้ำเครื่องใช้ต่างๆ จน Elvira ที่ปลอมตัวเป็นเด็กอ่อนแอ ทำเป็นพุ่งเข้าไปจับมือขอความช่วยเหลือ Max King ตกใจมาก รีบเอาคราบสกปรกบนมือป้ายหน้า Elvira เพื่อช่วยปลอมตัวอีกขั้น แล้วทำเป็นคุยเสียงดังว่า Elvira คือ Sinner ที่มาเนียสูง อาจจะระเบิดได้ เพื่อไม่ให้คนอยากเข้ามายุ่ง กล้องที่ตามถ่ายจะได้หันหนีทันที ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวก Sinner ในตอนนี้สักเท่าไหร่  Max King รีบฉวยโอกาสพา Elvira หนีไปคุยที่ลับๆสองคน 

            Max King รีบถามทันทีว่าทำไมอยู่ที่นี่ เกิดอะไรขึ้นที่ MBCC Elvira ก็ลังเล แต่บอกให้ King พา Elvira กลับ MBCC หน่อย ได้ข้อมูลบางอย่างมา จะหาทางส่งให้ Max King ทีหลัง ซึ่ง Max King ก็ตกลง แต่ต้องเนียนกลมกลืนไปกับกลุ่ม Sinner เพื่อกลับ MBCC แต่ Max King ถามว่า หาตัวเขาเจอได้ยังไง? Elvira ถึงได้เตือนว่า โผล่ใน TV มากไป ใครคิดจะทำร้ายก็หาตัว King ได้ไม่ยากเลย ระวังโดนฆ่า แต่คำพูดนั้นกลับทำให้ Max King มีแผนขึ้นมาในใจ Elvira ได้กลับเข้า MBCC สถานการณ์ยังคงเหมือนเดิม แต่ Elvira เข้าไปลดความรุนแรงของโซ่ให้ Selyna เรื่อยๆ ให้ Selyna สนใจ

เพิ่มเติม
-Rustfire คือกลุ่มคนขุดเหมืองยุคบุกเบิก ในปี ปี N.F.108 กลับมาใหม่ มี Julien เป็นหัวหน้า อ่านเพิ่มเติมได้ในเนื้อเรื่องหลักบท 9-13 และมี Donald เกี่ยวข้องในอดีต 
-Elvira ในสายตา Max King ในวันนี้คือ โตขึ้นมากๆ จากลูกสาวนอกสมรสที่ขี้อาย ติดเพื่อนติด MBCC ตอนนี้กล้ามาอยู่แถวหน้า มีเป้าหมายและพลังของตัวเองแล้ว จน Max King ยังอิจฉานิดๆเลย


            Chief ฝันล่องลอย แล้วฝันถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่สะลืมสะลือตื่นขึ้นมาด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ล้างแผล แถมไข้สูงจนตัวสั่น หนาวจนหลับๆตื่นๆ รู้สึกไม่สบายตัวเพราะกลิ่นรังสีกำจัดมาเนียที่มีมาเรื่อยๆ  Hecate กำลังห่มผ้าให้ดีๆ แต่ Chief สะดุ้งตื่น รีบคว้าจับข้อมือจน Hecate ตกใจไปหมด Chief เลยรีบขอโทษแล้วถามถึงสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งสภาพ Chief ไม่ดีเลย หอบ ใจเต้นแรง เหงื่อก็แตก สาหัสจน Chief คงโกหก Hecate ไม่ได้  เลยกุมมือ Hecate แล้วตอบไปตามตรงว่าตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยดี แต่ก็คงผ่านพ้นไปได้ 

            Chief หันไปคุยกับ Schorl ที่แอบอยู่มุมห้องเพื่อคุมค่ามาเนียของ Chief เรื่อยๆ โดยที่พยายามไม่ให้ Chief เห็นเพราะไม่อยากทำให้ Chief อารมณ์ไม่ดี Chief เลยขอโทษ Schorl ว่า Chief ไม่ควรจะลงอารมณ์กับ Schorl แบบนั้นเลย พึ่งพา Schorl ในการคุมค่ามาเนีย แล้วพอมาเนียไม่ปกติก็มาลงอารมณ์กับ Schorl เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ สัญญาว่าจะคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีกว่านี้ อยากจะขอบคุณ Schorl

            Schorl ส่งเสียงแปลกๆออกมา ซึ่ง Chief ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แล้วก็เริ่มแสกนมาเนียChief สแกนนานกว่าปกติ Chief ถามถึงสถานการณ์ Schorl ตอบว่า Chief ไม่ต้องไปสู้ BR-005 แล้ว เพราะสามารถควบคุมได้ DisCity ได้เปรียบเพราะ BR-003 แต่การยิง BR-005 ด้วย BR-003 เป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะจำนวน Apostle of Ashes มันมากเกินไป ค่าใช้จ่ายสูงเกินไป แล้ว Schorl ก็หมุนตัวหน่อยๆ ก่อนจะบอกข่าวดีว่า มีแผนการที่ดีกว่านั้น ถ้าราบรื่น ก็จะชนะแบบแทบไม่เสียอะไรเลย แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ในตอนนี้ ไม่งั้นเดี๋ยว Chief จะคิดมากเกินไป Chief เลยรีบเถียง แปลว่าแผนนี้ไม่มีการช่วยเหลือ Hella สินะ Schorl ปฏิเสธว่ายังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น แล้ว Chief ก็รู้สึกได้ว่า Schorl ปล่อยแสงกำจัดมาเนียแรงกว่าเดิม Chief เลยพยายามคุมอารมณ์ตัวเองใหม่ แล้วขอบคุณอีกรอบที่เลือกคำตอบอย่างดีเพื่อตัว Chief ทาง  Schorl ก็ส่งเสียงแปลกๆออกมาอีกรอบ แต่ Chief เริ่้มสงสัยว่า Chief หมดประโยชน์สำหรับ Paradeisos แล้วเหรอ? ซึ่ง Schorl ย้ำว่า Chief สำคัญ สามารถบอกความต้องการได้เสมอ แต่ก็รับปากไม่ได้ว่าทุกความต้องการจะได้รับการอนุมัติ Chief เริ่มบ่นปรึกษาปัญหากับ Schorl ซึ่ง Schorl เงียบนานมากกกก เหมือนหายไปคิดหรืออึ้งก็ไม่รู้ แต่แล้วก็ตอบว่า การที่ Chief เข้าหา Schorl ด้วยความจริงใจก็เป็นก้าวแรกที่ดี โปรดบอกความต้องการมา แล้วจะส่งความต้องการนี้ไปแล้วรอการประมวลผลกลับมา Chief เลยบอกว่าอยากไปเจอใครบางคน

เพิ่มเติม
-ฝันล่องลอยของ Chief เพลงของตอนเริ่มบท Jelena (Wash Your Sins Away) ในเนื้อเรื่อง N1 ดังขึ้น ซึ่ง Chief รู้สึกคุ้น พยายามหันไปมองคนร้องแล้ว แต่คนๆนั้นก็เดินหายไปซะก่อน
-ชีฟมีเสียงชีฟหายใจหอบอยู่เรื่อยๆ จนเริ่มคุยกับ Hecate 
-ฝันถึงคนต่างๆในอดีต / Hella ที่บอกให้หนีไป / ภาพที่ Augustus บอกว่า Chief ไม่มีที่ยืนในสงคราม
-Chief สะดุ้งตื่นเพราะ ตอนนี้ห้ามคนเข้าห้อง Chief กลัวเรื่องค่ามาเนียปนเปื้อน แต่ Hecate เข้ามาเพราะเป็นห่วง (ขออนุญาต Nightingale แล้ว) 
-ปกติต่อให้เรื่องแย่แค่ไหน Chief ก็จะบอกว่า ไม่เป็นไร กับ Hecate เสมอ
-Chief ไม่รู้เลยว่า เสียงแปลกๆ ของ Schorl คือ กำลังงงหรือกำลังอัดเสียงคำพูด Chief ที่พูดขอโทษ 
-Schorl หมุนตัวทำไมคะ ไม่มีเหตุผล?? เหมือนคนเวลาคุยแล้วดีใจจนขยับตัวนิดๆเลย 



━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

ย้อนไปในอดีต

            มีการบันทึกในเดือนมีนาคม N.F.67 ว่า ตั้งแต่ถูกส่งตัวไป Nirvana Port Augustus บ่นทั้งวันว่าอยากกลับไปสนามรบ เลยโดน Helena บ่นไปชุดใหญ่ Augustus ถึงยอมปิดปากหยุดบ่น พวกคนที่ Nirvana Port เองก็เบื่อ Augustus มาก ส่งข้อความลับมาหลายรอบ(น่าจะสร้างเรื่องไว้เยอะ) ส่วนใหญ่เกี่ยวกับ Augustus อยากกลับบ้าน(สนามรบ) แต่ครั้งนี้เป็นข้อมูลจาก Augustus ว่าจะมีการลอบโจมตีแคมป์ ซึ่งไม่รู้ว่าเอาข่าวมาจากไหน แต่ถ้าเป็นของจริงละก็ แย่มากแน่ๆ ส่ง Adrian ให้ตั้งทีมออกไปสำรวจจุดที่จะโดนลอบโจมตีก่อน เผื่อล่อศัตรูออกมาได้ ถ้าไม่มีการลอบโจมตี ให้ถอยกลับไปที่ซาก Nirvana แต่ถ้ามีจริงๆ ให้เดินหน้าต่อไปทางทิศตะวันตก แล้วทีมหลักจะผ่านทาง Nirvana และไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 

            มีการบันทึกในเดือนธันวาคม N.F. 67 ว่า กองกำลังของ Adrian ไม่สามารถสู้ได้แล้ว ต้องการสร้างกองทัพใหม่ กองกำลังทหาร 3 กอง(3000 คน) กำลังจะถูกส่งตัวไปที่ Nirvana Port ในเดือนมีนาคม N.F. 68 ภัยหลักคือ เมืองนครหลวง 5 เมือง แต่ละเมืองมีกำลังพล 10000 คน ภัยรองคือ กองกำลังเสริมจากเมืองเล็กจำนวน 94810 คน เป็นกองกำลังที่ไม่ได้ถูกฝึกมาก่อน ตอนนี้ทาง DisCity มีกองกำลังหลักเป็นกองทหาร 10 กอง 10000 คน มีประสิทธิภาพประมาณ 7000 คน และกองกำลังรองของ Adrian 3 กอง มีประสิทธิภาพประมาณ 1000 คนตามการใช้งาน ชัยชนะคือหน้าที่ของการขนส่งและจำนวนคน 3 พันจะไปสู้ 4 หมื่นได้ไง 1 หมื่นสู้ 1 แสนไม่ได้ เอาปืนไรเฟิ้ลไปสู้เครื่องบินคือการพลีชีฟชัดๆ ทางเดียวที่มีคือถอยทัพและเตรียมรับมือป้องกัน แต่การมีตัวเลขที่เหนือกว่าไม่ได้แปลว่าชนะ ฉันมั่นใจ ว่าเราจะชนะ ไม่สนค่าใช้จ่าย

            มีการบันทึกในเดือนกันยายน N.F. 68 ว่า ศัตรูโจมตี 8 วันติดต่อ ความแรงของการโจมตีก็มากขึ้นเรื่อยๆ กระทบหนักที่แถวหน้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ยาวถึงตะวันตกเฉียงใต้ ทีมของ Adrian สามารถสู้เดินหน้าเพื่อชะลอการพังของแถวป้องกันไว้ได้ ภารกิจสะกัดกั้นทั้งหมดสำเร็จลุล่วง แม้ว่ากระสุนปืนจะไม่เพียงพอก็ตาม แถวหน้าความเสียหายโดยเฉลี่ยเกิน 30% หลายกองประสิทธิภาพในการสู้ลดลงเหลือต่ำกว่า 25% กำลังใจกำลังถูกทำลายโดยการโฆษณาชวนเชื่อและข่าวลือจากกลุ่มที่ยอมแพ้ ระเบิดนิวเคลียร์ที่อาจมีอีกลูก้ทำให้ทุกคนหนักใจอยู่ตลอด แต่แถวหน้าจะต้องยืนหยัดต่อไป ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม ห้ามถอย ห้ามหนี ห้ามยอมแพ้ จนกว่าจะชนะ Adrian ยืนอยู่แถวหน้า สั่งการทุกอย่างไม่ว่าศัตรูจะโจมตีมาด้วยวิธีการใด ถ้าไม่มีเขา เราคงจมกองเลือดไปแล้ว ของขวัญสุดท้ายจาก Brock คงเป็นหมอนี่แหละ แต่ทุกรายงานจากแถวหน้าทำให้รู้สึกแย่ตลอด บุคลากรดีๆที่เก่งๆหายจากไปไวยิ่งกว่าอะไร ไหนจะความกังวลเรื่องสายลับ คนขี้ขลาด กลัวระเบิดลูกที่สอง แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเหลือะไรก็ตาม ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไร ชัยชนะต้องเป็นของฉัน และกุญแจสำคัญก็คือ...


            15 เดือนกันยายน N.F. 68 แม้ว่าศัตรูจะเริ่มบุกเข้ามาใกล้ แต่ Dravyn ยังคงทำตามหน้าที่ ท่ามกลางความโกลาหล ผู้คนที่แพนิควิ่งเข้าหา Dravyn ต้องการพลังกำลังใจและความช่วยเหลือ แต่เขาก็ยังคงหน้านิ่ง ไร้อารมณ์ สั่งการอย่างตรงไปตรงมา วิเคราะห์ข้อมูล เลือกเส้นทางขนส่งของทรัพยากร มีผู้ส่งสารมาว่า Augustus หายตัวไป พนักงานก็เริ่มสบถ แต่ Dravyn วางปากกาลงแล้วบอกว่า รู้ว่า Augustus  อยู่ที่ไหน 

            Dravyn มาหา Augustus  ที่อยู่หน้าหลุมศพของ  Brock Augustus  มองที่ป้ายหลุมศพ แต่สายตามองไปถึงแถวหน้าสนามรบที่อยู่ไกลๆ จน Dravyn แสดงความอ่อนโยนออกมา Dravyn บอกว่า พ่อของ Augustus ส่งฑูตมาเจรจาการค้า Augustus หัวหน้าตระกูลจะมาเจรจาด้วยตัวเอง ก่อนจะถาม Augustus ‘ว่าไม่อยากเจอพ่อเหรอ?’ Augustus ตอบกลับด้วยท่าทีที่สมกับเป็นลูกคุณหนูว่า จะหลอกให้ฉันกลับบ้านเหรอ? Dravyn แซวว่า เดี๋ยว Brock ปีนออกจากหลุมมาดุหรอก แล้ว Augustus ถึงอธิบายว่า พ่อก็แค่อยากขายอาวุธ ไม่ได้อยากให้ Augustus กลับบ้านจริงๆหรอก แล้วเริ่มเล่าอดีตตัวเองว่า เห็นสงครามมาเยอะ นั่งบนเครื่องบินทิ้งระเบิดตอนรบก็นั่งมาแล้ว เห็นคนตายมากมาย ทั้งๆที่อาวุธทุกชิ้นในสงครามมาจาก Andohar ทั้งนั้น อยากเห็นคนที่อ่อนแอกว่าพลิกสงคราม ชนะนครหลวงให้ได้สักครั้ง 

            Augustus ก็เปลี่ยนเรื่องคุยว่า Tide of Ashes จะน้อยลงในช่วงเดือนกันยายน มหานครจะมาทิ้งระเบิดลูกที่สองไวสุดคงเดือนตุลาคม ครั้งนี้คงทิ้งที่ Discity ด้วย พวกนายมีแผนอะไรบ้างไหม ต่อให้ยอมแพ้ Brock กับ Helena ก็ไม่โทษพวกนายหรอก แต่ไอเด็ก Andohar น่ารำคาญคนนี้จะโทษ Dravyn ที่ยอมแพ้ แล้ว Augustus  ขอขึ้นนำกองทัพเอง แต่ Dravyn ไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว อธิบายแผนการว่าจะใช้พลังพิเศษของ Augustus หันระเบิดออก วินาทีแรก Augustus ไม่เชื่อหรอก เพราะพลังมันเด็กน้อยมาก จะส่ง Augustus ไปพลีชีฟเหรอ? แต่ถ้าแผนมีโอกาสชนะ จะยอมทำตามคำสั่งก็ได้ Dravyn ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา พร้อมยืนยันว่าจะหาอาวุธที่พลิกสงครามได้มาให้ Augustus  


ช่องแชท Paradeisos

???: ยังใช้ตัวอย่างที่ฉันให้ไปรึเปล่า?
Dravyn:  Brock บอกมาว่าใช้ได้ดีเลย แต่แปปเดียวพัง
???: มีองค์กรอื่นๆ ที่วิจัยอะไรคล้ายๆอยู่นะ แต่พลังที่พวกเขาใช้มันอันตรายมาก ขุดใต้สนามรบเพื่อเอาวัตถุดิบอะไรสักอย่างมาสร้างอาวุธพิเศษ

Dravyn: คุณช่วยเรามาเยอะมากแล้ว ความสามารถของคุณสำคัญมากๆ กับกองทัพอิสรภาพ และ DisCity 
เด็กฝึกงานEDGE: ฉันจงรักภักดีกับมนุษยชาติ โลกที่Keylanทิ้งไว้เบื้องหลังไม่ควรจะกลายเป็นแบบนี้ 
Dravyn: …. 

เพิ่มเติม 
- เด็กฝึกงาน EDGE น่าจะเป็น EDGE-01 ในปัจจุบัน(เป็นการคาดเดาของทีม อย่าเชื่อมาก)


            20 กันยายน N.F. 66 พันตรี Dravyn นำกองทัพเข้าไปใน WhiteSands โดยมีเครื่องอุปกรณ์ลึกลับช่วยเหลือ เป้าหมายคือพื้นที่ใกล้เคียงมหานครและซากสนามรบจากยุคก่อน พวกเขาเจอกองกำลังลาดตระเวณอยู่บ่อยครั้ง

            20 ตุลาคม N.F. 68 ถึงเป้าหมาย เหลือกำลังพล 22 คน สภาพพื้นที่เป็นถ้ำใต้ดิน ทางเข้ามีหินและซากปรักหักพังปิดทางเข้า พอเข้าไปได้ก็เจอกับดักเยอะมาก และปะทะกับสิ่งมีชีวิตที่ผิดปกติ เสียคนไปอีก 5 คน อุปกรณ์ตรวจจับค่าความชื้นผิดปกติ และคลื่นสนามแม่เหล็กที่แปรปรวน บ่งบอกถึงต้นตอผิดปกติที่ทรงพลัง เดินจนถึงสิ้นสุดทางเดิน คอนเฟิร์มว่ามีสถานโบราณใต้ดินที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ โครงสร้างไม่มีความเสียหาย พื้นผิวมีสัญลักษณ์อักขระที่ไม่สามารถระบุได้ และ ท่อส่งพลังงาน จารึกไว้ 

            กองดาบร้าวถูกทรายดูดทรายดูดลงมาจากสนามรบข้างบน ที่ใจกลางของชุดอักษรรูนบนพื้น มีดอกไม้คริสตัลสีแดงบิดเบี้ยวเบ่งบานอยู่ตรงใจกลาง รอบๆมีแต่ก้อนเนื้อมนุษย์ที่น่าขยะแขยง เต้นตุบๆ ราวกับมีหัวใจ Dravyn เกร็งขึ้นมา ยกปืนขึ้นและค่อยๆก้าวเข้าไป ต้องการรู้และเข้าใจว่าเขากำลังเห็นอะไรอยู่ แต่เหมือนโดนอะไรบางอย่างกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไป ให้ความรู้สึกคล้ายคลึงพลังของ Augustus แต่มันชั่วร้ายกว่ามากๆ ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนได้เข้าใกล้กับพลังงานอะไรบางอย่าง แต่แล้วจู่ๆก็มีพลังงานสีแดงดำอะไรบางอย่างยิงใส่ Dravyn หลบตามสัญชาตญาณ โดนเพียงปลายกางเกงไปหน่อย 

            Parma ตะโกนไม่ให้ขยับ มือถือร่มที่หันปลายร่มมีควันฟุ้งมาทาง Dravyn น่าจะต้นตอพลังงานที่ยิงเมื่้อกี้ คนถือร่มใส่ชุดสีดำสนิท ไหล่มีเลือดไหลจากกระสุนปืน ไม่เห็นดวงตาเพราะหน้ากาก Parma รีบถามว่ามาจากบนดินเหรอ? ใครส่งมา พิธีกรรมยังไม่สำเร็จ อย่าจับอย่ารบกวนเขาเลย แน่นอนว่า Dravyn ไม่ยอมถอย ยกปืนเล็ง Parma แต่ตายังมองก้อนเนื้อที่เต้นตุ้บๆอยู่บนพื้น แล้วถึงนึกถึงคำเตือนจาก EDGE คนนั้น ว่านี่คืออาวุธที่สร้างจากการเร่งความรู้สึกดิบเถื่อนของมนุษย์ เป็นการนำความทรมารของมนุษย์มาสร้างให้มีกายหยาบ Dravyn เริ่มเข้าใจว่าพลังนี้เกิดจากศพคนตายที่สนามรบ Dravyn โกรธมากเพราะศพเหล่านั้นก็คงเป็นคนของ Discity นี่แหละ เพราะอย่างนั้นแล้ว Dravyn จึงเริ่มสู้กับ Parma ต้องการ พลังที่เกิดจากทหารของตัวเองและนำกลับไปวิจัยด้วย 

เพิ่มเติม
-ย้อนอดีตในอดีตอีกที เหตุการณ์นี้คือปี 66 แต่ที่คุยกับ Augustus ล่าสุดคือปี 68 
-ได้อุปกรณ์ลึกลับจาก EDGE 
-มีทหารที่ชื่อ Vennon ติดตามมาด้วย 
 

            พอการต่อสู้เบาลง มีแสงสีแดงที่รูปร่างบิดเบี้ยวลอยออกมาจากกองซากมนุษย์ รวมตัวกันจนกลายเป็นดอกไม้ Dravyn รีบเข้าไปหาทันที แต่ Parma พยายามพูดรั้งไว้ด้วยเฮือกสุดท้าย ไม่อยากให้พิธีกรรมโดนขัด อยากให้ Sage ได้ถือกำเนิดออกมา ยอมทำทุกอย่าง แต่ Dravyn ไม่ตกลงด้วย เอื้อมมือไปจับดอกไม้คริสตัล จนรู้สึกเจ็บปวดมาก เหมือนแกนกลางตัวเองระเบิดออก มีหนามทิ่มแทงตัวเขาทั้งเรือนร่าง ทุกคนพยายามห้าม แต่ Dravyn อดทนกำดอกไม้ จนกลีบทิ่มแทงเข้ามือ เลือดไหลอาบ เริ่มมีเสียงกรีดร้องในหัวของเขา จนตัวเขาเห็น Corridor Echo เห็นอดีต พร้อมเสียงในหัวที่บอกให้ยอมแพ้ ปั่นหัว ดึงอดีตมาข่ม แต่ Dravyn ใจสู้ จนดอกไม้สีแดงละลายเข้าผิวเนื้อ มีพลังอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในตัวเขา แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป 

เพิ่มเติม
-Sage คือปราชญ์ของ Underground (เช่น Evelleonในอีเว้นต์ Milly) 
-Corridor Echo มีเป็นการ์ด Crimeband อยู่ในเกม 


            ตื่นขึ้นมาอีกที ตัวเขาอยู่ที่แคมป์ ร่างกายปกติ มีชีวิต ดอกไม้หายไปแล้ว แต่เขาเห็น Vennon ที่นอนอยู่เตียงข้างๆ ท่าทางเหมือนกำลังจะตาย มีดอกไม้เกิดอยู่ที่คอของเขา Vennon พยายามพูดออกมา สารภาพว่าตัวเขาเป็นสายลับจากกองทัพ DisCity ภารกิจคือจับตามอง Dravyn กับ Brock เพื่อหาจุดอ่อน แทรกแซงการติดต่อกับ EDGE ด้วย แต่พอติดตามไปเรื่อยๆ ก็ได้รับรู้ความจริง เลยขอยอมแพ้ ต่อให้ Vennon ตายก็จะมีคนอื่นมาแทนเพราะ Vennon เป็นคนที่ 4 แต่พลังแปลกนี่พิเศษมากๆ ดอกไม้สีแดงถูกย้ายจาก Dravyn ที่กำลังจะตาย ไปสู่ Vennon ด้วยความสามารถจาก เด็กฝึกงานEDGE Vennon บอกว่าเราได้อาวุธที่พิเศษแล้ว พลิกชนะแน่นอน พวกเราทุกคนเข้าสู้สงครามที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่พวกเราก็เชื่อมั่น นายต้องไม่ตาย เหมือนที่นายบอกไม่ให้ Brock ตาย Vennon ออกจากเต้นท์ไป Dravyn หยิบจดหมายจากเด็กฝึกงานEDGE มาอ่าน แล้วเขาก็ไปหา Augustus ที่หน้าหลุมศพ Brock อีกครั้ง

Augustus : ปล่อยให้ผู้หญิงรอนานเกินไปนะ นึกว่านายตายแล้วซะอีก แล้วเป็นไง สำเร็จไหม?


━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

กลับมาปัจจุบัน 

            15 สิงหาคม N.F. 115 ในช่องแชท DisCorps Scarface ทักเรียกหา Chief ตัวน้อย ชวนมาสู้ด้วยกัน ช่วงนี้ทำอะไร? ไม่ว่างเหรอ? แต่แพทย์สนามดุในแชทไปที เลยเงียบสงบ ตรงนี้ผู้เล่นมีตัวเลือกที่เหมือนจะสำคัญมาก ว่าจะตอบหรือไม่ตอบ แต่ตอบไปก็ไม่มีใครตอบกลับ 

            16 สิงหาคม N.F. 115 พันโทติดต่อมารายงานในช่องแชทว่า ศัตรูยังคงแอบลักลอบขนส่งทรัพยากรสู่แถวหน้า ไม่สามารถขัดได้ทั้งหมดเพราะไม่รู้เส้นทางขนส่งแน่ชัด ควรติดต่อ FAC เพื่อความช่วยเหลือในสนามรบที่กองดาบร้าวไม่สามารถดูแลได้ 

            ก่อนเข้าห้องพักฟื้นของ Adelaide Schorl ย้ำเตือนว่าการเข้าพบ Adelaide คนเดียวมันอันตราย แต่ Chief ยืนกรานเพราะไม่เช่นนั้นแล้ว Adelaide คงไม่ยอมพูดบอกอะไรแน่นอน พอเข้าห้องไป Adelaide พูดกวน Chief ทันที รู้ด้วยว่า Chief เกือบฆ่านักโทษไปเมื่อสองวันก่อน แต่ Chief ไม่สน เอาเรื่องที่สงสัยเกี่ยวกับ BR-005 มาถาม ว่าเกิดอะไรขึ้น Adelaide ทำอะไรลงไป ซึ่ง Adelaide ตอบตรงๆว่า ตกลงกับ Underground แค่ให้สร้าง BR-005 ขึ้นมาในที่ห่างไกลจาก DisCity นึกว่าจะไม่ต้องเสียสละอะไรเยอะ แต่ผิดแผน ผู้ลี้ภัยใน Farlands ต้องการความเปลี่ยนแปลงเอาชีวิตรอดจนกลายเป็นวิญญาณอาฆาต อยากล้างแค้น DisCity แต่ยืนยันว่าพวกเขาไม่ต้องการทำร้าย Hella เอ็นดูซะด้วยซ้ำ Chief ฟังแล้วก็เชื่อ ต่อให้รู้ว่าอาจจะโดนหลอกก็ได้ 

            Chief ออกมาจากห้อง รายงาน Schorl ว่า ยั้งมือตัวเองไม่ให้ทำร้าย Adelaide ได้ เชื่อใจ Chief มากขึ้นบ้างไหม? Schorl ชมว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมาก การได้คุยกับ Adelaide ทำให้หายสงสัยรึเปล่า Chief บอกไม่ แต่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ 

เพิ่มเติม
-Adelaide ได้ข้อมูลมา แลกกับการถูกซ้อม เพราะมีแผลใหม่ที่ Chief ไม่ใช่คนลงมืออยู่
-Chief ตอนแรกนึกว่า BR-005 ขัง Hella ไว้เลยโมโห โทษชาว Outland ว่าชั่ว แต่พอ Hella มาห้ามไม่ให้ฆ่า Chief เลยต้องการเข้าใจ
-Chief เรียก Adelaide ว่า Sage แห่ง Underground 
-Adelaide มีชมว่า Chief เลี้ยงเด็กเก่งเนอะ เลี้ยงจนเปล่งประกายเหมือนพระอาทิตย์ คนที่ไร้ความหวังเลยเข้าหา ทำให้ Chief อยากจะบีบคอ Adelaide มากกว่าเดิมอีกก
-Schorl กับ Chief เหมือนแม่ลูกซะแล้ว หมือนแม่มาส่ง Chief ที่เป็นเด็กอันตพาลเข้าโรงเรียน Chief กลับบ้านมาบอกแม่ว่า ไม่ได้ต่อยใครเลยแม่ เก่งป่าว 


            ตกกลางคืน เสียงไฟฟ้าแม่เหล็กต่างๆ ของเครื่องจักร Nirvana Port เริ่มขยับตามคำสั่งของ Augustus เป้าหมายคือ กำจัด Farland ให้สิ้นซาก พันโทรับคำสั่ง แม้ว่าคำสั่งนั้นจะเป็นการฆ่าผู้บริสุทธิ์จนไม่อยากทำก็ตาม ทั้งทหารและ Rancors ต่างก็พยายามบอกตัวเองว่าพวกเราเป็นเพียงอาวุธของ Augustus เท่านั้น แต่แล้วคำพูดโหยหวนเหล่านั้นก็เงียบหายไป เพราะมีใครบางคนรีบวิ่งมาเคาะประตูห้องสั่งการ Nirvana Port


            คนที่รีบวิ่งมาเคาะประตูห้องสั่งการ Nirvana Port คือ Chief นั่นเอง รีบจน Augustus อดแซวไม่ได้ว่า ไม่ได้ร่วมมือกันแล้วนี่นา มาบอกลากันเหรอ Chief ถึงตอบกลับว่า จะกลับเข้าสนามรบต่างหาก แถมรู้ด้วยว่า Augustus ต้องการตัว Chief มาก เพราะต่อให้ไม่มี Chief Augustus ก็สามารถทำตามเป้าหมายได้อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ Chief ขอเข้าสนามรบในแบบของตัวเอง ไม่ใช่ในฐานะทหาร 


            Chief เริ่มกัดฟันตอบคำถามของ Augustus ว่าจะลุกขึ้นยืนต่อเพื่อทำลาย BR-005 และจะทำลายทุก Black Ring หรือใครก็ตามที่หาผลประโยชน์จาก Black Ring ต่อจากนี้ Chiefไม่สนใจ มาเนียคือศัตรูของ Chief ที่ไหนมีมาเนีย ที่นั่นคือสนามรบของ Chief ศัตรูคือความทรมานที่มาเนียนำพา เรื่องที่เกิดขึ้นกับ Chief และ Hella Chief จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับคนอื่นอีก จะสู้จนกว่าจะชนะหรือตาย เพราะแบบนั้นแล้วเป็นทหารให้ Augustus ไม่ได้ แต่ในสนามรบนี้ เรายืนเคียงข้างกันได้ 

เพิ่มเติม
-คำถามที่ว่า ถ้าทุ่มสุดตัวก็ยังพา Hella กลับมาไม่ได้ จะทำยังไง


            ข่าวเรื่องเกณฑ์ทหารเริ่มเป็นที่พูดถึงสุดๆ Max King ถึงได้เปิดไอดีโซเชี่ยลที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานานขึ้นมา โพสต์ถึงเรื่อง การเกณฑ์ทหารรอบสองอย่างจริงใจ ชวนให้โหวตเพราะนี่คืออนาคตของชาติ เป็นทางเลือกทางประวัติศาสตร์ของ DisCity ที่ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนคือฮีโร่ ไม่ใช่แค่ทหาร FAC เท่านั้น สามารถมาเจอ Max King ตรงที่ถนนสายสาม สายห้า และ เขตที่หก ได้

            ซึ่งโพสต์นั้นทำให้ผู้คนคุยนินทากันว่า Max King ไปทำข้อตกลงลับๆกับ Augustus แล้วแน่นอน เพราะถ้าเก่งจริง คงไม่มีเดินขบวนพาเหรดทุกวันตามถนนหรอก


            กลับมาที่ MBCC Elvira เดินเข้าไปหา Selyna ที่กรงอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้มานานพร้อมรอยแผล ซึ่งครั้งนี้ Selyna ไม่โกรธแล้ว โดนเยี่ยมซ้ำๆจนชิน แต่ยังคงสังเกตุอยู่ เพราะเหมือนเห็นตัวเองตอนเด็ก แต่แล้ว Elvira ยกปืนขึ้นมายิงปลายผม Selyna แล้วก็เริ่มทะเลาะกันว่าต่างฝ่ายต่างโกหกหลอกลวง จนกระทั่ง Elvira เริ่มพูดด้วยภาษาชาว Outland ที่เกือบจะเป๊ะ แถมมีกำไรพื้นบ้านของ Furor ห้อยอยู่ที่ข้อมือ พยายามย้ำว่า Selyna หักหลังแม่ของ Elvira Selyna ถึงเริ่มสั่นคลอน เริ่มหลงเชื่อ ทำให้ Selyna ตัดสินใจแหกกรง  สัญญาณเตือนดังทันที พนักงานรีบเข้ามา แต่ Selyna หนีไปได้ Elvira ที่ถือปืนอยู่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากพนักงาน แต่พอพนักงานออกไป Elvira รีบเปิดช่องแชทลับขึ้นมา รีบติดต่อรายงานกลับว่าภารกิจสำเร็จ ให้ปลายสายจับตามอง Selyna ให้ดีๆ อย่าพลาดตามที่ตกลง  

            ปลายสายที่ Elvira ติดต่อคนนั้นคือ Langley นั่นเอง Elvira เป็นคนให้ข้อมูลเอง ว่าพวก Outland เนี่ย ทำงานดีเกินไป แปลว่ามีคนในช่วยแน่นอน ต้องหาตัวให้เจอว่าใครสั่งการอยู่ แถมสั่ง Langley ด้วยว่า "ไหนบอกว่าเธอแก้ไขเรื่องนี้ได้ไง เพราะงั้นก็ทำเร็วๆ สงครามกับพวก Outland ทำให้ฉันรู้สึกแย่ไปหมด" Langley ถึงได้ชมว่า Elvira เก่งมาก มีพรสวรรค์มากกว่าที่คิด ไว้จะไปเยี่ยมทีหลัง 

เพิ่มเติม
-Elvira โกหกแสดงละครเก่งมาก บอกว่าตัวเองมี 2 ชื่อ ชื่อ DisCity คือ Elvira Stewart (ของจริง) แต่ชื่อ Furor ของนางคือ Nysa Sadikur (โกหก)
-Langley ยอมรับในความสามารถของ Elvira มากๆ


            สมาชิกสภาประกาศว่าพันธมิตร Farland ตัดสินใจโจมตี DisCity ต่อ ทาง DisCity จึงต้องมีการโหวตเรื่องพ.ร.บ.ฉุกเฉิน กับทางเลือกสงครามใช้ในการต่อกรกับ Farland ซึ่งมตินี้จะมีผลการปฏิบัติการทางทหารและมอบอำนาจให้ EDGE จัดสรรทรัพยาการของเมืองตลอดช่วงเหตุฉุกเฉินนี้ แต่ในเวทีนี้ Max King ไม่อยู่ ร่าง พรบ ที่นำมาเผยแพร่ก็ไม่เป็นไปตามที่ Max King เคยร่างไว้ ทำให้เริ่มมีความไม่มั่นใจเกิดขึ้น 

            แต่จู่ๆประตูก็เปิดออก ทหาร DisCorps นำทัพเข้ามา Augustus ยึดเวทีพูดเอง พูดถึงสถานการณ์ตอนนี้อย่างตรงไปตรงมา มีสมาชิกสภาไม่เห็นด้วย แย้งว่า DisCity ยังมี BR-003 Augustus เย้ยว่า EDGE ตัดสินใจให้ DisCorps จัดการศัตรูอย่างช้าๆ เพื่อที่จะได้ควบคุมทั้งทวีป ทางสภาก็รีบย้ายฝั่งมาอยู่ข้างผู้ชนะ(ที่แปลว่า Augustus) แต่แล้วเสมียน(คนที่มาคุยส่วนตัวกับChiefในงานเลี้ยงเต้นรำ) แย้งว่า Augustus ใช้แต่ความรุนแรง ถ้าได้อำนาจในครั้งนี้ ครั้งถัดไปก็คงนองเลือดยิ่งกว่าเดิม Augustus เลยถามว่า มีใครเห็นด้วยไหม 

เพิ่มเติม
-สถานการณ์ที่ Augustus พูดถึงคือ ศัตรูแอบเข้าเมืองเยอะแค่ไหน FAC ก็ไม่ว่าง มัวยุ่ง DisSea / MBCC ก็ติดกับดัก BR-005 / Fraser ที่บอกว่าเป็นพันธมิตรด้วยก็ปล่อย Tide of Ashes ใส่
- Augustus บ่นว่า ศรษฐกิจพังเพราะใคร ขนส่งพังเพราะใคร พันธมิตรรอบข้างพังเพราะใคร สภาไม่ทำอะไรกันเลย กินเงินไปวันๆ จน FAC ต้องแบกรับทุกอย่างแล้วพังไป 
- ในห้องนี้มีผู้แทนสภา 11 คน รวมเสมียน 1 คน ไม่นับประชาชน


            แต่แล้วก็มีเสียงระเบิดข้างนอก Augustus เลยบอกว่า ศัตรูยิงแล้ว ใครเลือกเห็นด้วย DisCorps จะดูแลอย่างดี ใครไม่เห้นด้วย ก็อยู่ที่นี่ต่อซะนะ แล้ว Augustus เปิดโปรเจคเตอร์ โชว์สนามรบ โชว์ซาก Nirvana Port ที่โดนระเบิดนิวเคลียร์ไป ทุกคนเงียบกริบจน Augustus หัวเราะ แล้วบอกความจริงของกองทัพ ว่าเป็นคนคนที่โดนมาเนียกัดกิน ทำงานสกปรกให้ DisCity BR-003 ก็แค่หลอกไปงั้นแหละ ไม่งั้น Farland จะตัดสินใจสู้ต่อเหรอ แล้ว Augustus ก็บ่นยาว จนตัวแทน Nirvana ยกมือเพื่อขัด บอกจะให้ทรัพยากรเพื่อการสู้ในครั้งนี้ แต่จะส่งมอบให้ FAC ที่คอยปกป้องดูแล DisCity มาอย่างสม่ำเสมอ ถ้าอยากได้ทรัพยากรนี้ ไปร่วมมือกับ FAC เอง ทำให้เสมียนกับ Nirvana ยอมร่วมมือกันชั่วคราว 

            ผู้บังคับบัญชา FAC เดินเข้ามาในห้อง เข้ามาถึงก็ดุ Augustus ว่าหยุดพูดสวยหรูได้แล้ว เอาแผนมาดูหน่อย ทำยังไงให้ชนะ Langley เสริมเข้ามาว่า จะให้เชื่อใจกันมันมีราคาที่ต้องจ่ายนะ พร้อมให้คนแก่ใส่ปลอกคอให้ยัง? Augustus ตอบกวนๆ ว่า อยู่ที่ว่ามันคือปลอกคอแบบไหน แต่พอเห็น Chief ถึงได้ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา และถามว่า Shackle ของ Chief ผูกกับ Black Ring ด้วย ถ้า Augustus ยอมโดนใส่ปลอกคอ ก็แปลว่าจะโดนมาเนียด้วยใช่ไหม Chief บอกว่า เป็นการยอมรับในความเชื่อใจด้วย 

เพิ่มเติม
-Nirvana ยอมให้ทรัพยากรเพราะ Max King ไปคุยหลังไมค์ว่า Quinn (บริษัทของ Sinner Eirene Campbell) บริจาคมาเยอะมาก  Max King ยื่นเช็คเงินให้ เป็นเซ็ตตัวเลขที่ Parfait ชอบมากที่สุด ตัวแทน Nirvana (เป็นเพื่อนสนิท Parfait) ก็บอกว่าจะช่วยเท่าที่ทำได้ แต่อย่าพูดชื่อของเขาแล้วกัน 


            Chief ขึ้นเวที หยิบดาบของ Augustus จาก Uris ที่อยู่ข้างๆ แล้วยื่นคืนให้ Augustus บอกว่า ชื่อ Discorps ในตอนนี้คือความรุนแรงโหดเหี้ยมที่บริสุทธิ์ ไม่มีการควบคุม เป็นชื่อที่ผู้คนกลัว ถ้า Augustus จะเป็นคนนำ ฉันเชื่อว่าเธอพร้อมแบกรับชื่อนี้ ดาบคมแค่ไหนก็ต้องมีฝักดาบ ไม่งั้นก็พกไปไหนไม่ได้หรอก ก็เหมือน Sinner กับ Shackle ฉันพร้อมแล้ว พวกเราจะแบกรับความเสี่ยงไปด้วยกัน เพื่อชัยชนะ" Augustus ยิ้มแซวว่าคุ้มค่าที่สนใจ Chief นะเนี่ย รออะไรอยู่ล่ะ? ดาบฉันใจร้อนแล้วเนี่ย ไปกันเถอะ


            Max King ตอนนี้คอยสั่งการ ควบคุมความสงบของทุกคน อัพเดตสถานการณ์ให้ทุกคนรับรู้ ได้รับความช่วยเหลือจาก Quinn และ Nirvana ด้วย ทางสภาได้รับการบริจาคจาก Outland นำ Hypercubes จำนวนมากมาส่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย เพราะ Fraser ไม่เคยไว้ใจคนนอก แต่ถึงอย่างนั้น Max King ก็สู้ต่อไป พอสถานการณ์เริ่มมีหวัง บรรยากาศก็ดีขึ้น การทะเลาะเหตุรุนแรงลดลงอย่างมาก 


━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

ย้อนไปในอดีต (จังหวะที่กำลังจะโดนระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่ 2)

            วันที่ 7 เดือนตุลาคม N.F.68 Dravyn นำผลสรุปจาก EDGE ว่าพลังของ Augustus เหมือนกับพลังปริศนาที่ไปเจอเลยเร่งการวิจัย ผลิตอาวุธซีรี่ย์ยมทูตจนเซ็ตแรกใกล้เสร็จแล้ว ผู้ใช้งานอาสาสมัครกำลังฝึกฝนอยู่ มาบอกให้ Augustus ฟัง เพราะแผนของ Dravyn คือให้  Augustus ไปหยุดระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่ 2  Augustus ก็ถามหลายอย่าง ว่ามีไรตุกติกเปล่า Dravyn พูดตรงๆว่าสิ่งเดียวที่รับรองไม่ได้คือชีวิตของ Augustus ก่อนจะชักชวนให้ Augustus สู้เพื่อ DisCity แต่ศัตรูไม่ใช่มหานคร ศัตรูคือสงครามที่ Augustus เกลียดชัง  Augustus ตอบตกลง 

            ปฏิบัติการ Skyfall จึงเริ่มต้นขึ้น เป็นการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กของพื้นที่ด้วยอาวุธซีรี่ย์ยมทูต ให้ Augustus ใช้พลังของดอกไม้คริสตัลมาเนียที่งอกเงยออกมาจากมือของ Vennon รับรู้ถึงตำแหน่งของอาวุธต่างๆ และเปลี่ยนตำแหน่งของระเบิดมิสไซล์ได้สำเร็จ

เพิ่มเติม 
-EDGE เป็นคนสร้างอาวุธซีรี่ย์ยมทูต 
-อาวุธซีรี่ย์นี้ถูกเรียกว่า Rancor ในปัจจุบัน
-ปฏิบัติการนี้มีชื่อว่า Skyfall เป็นปฏิบัติการแรกของ Augustus 
-Vennon เป็นคนขับยานบินที่ Augustus นั่ง
-Augustus กลายเป็นนายพลที่อายุน้อยที่สุดแห่ง DisCity


━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

กลับมาปัจจุบัน 

21 สิงหาคม N.F.115 ณ ช่องแชทของ Paradeisos

EDGE-02: นางบอกว่านางจัดการสถานการณ์เองได้ จะไปกำจัด BR-005 โดยที่ไม่ต้องสร้างการต่อสู้ที่ใหญ่กว่าเดิมได้ 
EDGE-05: สภาพภายในของ Black Ring มีความซับซ้อนสูง Hypercube ที่เรามีตอนนี้ก็มีจำกัด การลงทุนในทรัพยากรและความเสี่ยงในปฏิบัติการณ์นี้เพื่อการปกป้องจำเป็นต้องใช้จำนวนมาก 
EDGE-02: นางบอกว่า การที่เรากำจัด BR-005 ได้จะสามารถทดแทนค่าใช้จ่าย Hypercube ได้ แถมได้กำไรอีก
EDGE-07: ต่อให้เราไม่สนใจความเป็นไปได้ในการล้มเหลว แต่การวิเคราะห์ของเราก็ยืนยันว่า BR-005 ให้ผลตอบแทนต่ำ ค่าความผิดปกติที่มีเกิดจาก Apostle of Ashes ที่ผสมภายใน ต่อให้ภารกิจสำเร็จก็ไม่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุน 
EDGE-02: ถ้าเราไม่ให้ SHP-13 กิน อะไรจะห้ามไม่ให้คนอื่นมากินล่ะ? 

[แล้วช่องแชทก็เงียบไป]

EDGE-03: Shepherd จาก Underground ไม่น่าจะยอมเสี่ยงขึ้นมาบนบก นางโผล่มาตอน BR-002 เพียงเพราะพละกำลังของ BR-002 มีมาก นางไม่เคยสนใจ Black Ring ที่อ่อนแออย่างเช่น BR-001 ซึ่ง BR-005 อ่อนแอกว่า BR-001 อีก เพราะฉะนั้น โอกาสน้อยมาก 
EDGE-02: ฮ่อว์ ความคิดยอดเยี่ยมดีนี่ 
EDGE-02: ถึงอย่างนั้น SHP-13 ก็พูดไม่ผิดซะทีเดียว SHP-13 บอกว่า Sage จาก Underground ได้ทำการเคลื่อนย้าย Inheritance ไปไกลเพื่อทำให้ BR-005 เกิดขึ้น แถมใช้ทรัพยากรอย่างมากในการนำพากลับมาที่นี่ ถ้าไม่ได้ทำเพื่อ Shepherd จาก Undergound แล้ว จะทำไปทำไมล่ะ? 

[แล้วช่องแชทก็เงียบไปอีกครั้ง] 

EDGE-02: อ๊ะ!ใช่ ได้ข้อมูลใหม่แหละ ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่ยอมอยู่เฉยนะ 
EDGE-05: ถ้างั้นต้องคำนวนใหม่ หากสถานการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น พวกเราต้องเผชิญหน้ากับความซับซ้อน ฉันเห็นด้วยที่จะแก้ไขกลยุทธ์และจุดยืนของเรา จริงๆแล้ว การตัดสินใจจากพวกเราเหมือนจะถูกบิดเบือน รู้สึกหมือนถูกภายนอกแทรกแซง ฉันจะตรวจสอบเต็มรูปแบบหลังจบการประชุมครั้งนี้ ถึงเวลาวางมติในครั้งนี้ 

เพิ่มเติม
-EDGE-02 : ฮ่อว์ (จิ้มลิงค์)
-EDGE-05 imposter


            ที่แคมป์อารัมนอก DisCity Selyna เขียนข้อความที่จะส่งให้ อธิบดีแห่งสมาคม Luminaris ผู้เป็นที่ปรึกษาของเธอเสร็จแล้ว กดส่งให้ก่อนที่จะเดินทางต่อ ซึ่งมีเนื้อใจความว่า ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ กลับมาได้อย่างปลอดภัยและพร้อมเข้าสนามรบอีกครั้ง ไม่น่าหลงเชื่อ Elvira เลย

            Selyna มองดูรอบๆ ที่พรรคพวกของเธอไม่มีใครหลงเหลืออยู่ แล้วหันไปคุยกับ Synex แต่ก็โดนกวนกลับมาเหมือนเดิม จนทรายเริ่มพัดเข้าสู้พื้นที่ Selyna ยกโซ่อารัมขึ้น ชิ้นส่วนของ Ash Crystal เริ่มส่องแสง ทำให้เห็นเมืองนครหลวงที่งดงามและสงบสุขยิ่งกว่า Fraser แล้ว Selyna ก็เริ่มพูดสาบานอีกครั้ง บนอกของ Apostle of Ashes มหึมาที่ใจกลาง BR-005 มีไม้กางเขนสีแดงสดเรืองแสงออกมา ทรายเริ่มไหลเป็นแม่น้ำ เสียงลมโหยหวน พื้นดินสั่นสะเทิอนไปทั่วทุกที่ ยิ่ง Selyna ท่องบทสาบานมากเท่าใด Apostle of Ahes นับไม่ถ้วนเริ่มผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่า อีกฟากหนึ่ง FAC เตรียมพร้อมรับมือเต็มรูปแบบ


            วันที่ 22 สิงหาคม N.F.115 ณ ฐาน FAC ที่อยู่ระหว่าง DisSea และ the Rust Siglinde ขมวดคิ้วมอง Tide of Ashes ที่ยังคงเดินหน้ามาเรื่อยๆ ด้านหลังก็มีเสียงร้องจาก DisSea ที่เริ่มดังขึ้นมา แม้ว่าพระจันทร์สีแดงยังไม่โผล่ขึ้นมาก็ตาม แถวป้องกันถูกทำลายอย่างง่ายดาย กลุ่ม Apostle of Ashes ใช้น้ำมาเนียจาก the Rust เพื่อเข้ามาใกล้ นี่อาจจะเป็นแผนการของศัตรู ที่ใช้ Apostle of Ashes ที่ด้านหน้า และด้านหลังเป็น DisSea ที่เริ่มเคลื่อนไหว บีบ DisCity ให้ราบคาบ สถานการณ์ไม่ดีจน Siglinde เหงื่อออกตามหน้าผาก 

            Siglinde ถาม ผู้บังคับบัญชาFAC ว่าควรติดต่อ นายพล Augustusหรือไม่ เผื่อจะโน้มน้าวให้ช่วยทางนี้ได้ ผู้บังคับบัญชาFAC บอกว่าไม่ต้อง พวกเขาทำภารกิจอื่นอยู่ Siglinde ถามย้ำ ถ้าหาก Apostle of Ashes บุกมาได้ เราเสียหายหนัก แต่ผู้บังคับบัญชาFAC มองว่า ไม่เกิดขึ้นหรอก ทำให้ Siglinde ไม่เข้าใจอย่างมาก ไม่สนใจชีวิตทหารรึยังไง? ทนไม่ไหวจน Siglinde ใช้กล้องส่องทางไกลดู พยายามมองหานักรบอารัมแล้ว Siglinde ถึงได้เข้าใจว่า FAC จงใจให้ Apostle of Ashes บุกมาถึงชั้นในแม่น้ำ Rust เพื่อปกป้อง DisCity 

            ทหาร FAC ถึงได้เข้ามาอธิบาย ว่าถ้ามนุษย์มีอุปกรณ์ควบคุม Apostle of Ashes หายนะคงจบไปนานแล้ว พวกเราสู้กับ Apostle of Ashes มามากพอจนรู้ดี ว่า Apostle of Ashes ต้องการกลับเข้า DisSea เสมอ ถ้า BR-000 มีรอยแตกเมื่อไหร่ พวก Apostle อดใจที่จะไม่มาไม่ได้หรอก Siglinde เริ่มถามละเอียด ว่าได้ข้อมูลมายังไง ต้องคำนวนทั้งเรื่องอุปกรณ์อารัมและ Apostle รู้ได้ไง ที่ศูนย์วิจัย Ring ไม่ได้มีข้อมูลด้านนี้นี่นา FAC ตอบว่าได้มาจากบุคลากรของเราที่ส่งไปที่ Farland 

เพิ่มเติม
-FAC ใช้ซากตึกอาคารมากองๆรวมกันเป็นกำแพงป้องกัน 
-บุคลากร DisCity ที่ส่งไปที่ Farland(ประเทศ Fraser) เป็นผู้หญิง แต่ตอนนี้จากเซิร์ฟจีนได้ทราบชื่อแล้ว ชื่อว่า Margaret เพื่อนสมัยเด็กของ Langley และ Bernadette สายลับที่ใช้สัญลักษณ์นกพิราบแห่งสันติ ไม่อยากให้ใช้ BR-003 เรียก BR-003 ว่าของน่ารังเกียจ
-ทุกช่องทางการสื่อสารระหว่าง DisCity กับประเทศอื่นโดน Fraser ตัดขาดหมด แต่ติดต่อสายลับนกพิราบแห่งสันติได้ 1 นาที จากตอนที่ Selyna หนีออกจาก MBCC แต่ใจไม่นิ่งเพราะคำพูดของ Elvira เลยรีบติดต่อ อธิบดีแห่งสมาคม Luminaris 
-Elvira เป็นคนคิดแผนการหลอก Selyna ทั้งหมด Elvira รู้เรื่องราว Furor จาก Sibilla เลยได้นำมาใช้สร้างแผนการ แถม Elvira ก็เข้าไปสังเกตุ Selyna อยู่หลายครั้งเลยรู้วิธีหลอก แสดงละครว่าเป็นลูกหลานชาว Furor 
-Elvira เคยสาบานไว้ตั้งแต่ที่ตัวเองโดนสอบปากคำแรกๆ ว่าจะช่วยแกะระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลของ Outland แลกกับเงื่อนไขบางอย่าง Langley ก็ตอบตกลงเพราะเห็นความสามารถของ Elvira 
-Elvira อายุ 17 ปีในปี N.F. 115 
-Langley มีชมว่า ตระกูล Stewart อันตรายจริงๆ มีแต่คนเก่งๆ เป็นพรสวรรค์ที่น่าปั้น


            จากการคำนวนของ FAC ทุกอย่างยังคงดำเนินอย่างราบรื่น แม้ว่าจะใช้ Hypercube จำนวนมากก็ตาม ผู้บังคับบัญชาFAC รู้ว่า Siglinde ถูกส่งมาเก็บข้อมูล FAC แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะตอนปี N.F.103 FAC กับ DisCorps มีเรื่องบาดหมางจนแตกแยก ซึ่งผู้บังคับบัญชาFAC ใช้โอกาสนี้ฝาก Siglinde ไปบอก Augustus ว่า FAC จะไม่ใช้สงครามหรือความรุนแรงที่มากเกินไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง การปกป้องของ FAC อาจจะดูอ่อนแอ แต่นั่นคือความแข็งแกร่งในการเลือกใช้ชีวิตอย่างสันติ ปกป้องคนที่อยากดูแล 

            ผู้บังคับบัญชาFAC นึกถึงอดีต ทั้ง  Brock Dravyn และ Augustus กาลเวลาและหัวใจคนอาจจะเปลี่ยน แต่ตัวเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน ซึ่งผู้บังคับบัญชาFAC คือ Adrian Sterling เป็นผู้สั่งการ Nirvana Port ของกองทัพอิสรภาพ ปัจจุบันคือผู้บังคับบัญชาคนที่ 2 ของ FAC 

            Adrian เริ่มสั่งการทหาร FAC อีกครั้ง จะใช้พลังของ DisSea โต้กลับ พูดปลุกขวัญกำลังใจเหล่าทหาร เตรียมตัวสู้รบ แล้วหันไปคุยกับ Siglinde ว่าให้บอกนายพล Augustus ว่า FAC จะทำตามหน้าที่และสำเร็จภารกิจแบบไม่มีข้อผิดพลาด ถึงตาของ Augustus ที่ต้องทำภารกิจให้สำเร็จแล้ว Siglinde จึงทำความเคารพแบบ Discorps ให้กับ Adrian 

เพิ่มเติม 
-ต่อจากนี้ขอเรียก ผู้บังคับบัญชา FAC ว่า Adrian
-Adrian คือ หนึ่งในทหารของกองทัพอิสรภาพ ที่เป็นคนนำกองทัพแถวหน้า ทำให้เราไม่เคยเห็นตัวเขาในอดีต (Dravyn อยู่แนวหลัง คอยวางแผนซะมากกว่า) แต่เป็นคนสำคัญที่ทำให้ชนะในสงครามได้ 


            ตัดภาพกลับมาที่ MBCC Schorl บอก Chief ว่า คำขอของ Chief ได้รับการอนุมัติแล้ว แต่ EDGE ต้องการเพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อความปลอดภัยเพราะ Chief เป็นคนที่มีค่าและสำคัญมากๆสำหรับ DisCity Chief ถามกลับว่า ห้องสังเกตการณ์ที่ 3 กับอาวุธภัยพิบัติ BR-003 รวมกัน ยังไม่พออีกเหรอ? สร้างมาเพื่อขัดภัยพิบัตินี่นา แค่ปกป้องคนๆเดียวก็น่าจะทำได้สิ Schorl ตอบว่า การฆ่าง่ายกว่าการปกป้องเสมอ 

แผนการคือ 
1. Chief เข้าใกล้ Black Ring เพื่อหาทางเข้า Schorl ไม่สามารถช่วยได้โดยตรงในช่วงเวลานี้ แต่จะคอยคำนวนแผนการและตำแหน่งให้ FAC กับ Discorps เพื่อเปิดทางให้ การที่มีสองหน่วยนี้ใกล้ๆ น่าจะลดผลกระทบมาเนียจาก Black Ring ได้ 
2. เมื่อ Chief เจาะเข้าไปได้แล้ว Chief จะเหลือตัวคนเดียว ไม่มีทีมหรือ Sinner ที่สามารถตามเข้าไปด้วยได้ แต่เมื่อเข้าสู่สนามมาเนียของ BR-005 แล้ว ห้องสังเกตการณ์ที่ 3 สามารถติดตามตำแหน่ง Chief ได้จาก Shackle เพื่อปกป้องระยะไกล และช่วยกำจัดภัยในวิธีที่ทำได้ Black Ring มีลักษณะคล้าย DisSea ยิ่งเข้าใกล้ใจกลางจะยิ่งอันตราย หากค่าความปลอดภัยของ Chief ต่ำกว่าเกณฑ์ ต้องยอมถอยตามคำสั่งทันที 

            Chief บ่นอิดออด นึกว่าจะได้ภารกิจสู้จนตัวตายซะอีก Schorl ย้ำว่า เป้าหมายหลักคือให้ Chief เข้าไปเพื่อรวบรวมข้อมูลผ่านตัว Chief แล้ว Schorl ก็สแกน Chief อีกครั้ง ก่อนจะบอกว่า "ขอให้โชคดีนะ Chief"


            ยานรบ DisCorps บินทยานมา Chiefกับ Hecate สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันพร้อมกันและขึ้นยานบิน ไม่เคยปล่อยมือกันตลอดระยะเวลา มือที่ประสานกัน หนามสีดำที่เกิดขึ้นมา ผูกให้ทั้งสองคนติดกัน แม้จะเจ็บปวดก็ตาม แต่มันคือสายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันแตกหักระหว่าง Chief และ Hecate มาเนียที่กัดกินร่างกายไปเรื่อยๆ ลึกๆข้างใน Black Ring มี Hella รออยู่ 3 คนที่ไม่เคยแยกจากกันจริงๆจะได้กลับมาพบเจอกันใหม่ 

            Chief ขึ้นไปที่จุดสูงสุดของ Nirvana Port เห็นภาพ BR-005 และ Apostle of Ashes จำนวนมาก จนเหมือนภูเขาที่พยายามเดินมาหา Shackle ของ Chief เต้นตุบๆเป็นจังหวะหัวใจตามเส้นเลือดมาเนียของ BR-005 Hecate ยืนอยู่กับ Chief ยืนให้กำลังใจกัน 

            ยานรบ DisCorps มารับตัว Chief และ Hecate ที่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเรียบร้อย ระหว่างเดินทาง ทั้งสองคนกุมมือกันไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าจะเจอกับอะไรก็จะไม่ปล่อยมือ เป็นสายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันแตกหักระหว่าง Chief และ Hecate รวมถึง Hella ที่ทั้งคู่จะไปพากลับบ้าน

ยานรบ DisCorps ส่งได้ถึงแค่ขอบนอกของพายุ Chief จึงเดินทางต่อด้วยการขี่ Nightmare ของ Hecate แต่ยานบินยังคงบินอยู่บริเวณรอบๆเพื่อกำจัด Corruptors ที่เข้าใกล้ Chief เข้าไปถึงใจกลางพายุ เห็นสภาพของ Apostle of Ashes มหึมาที่มีร่างกายแล้ว รวมถึง เส้นสีแดงเรืองแสงแนวทะแยงบนอก แต่มองดูดีๆแล้ว Chief เห็นใครบางคนบนหัว Apostle of Ashes ที่กำลังตะโกนเรียก แต่แล้วผู้หญิงคนนั้นก็พุ่งมาหา 

เพิ่มเติม
-Hecate สนใจแค่ว่า Chief ต้องปลอดภัย แต่ก็เริ่มพูดว่าอยากให้ Hella ที่เป็นเพื่อนคนแรกได้กลับบ้าน แถมเม้มปากด้วย Chief ภูมิใจในตัว Hecate มากๆที่พัฒนาการทางด้านอารมณ์มาไกลมาก ทั้ง Chief และ Hecate ต่างก็เรื่องที่ต้องฝึกและเรียนรู้ตลอดชีวิต


            นักรบอารัม Synex เองจ้า Synex ฟาดหางใส่ Nightmare เพื่อจับ ขึ้นมาขี่ด้วย แต่น้ำหนัก 3 คนมันมากเกินไปจน Nightmare ร่วงตกลงไปที่ไหล่ของ Apostle of Ashes มหึมา Hecate ไหลจะตก แต่ Synex ช่วยจับไว้ แล้วเริ่มพูดว่า อ๋อออ เธอคือไอโง่หัวเทาที่ Hella พูดถึงตลอดนี่เอง คำพูดนั้นทำให้ Chief สนใจมาก อยากรู้ว่า Synex เป็นใคร แต่ Synex ตอบกวนว่า เป็นเพื่อนที่อยากส่ง Hella ไปดีๆน่ะ Chief เริ่มหัวร้อนแต่ก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ถามหาทางเข้า BR-005 แลกกับการไม่ฆ่า Synex แต่ Synex กลับบอกว่า การที่ Chief ไม่หัวร้อน มันทำให้การละครของ Synex ลำบากนะ  มันไม่เนียน Chief ถึงได้งง ว่าเนียนอะไร?? แต่ Synex หยิบมีดพุ่งใส่ ทำให้ Hecate รีบมาขวาง ใช้ Nightmare ปกป้อง Chief ทันที 

            Chief อาศัยจังหวะนี้วิ่งหาทางเข้าร่องสีแดงที่อกของ Apostle of Ashes มหึมา เจอแต่อยู่ไกลและสูงมาก Synex เลยแกล้งทำเป็นซุ่มซ่ามแล้วใช้หางจับ Chief โยนขึ้นฟ้า Chief กรี๊ดแตก รีบใช้ Shackle เพื่อหาที่จับ อาจจะด้วยโชค(เหรอ) Chief อยู่ใกล้ทางเข้าพอดี แต่ Synex ไม่ยอมปล่อยให้ Hecate ไปด้วย สู้รั้ง Hecate ไว้ แต่หันไปบอก Chief ว่า สู้ๆนะ ต้องไปต้อนรับ Hella กลับมาให้ได้นะ 

เพิ่มเติม
-Synex อยากช่วยแหละ แต่เบื้องบนค้ำคอ


            ในขณะเดียวกัน Augustus กำลังกลับมาที่ Nirvana Port หลังจากชนะในการสู้กับฐานอารัมมา ข้างล่างมียานรบของ Discorp และกองทัพ FAC วนรอบ Apostle of Ashes กับ BR-005 อยู่ ร่วมมือกันในสายตาสาธารณะชน แต่แข่งกันอยู่อย่างลับๆ ภาพนี้ทำให้ Augustus ชวน Uris ที่เดินทางด้วยกัน คุยว่าเห้นแล้วรู้สึกฮึกเหิมเนอะ ไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้นานละ แต่ Uris ไม่ตอบ เพราะอึ้งภาพตรงหน้ามากกว่า จน Augustus ยกกล้องส่องทางไกลมาดู เห็น Chief กำลังพยายามเข้าใกล้ปากทางเข้าสีแดงสว่างตัวคนเดียว Augustus เลยบ่นๆ ว่า พยายามช่วย Chief ตั้งขนาดนี้แล้ว อยากจะเข้าไปลงมือเองเลยจริงๆ ว่าแล้วก็เปลี่ยนแผนดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยว FAC ได้หน้าคนเดียว Uris ถึงกับปวดหัว  

            Apostle of Ashes มหึมาเริ่มเดินมุ่งหน้าสู่ Nirvana Port เดินชนตึกเหล็กล้มหมด แล้ว Apostle มหึมาก็เริ่มฟาดมือฟาดแขนราวกับเจอศัตรู Augustus ยืนเทพซ่าอยู่ที่ฐานของ Nirvana Port อย่างแน่วแน่ ไม่หนีไปไหน พร้อมสั่งให้ทุกคนเตรียมรับแรงกระแทก ระวังร่วง Uris ตอบอย่างเหนื่อยใจว่า รับทราบ แต่อย่าเหิมเกริมมากนะ Nirvana Port แก่แล้ว ซ่อมทีจ่ายเยอะแน่ Augustus เลยให้จ่ายด้วยเงินทั้งหมดของ Andohar แล้วตาของ Augustus ก็เรื่องแสง Rancor ที่ถูกวางไว้ทั่ว Nirvana Port ตื่นขึ้น สั่นสะเทือนตามสนามแม่เหล็ก 

            Chief ยังคงมองหาจุดอ่อน BR-005 เพื่อที่จะได้เข้าไปให้ลึก รู้สึกได้ถึง Augustus ที่เข้ามาใกล้เลยเรียกชื่อออกไป แต่สิ่งที่เห้นคือ หุ่นยนต์เหล็กต่อยเข้าที่อก BR-005 จังๆ ทะลุเกราะเข้าถึงข้างใน Chief รีบจับ Shackles ไว้ไม่ให้ร่วง งงและอึ้งมาก ไหน Augustus บอกว่า Nirvana Port คือเมืองผี แถมกอง 8 ไม่มีอาวุธดีๆไม่ใช่รึไง Augustus ตอบว่าโกหกจ้า กองทัพฉันจะกระจอกแค่นั้นได้ไง เล่นละครให้พวกนั่งเก้าอี้ใจเต้นตึกตักบ้าง การต่อสู้ในครั้งนี้จะได้น่าสนใจไง แต่ทางเปิดแล้วเนี่ย Chief เข้าไปเลย แน่นอนว่า Chief ก็เข้าไป ใช้ Shackle แทงทะลุอกจน Apostle of Ashes มหึมากรี้ดดังสนั่น แล้ว Chief ก็โดนความมืดกลืนกินเข้าไป 

เพิ่มเติม 
-Augustus เดินทางด้วยเหล็กบิน?(หากใครชอบ Dragonball ก็อารมณ์เถาไป๋ไป๋ยืนบนเสาแล้วบิน) 
-Korryn เอากล่อง hypercube กับอุปกรณ์อารัมมาวางไว้หน้า Nirvana Port ทิ้งจดหมายไว้ว่า ไปช่วยทำให้รถขนของหนุ่มๆ Fraser เบานิดหน่อย อยากได้แค่เงินสด ก็เลยเอาขยะมาบริจาค จากนักล่าค่าหัวผู้แสนใจดีและผองเพื่อน แถมบอกทิ้งท้ายในจดหมายว่า ให้ Chief  พา Hella กลับออกมาอย่างปลอดภัยให้ได้ ไปจ่ายเงินหลังพายุหมดด้วย
-เพลง Son of a Gun ดังกระหน่ำตอนพูดถึง Korryn  


            ทางด้านที่ปรึกษาของ Farland ที่ซ่อนตัวกันอยู่ สถานการณ์ไม่ดี ไม่ได้รับทรัพยากร แถมกองทัพโดนลอบโจมตี ขบวนรถส่งเครื่องมืออารัมก็สูญหาย ทำให้คุม BR-005 ไม่ได้ Shepherd ของ DisCity เข้า BR-005 ไปแล้วด้วย กลุ่ม Apostle of Ashes ที่ล้อมรอบ BR-005 ไว้ เริ่มเดินทางเข้าสู่ Broken Frontline เพราะ FAC เปิดกำแพง DisSea ล่อลวง ตอนแรกจะปล่อยให้โดน DisSea กับ Apostle of Ashes โจมตีพร้อมกันจนตาย แต่ผ่านมา 3 ชั่วโมงแล้วยังไม่มีทีท่าว่าแพ้เลย แผนพังหมด สถานการณ์ตอนนี้ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว 

            Selyna ติดต่อมาพอดีว่า นักเวทย์อารัมพร้อมแล้ว ทำให้ พันโทอายุน้อยจาก Fraser ดีใจมาก รีบวางแผนจะใช้ Shepherd เสริมพลังให้กับ BR-005 แล้วเริ่มกล่าวคำสาบานพร้อมๆ กับเหล่านักเวทย์อารัมเพื่อเพิ่มพลังให้ BR-005 จนมีเสียง Apostle of Ashes คำรามกึกก้องไปหมด

เพิ่มเติม
-Broken Frontline คือด่านหน้าที่ปะทะกับ DisSea ของ FAC เป็นโหมดเกมตีบอสรายสัปดาห์ของผู้เล่นด้วย
-Underground ไม่ช่วยแล้ว Farland ก็บอกให้ทิ้ง Fraser 
-พันโทจาก Fraser เชื่อว่าเบื้องบนของ Farland มีสายลับจาก DisCity ปั่นหัวอยู่เบื้องหลัง เลยยอมแพ้ง่าย 


            Chief เข้ามาใน BR-005 ได้ ไหลลงสู่แม่น้ำมาเนีย ท่ามกลางเสียงในมาเนีย Chiefได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งถามว่า มาทำไม?  Chief ตอบกลับไปว่า มาเพื่อขอ Hella คืน เสียงนั่นก็ถามว่าฉันไม่ใช่ Hella เหรอ Chiefบอกไม่ ทั้งสองฝั่งทะเลาะกันจนมาเนียโจมตี Chief เริ่มกลืนกิน Chief ซึ่ง Shackles เริ่มควบคุมไม่ได้ ดีที่ Schorl ใช้แสงสีฟ้าวาบออกมาได้หนึ่งที Chief เลยมีโอกาสพุ่งเข้าไปหาดวงจิตที่ใกล้ที่สุดและใช้ shackle ทิ่มใส่ดวงจิตที่คิดว่าเป็นของ Hella 

            ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นน้ำตกสีแดงที่มีแม่น้ำทุกสายไหลเข้าไปรวมกันจนเป็นน้ำวน พยายามดึง Chief ให้ดำดิ่งลงไปใน Abyss แสงสีฟ้าจากห้องสังเกตุการณ์ห่อหุ้มตัวพยายามปกป้อง Chief อีกครั้ง แต่กระพริบถี่เพราะใกล้ถึงขีดจำกัด พร้อมกับเสียงเตือนที่ดังลั่นในหัว สั่งให้ Chief ออกไปเดี๋ยวนี้ แต่ Chief ดื้อใช้ Shackle อีกครั้ง เกาะโดนอะไรสักอย่าง ทำให้ Chief โดนดึงขึ้นให้หลุดออกจากน้่ำวนได้ แต่ดวงจิตอาฆาตแค้นเริ่มพุ่งเข้าทำร้าย Chief สู้ไม่ยอมปล่อยมือ ใบหน้าร่างกายเปื้อนเลือดไปหมดจนมองอะไรไม่เห็น แต่ทันทีที่ของเหลวสีแดงโดนตัวก็หายไปทันที หลงเหลือไว้แค่ความรู้สึกร้อนแสบและความทรงจำของ Hella 

เพิ่มเติม
-Chief เห็น Horo เรียก Hella / เห็น Korryn ชม Hella / เห็น Hypatia และ Saffar ที่มาขอบคุณ / Synex ที่ชม  และชาวบ้านคนอื่นๆอีกมากมาย


            สักพัก Chief เห็นดวงจิตที่แปลกกว่าดวงอื่นๆ ยืนโดดเดี่ยว อยู่กลางกระแสน้ำ สวนทางกับกระแสน้่ำวนที่เกิดขึ้น สภาพสะบักสะบอม เหมือนจะโดนกระแสน้่ำกลืนกิน พยายามเดินไปข้างหน้าเหมือนกัน เหมือนจะร้องไห้อยู่ด้วย จนภาพเริ่มชัด Chief ตะโกนเรียก Hella ออกไปอย่างสุดเสียง พร้อมกับเอื้อมมือซ้ายไปหา ใช้ shackle เรียก แต่กลายเป็นว่าใช้พลังมาเนียของ BR-005 ฟาดลง สร้างบาดแผลขนาดใหญ่ กลายเป็นว่าดวงจิตตรงหน้าไม่ใช่ Hella แต่เมื่อดวงจิตนั้นโดน shackle ไป เหล่าดวงจิตเริ่มตั้งคำถามว่า Chief ต้องการอะไรกันแน่? แต่พวกเราไม่กลัวและจะไม่ยอมก้มหัวให้ใครทั้งนั้น Hella สอนมาแบบนี้ แปลว่า Chief ก็สอนพวกเราแบบนี้ไง  (Chief เห็นภาพ Hella ที่วิ่งไล่ตาม Black Ring แล้วบอกว่าอย่าทำแบบนี้เลย) เหล่าดวงจิตของ BR-005 ยังคงพูดต่อว่า พวกเราไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พวกเราต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น! Chief ตัดบท แล้วต้องการอะไรก็พูดมาสิ!! 

            Shackle ตอบสนองอย่างรุนแรง จนเลือดของ Chief แทบจะกลายเป็นหนามสีแดง พุ่งออกจากร่าง แต่ในที่สุด Chief ก็ได้เข้ามาอยุ่ในความว่างเปล่า ลอยเคว้งไปมา สักแปปก็ร่วงหล่นถึงพื้น Chief ถึงได้เข้าใจว่าไม่ได้ลอยไปไหน แต่โดนดึงลงล่างต่างหาก รอบๆตัว Chief เต็มไปด้วยเลือดและก้อนเนื้อ เหมือนมีใยไหมค่อยๆห่อหุ้มตัวจนอึดอัด Chief พูดออกไปว่า ไม่รู้จักคนใน BR-005 หรอกแต่รู้จัก Hella ว่าเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้แน่นอน คงยอมโดนขังใน BR-005 เพื่อคนใน BR-005 ความปรารถนาของ Hella ไม่ใช่ความสิ้นหวังแน่นอน คนใน BR-005 กลายเป็น Black Ring แต่ก็ยังไม่พอ แล้วต้องการอะไรล่ะ? ไม่มีอะไรตอบกลับ ทิ้งไว้แต่ความเงียบที่ผิดปกติ แต่ยังมีเส้นด้ายบางๆที่ลากยาวไปถึงก้อนแสงอะไรบางอย่างที่มีคนๆหนึ่งรออยู่ Chief ค่อยๆเดินไปด้วยความยากลำบาก จนในที่สุดถึงได้ยินเสียงที่คุ้นเคย 

            Hella พูดอยู่คนเดียวว่า รู้สึกเหมือนฝันอยู่ ฝันถึง Chief ฝันว่าได้ออกผจญภัย แต่เจอเรื่องเลวร้าย ทำได้แค่รอให้ Chief มาช่วย กลัวมาก ขนาดในฝันยังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วชีวิตจริงจะทำอะไรได้? ต้องทำยังไงถึงจะเก่งเหมือน Chief? ซึ่งระหว่างนี้ Chief พยายามคุยตอบ Hella ทุกคำพูด พยายามให้กำลังใจ พยายามกอด Hella ให้ได้ แต่ร่างกายหนักอึ้ง จน Chief ขยับไม่ได้แล้ว โดนรังไหมที่น่าอึดอัดรั้งไว้ มองไม่เห้นข้างหน้าแล้วด้วย แต่ร่างกายไม่ไหวแล้ว กำลังใจก็ไม่มี Hella อยู่ตรงหน้าแต่กลับเอื้อมไปไม่ถึง (Chief นึกถึงคำพูด Augustus ที่สมมุติว่า Chief ทุ่มทุกอย่างแต่ช่วย Hella ไม่ได้ ล้มเหลว แล้วจะทำยังไง) Chief เริ่มรู้สึกสิ้นหวัง ล้มเหลวจริงๆ ตามที่ Augustus พูด

เพิ่มเติม
-ช่วงที่ Hella พูดคนเดียว ผู้เล่นต้องกดหน้าจอให้ Chief จะค่อยๆเดินก้าวเข้าไปทีละก้าวสองก้าวอย่างช้าๆ 


            ที่ด้านนอก Hecate ยังคงสู้กับ Synex อยู่ Hecate จะล้มตก Synex ก็ใช้หางจับไว้แล้วดึงกลับมา แต่อยู่ดีๆก็เริ่มมีมาเนียของ BR-005 ซึมออกมาจากร่างกายที่สั่นของ Hecate กลิ่นเริ่มเปลี่ยน Hecate เริ่มร้องไห้โอดครวญถึง Chief กับ Hella เหมือนคนบ้า Synex ตกใจ แต่รู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว เลยรีบชิงหนีก่อน แต่ร่างกายของ BR-005 สั่นสะเทือนจนร่วงกันทั้งสองคน 

            สภาพของ BR-005 ล่าสุดคือโดน Nirvana Port ใช้ค้อนทุบกดเอาไว้ แต่ตอนนี้ BR-005 ได้รับพลังจากเวทย์อารัมจนมีแรงยกค้อนออก รอยสีแดงที่อกเริ่มแตกและเรืองแสงมากขึ้น เหมือนกำลังชาร์จพลังอยู่ แล้ว BR-005 ก็คำราม ยกค้อนออกเป็นอิสระ แล้วหันกินนักเวทย์อารัมที่อยู่ใกล้เคียงทุกคนไม่เหลือแม้แต่ชีวิตเดียว 

เพิ่มเติม
-Selyna เป็นคนนำนักเวทย์เข้าประจำการ แถมดีใจที่โดน BR-005 กิน กลายเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตที่วาดฝันไว้ เชื่อว่า BR-005 ชนะ DisCity ทุกคนที่ Outland จะมี hypercube ใช้ในอนาคต


ณ ช่องแชท Paradeisos

EDGE-07: เป็นไปไม่ได้... อยู่ตรงนั้นแล้วแท้ๆ!! อยู่ตรงหน้าแล้ว! พลาดได้ไง!!
EDGE-02: แค่เข้าไปได้ลึกขนาดนั้นด้วยตัวคนเดียวมันก็ปฏิหารย์แย่แล้วนะ 
EDGE-07: มาเนียของ BR-005 หนาแน่นขึ้น เราไม่เคยเห็นพลังแบบนี้มาก่อนเลย!? DisSea เริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้นด้วย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? 06 อยู่ไหน ยุ่งรึไง!? ใครก็ได้ขอสถานะภายใน Ring ที ติดต่อห้องสังเกตการณ์ที่ 3 เร็วเข้า!!! 
EDGE-02: 01 ไม่ออน เพราะงั้นฉันทำหน้าที่แทนเอง ตอนนี้ห้องสังเกตการณ์ที่ 3 อยู่ในโหมดโจมตี เราต้องหาจุดเจาะเข้าไปก่อนที่ 005 จะพลิกสถานการณ์ แต่เราคาดการณ์ไว้แล้ว สถานการณ์คร่าวๆคือ BR-005 ได้รับพลังจากอารัมของ Underground ทำให้เริ่มกลืนกิน พยายามหลอมรวมร่างกับ SHP-13 ที่ดูดเข้าไปก่อนหน้านี้ 
EDGE-01: เปลี่ยนแผน ห้องสังเกตการณืที่ 3 เข้าโหมดโจมตีทันที เตรียมปะทะในอีก 2400 วิ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่การฆ่าเชื้อเต็มรูปแบบคือวีธีการเดียวที่จะหยุดยั้งการรวมร่าง 
EDGE-05: FAC รั้งได้นานแค่ไหน?
EDGE-06: นานเท่าที่จำเป็น แต่เวลาของเธอเหลือน้อยกว่าเรานะ 
EDGE-05: งั้นให้เป็นหน้าที่ของ"นาง"แล้วกัน

เพิ่มเติม
-EDGE-06 เป็นคนจาก FAC ซึ่งก็คือ Adrian (ยืนยันจากสอบสวนของ Augustus)
-EDGE-07 วิทย์จ๋าที่สุดในบรรดาละ 
-EDGE-02 อด…



            Schorl ที่มีหมายเลข 05 ประทับอยู่ คอยรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้กองดาบร้าวฟัง และสรุปภารกิจให้ฟังว่า กองดาบร้าวต้องปราบปราม BR-005 เพื่อยื้อเวลา ห้องสังเกตการณ์ที่ 3 ที่กำลังรวบรวมพลัง BR-003 เพื่อยิงภายในของ BR-005 โดยใช้ตำแหน่งของ Hella ส่วน Chief มีโอกาสรอด 67% BR-003 จะพร้อมยิงในอีก 2291 วิ สำหรับกองดาบร้าวแล้ว Hella เป็นประชาชนของ DisCity เป็นเด็กสาวที่ไร้พิษภัยคนหนึ่ง ขนาด Rancor เองที่ปกติจะพูดมาก เต็มไปด้วยความโกรธ ยังเงียบเลย แถมโอดครวญสิ้นหวัง สักพักเริ่มพยายามบอกตัวเองว่านี่คือหน้าที่ทหารที่ทำเพื่อชัยชนะ Uris พูดให้กำลังใจทุกคนแบบทหาร ว่า "นักรบเลือกหัวหน้าของตัวเอง เป็นดาบเป็นโล่ของเขา จนกว่าเขาจะก้าวเข้าสู่ชัยชนะ" ดอกไม้สีแดงที่คอ Uris เริ่มเบ่งบาน Rancor ทุกชิ้นเริ่มส่งเสียง เรียกหาผู้สั่งการ Augustus ฟังแล้วก็รำลึกย้อนหลังไป 50 ปีกว่า 


━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

ย้อนไปในอดีตวันที่ Augustus ทำภารกิจแรกสำเร็จ

            ทุกคนฉลองดีใจ Augustus เองก็ดีใจมาก รีบอวด Dravyn แต่ก็ถามหาทีมของ Vennon เพราะเป็นทืมที่ใช้อาวุธต้องห้ามชนิดใหม่ เงยมองท้องฟ้าถึงได้เห็นกลุ่ม Vennon บินยานเหาะหมุนวนรอบๆ ทำความเคารพกับทุกๆคน พร้อมกับดอกไม้สีแดงฉานที่เบ่งบานอยู่ที่คอ แล้วยานบินทั้ง 17 ลำเริ่มบินกลับไปทางพระอาทิตย์อย่างสง่างาม แต่แล้วก็ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ทำให้ Augustus ตกใจค้างไปเลย Dravyn ถึงได้เข้ามาอธิบายว่าการใช้อาวุธยมทูต จะทำให้ผู้ใช้เสียสติไปทีละนิด ยิ่งใช้ก็ยิ่งเสียสติ เพื่อให้คุ้มค่าที่สุด ทีมยมทูตจึงต้องใช้งานอาวุธให้คุ้มค่าที่สุด เตรียมใจสำหรับวันที่จะไม่ได้กลับบ้าน แต่ทหารของ Dravyn ในครั้งนี้ ไม่อยากโดนอาวุธกลืนกิน อยากชนะเยี่ยงมนุษย์ เช่นนั้นแล้ว เราควรจะทำตามความปรารถนาของพวกเขา ให้เกียรติฮีโร่ที่กอบกู้ชาติ เครื่องบินทุกลำกลายเป็นควันเป็นไฟ หายไปจากท้องฟ้า ทั้งๆที่ไม่กี่วิที่แล้ว พวกเขายังเป็นมนุษย์ที่ทำตัวสมกับเป็นฮีโร่อยู่เลย ในวันนั้น Augustus ถึงได้เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่



━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

กลับมาปัจจุบัน

            พอใกล้ได้เวลาเริ่มภารกิจ Rancor และเหล่าทหารเริ่มอยู่ไม่สุข เริ่มโอดครวญกันมากขึ้นเรื่อยๆ จน Augustus ทิ่มดาบลงพื้น ทุกคนหยุดเพื่อฟัง Augustus ทันที Augustus เริ่มพูดให้กำลังใจทหาร ว่าจะไม่มีใครสั่งกองทัพดาบร้าวได้นอกจาก Augustus และกองดาบร้าวจะได้รับเกียรติ ความยุติธรรมและชัยชนะอย่างมีคุณค่า ภารกิจในครั้งนี้คือการปราบปราม BR-005 และจะไม่มีใครยอมแพ้จนกว่า Augustus จะกลับมาพร้อมชัยชนะที่ใสสะอาด

            ด้วยคำสั่งของนายพล Augustus แผนการเดิมของ Paradeisos ถูก Augustus ดัดแปลง หน่วยดาบร้าวทุกนายละทิ้งการโจมตี Apostle of Ashes ของ Black Ring ด้วย Nirvana Port และอพยพออกทันที บุคลากรทางการขนส่งจะยังคงอยู่เพื่อดูแลให้ Nirvana Port ใช้การได้ หลอกล่อและยื้อ BR-005 ไว้ ส่วนกองกำลังที่ใช้งาน Rancors แตกออกไปกลุ่มเล็กเพื่อความรวดเร็วในการเคลื่อนที่ เป้าหมายหลักคือ กวาดล้างสนามรบและทำลายอุปกรณ์อารัมที่พบเจอ หากเจออุปกรณ์ที่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ให้ติดต่อแจ้งตำแหน่งเพื่อใช้ปืนใหญ่ยิงทันที ส่วนนายพล Augustus จะแทรกซึมเข้า BR-005 คนเดียว เพื่อนำพาทุกคนที่ กองดาบร้าว ต้องการช่วยเหลือให้มีชีวิตรอดออกมา 

เพิ่มเติม
-ยังคงระบุตำแหน่ง Hella ได้จาก Shackle ที่ยังทำงานอยู่
-Rancors มีสิ้นหวังจนขอตายแทน Hella ไม่ได้เหรอ จนตอนหลังๆเริ่มบอกตัวเองกันว่า เป็นแค่อาวุธไม่มีหัวใจ ยังไงก็ต้องตกนรก สงครามคือบาป พวกเราคือบาป 
-แพทย์สนามที่ปกติจะเป็นคนง่ายๆยังท้อ ยืนเหม่อมองสนามรบ ไว้อาลัยให้กับคำสั่งที่ไร้ความเมตตา
-พันโทเองก็ขมขื่น โล่งใจแทน Siglinde ที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้
-Scarface ร้องไห้ ขอยิงใครก็ได้ที่ไม่ใช่ Hella ไม่เอาคนที่ Chief พยายามช่วยมาตลอด 
-Augustus ไม่ได้ใช้อาวุธ Rancor แต่นับทุกคนที่ใช้อาวุธ Rancor ว่าเป็นดาบที่มีชีวิตของ Augustus 


ห้องแชทลับสุดยอดของ Paradeisos 

EDGE-02: เรามาถึงจุดนี้จริงๆเหรอเนี่ย แล้วการโจมตี Rules ยังไม่ทำงานอีกเหรอ? SHP-13 เป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่เราจะปล่อยให้ Black Ring ของศัตรูล็อค shackle ไว้แบบนี้ไม่ได้ เรามีเวลาอีกนานแค่ไหนก้ไม่รุ้ ก่อนที่ Shepherd ของ Underground จะมาเอาตัวเธอไป 
EDGE-01: มันเริ่มไปแล้ว 
EDGE-02: อ๋อ ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบค่ะ ฉันกังวลไปเองสินะ นึกว่านายจงใจยื้อเวลาเพื่อปกป้องใครบางคนซะอีก 
EDGE-01: เทคโนโลยีที่เธอใช้แก้ไขตัวฉัน เธอเป็นคนดีไซน์เองนะ เธอรู้ดีกว่าใครว่าสิ่งที่ฉันทำ มีข้อบกพร่องอะไรรึเปล่า 
EDGE-02: แต่ตอนนี้เรากำลังแข่งกับเวลานะ เวทย์อารัมทำงานอยู่ แถมเล็งไปที่ SHP-13 ลองคำนวนหน่อยได้ไหม? ถ้าศัตรูบุกเข้าถึงก่อนที่ห้องสังเกตการณืที่ 3 ทำภารกิจเสร็จล่ะก็ พวกเราแย่แน่ 

ห้องสังเกตุการณ์ที่ 3: ... ใช่... อารัมสร้างความเสียให้กับนาง แต่... ฉันไม่คิดว่าการเร่งเวลาฝั่งเราคือเรื่องจำเป็น จากการวิเคราะห์ของฉันตอนนี้ เรามีโอกาสมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับการคำนวนครั้งก่อน มีอะไรบางอย่างใน Black Ring กำลังปกป้องนางอยู่ 

เพิ่มเติม
-ห้องสังเกตุการณ์ที่ 3 สามารถเข้าถึงแชทลับสุดยอดของ Paradeisos ได้อย่างน่าสงสัย
-ห้องสังเกตุการณ์ที่ 3 มีความเป็นไปได้ว่าคือ HUSH แต่ไม่ใช่ Shalom แน่นอน การคำนวณวิเคราะห์ต่างกัน และหน้าที่ก็ต่างด้วย Shalom อยู่ห้องสังเกตุการณ์ที่ 2 ห้องนั้นพังเสียหายจนต้องปิดระบบการใช้งาน หนำซ้ำ ในแชทลับสุดยอด Shalom ยังไม่สามารถเข้าถึงแชทลับสุดยอดนี้ได้ บวกกับอีกข้อ Shalom ตอนนี้กลายเป็น HUSH ที่มีความรู้สึกไปแล้ว 


            คลื่นพลังงานอารัมสีทองค่อยๆถักทอจนกลายเป็นใยที่ซับซ้อน แตะสัมผัสร่างกายของ Chief แล้วชะงักราวกับว่ากำลังรอการยืนยันจากเบื้องบน ก่อนจะค่อยๆมัดทอรวมกันจนกลายเป็นเส้นเชือกที่เล็กและหนาแน่น จะเข้าสู่ร่างกายของ Chief แต่ก็มีอะไรบางอย่างมาขัดขวางซะก่อน Hella ขยับเข้าไปกอด Chief แน่น ใช้ร่างกายของตัวเองปกป้อง Chief จากเส้นใยสีทอง รู้ตัวดีว่าถ้าศัตรูได้พลังของ Chief ไปล่ะก็ Hella ทำอะไรไม่ได้แน่นอน Hella ถาม Chief ย้ำๆว่าต้องสู้ยังไง ถึงจะแข็งแกร่งแบบ Chief ได้ พยายามปลุก Chief แต่พอ Chief ไม่ตื่น Hella ก็เริ่มโทษตัวเองที่อ่อนแอ เอาแต่รอให้ Chief มาช่วย ถ้ามาแล้วจะหลับไม่ตื่นแบบนี้ก็อย่ามาช่วยเลย แล้ว Hella ก็ดุ Black Ring เพราะอยากคุยกับ Chief ทำให้มาเนียใน BR-005 ตอบสนองความต้องการของ Hella เริ่มมี Shackle สีดำสนิททิ่มทะลุร่างกายของ Chief ทำให้อารมณ์ของ Chief หลอมรวมเข้ากับ BR-005 จน Hella เองก็รับรู้ความรู้สึกของ Chief อารมณ์ของ Chief ที่สบสนวุ่นวาย คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ พลาดตรงไหนก็ไม่รู้ รู้สึกผิดเพราะช่วย Hella ไม่ได้ หลั่งไหลเข้าสู่ตัว Hella ซึ่งความรู้สึกพวกนี้ Hella รู้จักดี แต่พอรู้ว่า Chief เองก็คิดแบบนี้ Hella เลยดุ ว่าอย่าพูดแบบนี้กับตัวเอง เพราะ Chief คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่ Hella รู้จักแล้ว 


            ความรู้สึกของ Chief ทำให้ Hella คิดใหม่ เหล่าดวงจิตที่อยู่ใน BR-005 เริ่มอยู่ไม่สุข พยายามแยก Chief กับ Hella ออกจากกัน แต่ Hella พยายามบอกว่า อยากไปกับพวกดวงจิตนะ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ไม่อยากสูญเสียเหมือนกัน Hella กำมือ Chief แน่น แน่นจนรู้สึกถึงชีพจรที่มีค่าอีกครั้ง Hella เริ่มอธิษฐาน ขอเป็นคนที่แบกรับมาเนีย แบกรับสิ่งที่ทำร้าย Chief พลังของ Hella มันไม่ได้มีค่าอะไรนอกจากรักษาตัวเอง แต่อย่างน้อยๆก็ทำให้ Hella ยื้อได้อีกหน่อย คำอธิษฐานนั้นทำให้ Shackle ที่ตอนแรกทิ่มแทงChief หันไปแทง Hella แทนทันที แล้ว Hella ก็งอกปีกออกมา จะพา Chief กลับบ้าน (กลายเป็นมินิเกม Hella บินหลบดวงจิตมาเนีย) จังหวะที่ Hella จะหมดแรง Augustus มาจับไว้ทันพอดี เสียงดวงจิตจาก BR-005 เองก็ส่ง Hella ให้กลับบ้าน 

Augustus : "ฉันรู้นะว่าตื่นอยู่ ยืนเองได้แล้ว เรามีงานต้องทำ ถ้ายังไม่ยอมตื่น ฉันถือถ้วยรางวัลคนเดียวนะ ว่าฉันเป็นคนกำจัด Black Ring!!"


            Apostle of Ashes มหึมาเริ่มแตกสลาย เกิดจากความไม่มั่นคง และพังด้วยความไม่มั่นคง Chief พยายามจะยืน เหล่าดวงจิตที่เคยรั้งและขวางทาง ตอนนี้ทุกคนปล่อยมือ ไม่ขัดขืน ความปรารถนาของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้วเหรอ? หรือเพราะ Chief เข้าใจความเจ็บปวดของพวกเขา ทำให้พวกเขาได้ในสิ่งที่ต้องการ? เสียงของพวกเขาประสานเสียงดังกึกก้อง หลอมรวมกับ Black Ring ที่กำลังสลายตัว ก่อกำเนิดร่างใหม่ที่บิดเบี้ยว มีเพียงแค่การล่มสลายครั้งสุดท้ายเท่านั้นที่พวกเขาจะสามารถทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้บนโลกใบนี้ เหล่าดวงจิตที่ตายจากพูดพร้อมกันครั้งสุดท้ายก่อนจะหายไปว่า "ความปรารถนาของเราเป็นจริงแล้ว" สิ่งมีชีวิตตนใหม่เรียกหา Chief ด้วยเสียงอ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยการอ้อนวอน ราวกับว่า ดวงจิตเหล่านี้กำลังขอพร หวังว่า Chief จะเข้าใจพวกเขา แบบที่ Hella เข้าใจ นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของพวกเขา ก่อนที่โชคชะตาพวกเขาจะถูกปิดลง ถ้าหากคนอื่นสามารถเข้าใจความเกลียดชังและแบกรับความเจ็บปวดของพวกเขาไว้ได้ ภาระที่ถูกแบ่งเบาอาจจะกลายเป็นยารักษาความทรมานของพวกเขา

เพิ่มเติม
-เข้าด่านต่อยบอส ทำลาย ฺBR-005


หลัง BR-005 ถูกกำจัด
            แม้ว่าสงครามจะยังไม่จบลง แต่การได้ทำลายเครื่องจักร 1 เครื่อง ทำให้ผู้คนมีเวลาไดัพักหายใจ เมื่อ BR-005 แตกสลาย FAC สามารถปิดผนึก Broken Frontline ได้ทันเวลา ทำให้ Apostle of Ashes เริ่มกระจัดกระจาย การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอีก 3 วันจนกระทั่ง Tide of Ashes ได้ถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ ในขณะเดียวกัน DisCorps เริ่มกลับเข้าเมืองเพื่อเสริมกำลังป้องกันหลังจากทำลายฐานอารัม สุดท้ายได้สำเร็จ อาจจะเพราะตกใจกับคำขู่ของ Augustus ก่อนสู้ ทำให้เหล่า Rancors ที่ปกติจะเสียงดังโวยวาย ตอนนี้เงียบกริบ ซึ่งพอ Rancors เงียบเกินไป มันทำให้เหล่าทหารรู้สึกกลวงแปลกๆ เหมือนจิตวิญญาณในการต่อสู้ได้หายไปไหนสักที่ เป็นครั้งแรกที่เหล่าทหาร DisCorps ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น


Synex มีความสุขกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมาก ยิ่งฝั่ง Fraser เป็นฝั่งที่ล้มเหลวด้วย แถมอารมณ์ดีอยากไปเยี่ยม Hella ในอนาคต 

            Max King ขอบคุณ Nirvana ที่ส่งมอบ hypercube จำนวนมาก เยอะกว่าของ Quinn เป็นเท่าๆตัว Nirvana กลายเป็นหนึ่งในฮีโร่ของเมือง แต่ตัวแทน Nirvana เตือน Max King ว่าถ้าทำตัวเด่นมากเกินไป ระวังโดนพวกนั้นหมายตานะ รอบหน้าไม่มีใครช่วยแล้วนะ Max King ท้าเลย ถ้าอยากยิงอีกรอบก็ยิงเลย โลกจะได้เห็น แถม Max King มี ตัวแทน Nirvana เป็นเพื่อนแล้วไง ถึงได้มาเตือนกันแบบนี้


            Gracelyn ดีใจมากที่ชนะสงคราม ก่อนจะหันไปคุยดีๆกับ Sibilla เพราะ Sibilla มาจาก Farland ซึ่ง Sibilla ก็เข้าใจ แต่คำถามของ Elvira ยังคงติดค้างอยู่ในใจ คำถามคือ "เธอเกลียด DisCity รึเปล่า?" แต่ Sibilla ไม่เคยเกลียดเลย แถมยื่นมือช่วย Sibilla ซะด้วยซ้ำ ความจริงดีกว่าการหลอกลวงเสมอ คำถามที่แท้จริงควรเป็น "เธอเกลียด Fraser รึเปล่า?" ต่างหากล่ะ ถ้าหยุดความเกลียดชังได้ก็คงดี โลกคงดีขึ้น Gracelyn ถามถึง Jelena (Elvira ที่ Chief รู้จัก) และเพื่อนที่ชื่อ Sable (Sable จริงๆ) ว่าจะมาหาไหม? ถ้าได้เจอกันก็คงดี ซึ่ง Sibilla เคยถามไป Elvira พุดไว้ว่า "ขอบคุณนะ ไว้เจอกันครั้งหน้า"


            ด้วยความช่วยเหลือจาก Quinn ทำให้ชาว DisCity เริ่มคุยกันว่าไม่ควรแบ่งแยกเชื้อชาติ แถมมีการพูดถึงพ่อของ Eirene ที่เกือบฆ่า Eirene เลยต้องหลบหนีมาด้วย ตัดขาดกับ Fraser แน่นอน แต่ทางด้าน Adelaide ชม Eirene ที่เป็นน้องสาว ว่ามาลงทุนกับ DisCity ก่อนกาล ถ้ารับศพของ Adelaide ไปฝังให้ก็คงดี แต่อ๋อ Eirene คงจำไม่ได้แล้วว่ามีพี่ชาย Adelaide อยู่ ท้ายที่สุดแล้ว คนแพ้ก้โดนสาปส่ง 


ณ ช่องแชทของ Paradeisos

EDGE-02: BR-005 ถูกแก้แล้ว ตามที่ตกลงไว้ SHP-13 ไม่ได้กิน*เซ็นเซอร์* เข้าไป เพื่อให้ SHP มีชีวิตรอดแน่นอน นำส่งให้ศูนย์วิจัย Ring ได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่มีการาเคลื่อนไหว สำหรับตอนนี้ เป็นตัวอย่างการทดลองที่ดี 
EDGE-07: BR-003 เข้าสู่โหมดซ่อนตัวอีกครั้งเพื่อฟื้นฟู ครั้งนี้พิสูนจ์แล้วว่า เทคโนโลยีนี้ยังไม่พร้อมใช้งาน พวกเราควรหยุดใช้งานโดยทันที หากศัตรูรู้จุดอ่อน คุณค่าในฐานะตัวยับยั้งเหตุการณ์จะจบลงทันที 
EDGE-02: เช่นนั้นแล้ว การแทรงแซงจากเราได้จบลง การต่อสู้ในเรื่องทั่วไปอยู่นอกเหนือเขตอำนาจของเรา ถึงเวลาส่งปฏิบัติการต่างๆกลับสู่มือของเอเจนซี่ลูกน้อง ปฏิบัติการในครั้งนี้ได้ให้ผลลัพธ์ที่หลากหลายและไม่คาดคิดมาก พวกเราคงยุ่งกันอีกนาน
EDGE-03: ก่อนแยกย้าย ขอเคลียร์เรื่องนึง ... ผลรายงานระบุว่า SHP-13 ได้แสดงความต้องการที่จะกำจัด BR-003 สำหรับบุคคลที่มีอารมณ์แปรปรวนสูงแล้ว ความต้องการนี้ยังคงเป็นการแสดงถึงจุดยืนด้วย จะจัดการยังไง?
EDGE-01: นางพูดเหรอ? ถ้างั้น..พวกเราและ Chief ต่างก็ต้องแข่งกับเวลาแล้วล่ะ Shepherd ของ Underground เริ่มมีการเคลื่อนไหวตั้งแต่การเปิดเผย BR-003 แล้ว 


            Elvira นอนอยู่ในห้องตัวเองที่ MBCC เล่นปืนตัวเอง ก่อนจะยิ้มออกมา สะใจที่หลอก Selyna ได้สำเร็จ สมเพชศัตรู และสาบานว่าจะล้างแค้นให้กับชาว Outland ที่ถูกกดขี่จนน่าสมเพชได้ขนาดนี้

เพิ่มเติม
-Elvira ถือปืนแล้วยิ้มอย่างสะใจ ไม่ปกติแล้วนะ… แต่อนาคต Elvira น่าจะมีบทสำคัญเยอะมาก
-ห้องของ Elvira ใน MBCC ก็นอนห้องคุกไม่ต่างจาก Sinner ทั่วไป


            Augustus ได้สัมผัสกับ Shackle ที่ไม่ปนเปื้อนมาเนียเป็นครั้งแรก บอกว่ารู้สึกว่าสะอาด ไม่เหนียวขยะแขยงแบบตอนก่อนหน้านี้ แถมชื่นชม Chief ที่อดทนกับมาเนียปนเปื้อน ไปวิ่งสู้กับ Augustus ตั้งเดือนนึง อยากได้ Chief ในกองทหารของ Augustus จริงๆ แต่สนามรบไม่ใช่ที่ของ Chief แหละ ก็ขอบคุณกัน บอกลากัน 

            Augustus พูดคนเดียวหลังแยกย้ายว่า Chief คือคนที่ช่วยกองดาบร้าวไว้ต่างหาก การที่ Chief ยังมีชีวิตรอดอยู่ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการไถ่บาปให้ทหารแล้ว Augustus กลับมาที่ Nirvana Port อีกครั้ง กองทัพ DisCorps เร่ร่อนเหมือนผีมา 12 ปี ตอนนี้พวกเขาได้กลายเป็นมนุษย์ที่ควรจะเป็นเสียที ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิต


            และถึงแม้ว่า BR-005 จะถูกกำจัด แต่สงครามระหว่าง Farland กับ DisCity ยังคงมีอยู่ การเมืองภายใน DisCity ก้ยังคงมีปัญหา ไหนจะ BR-003 ที่ลอยอยู่บนหัวอีก DisCity มีการจัดช่วงไว้อาลัยทหาร เรื่องเหมือง Hypercube ใหม่ที่ควรจะมีจาก BR-005 ก็ดันไม่มีที่จุดเกิดหรือจุดตายของ BR-005 ทำให้คนเริ่มแย่งกันขุดหาช่วงระหว่างทาง ส่วน Hella สามารถรักษาได้ แต่มาเนียเปลี่ยนไป เป็น Hella คนเดิม เพิ่มเติมคือมีพลังงาน Black Ring คอยปกป้องอยู่

The End N5-N6