สรุปเนื้อเรื่อง Path To Nowhere: Beacon of the Unsouled (Ceto)
คำเตือน
เนื้อหาเหล่านี้มีการ Spoil เนื้อเรื่อง Beacon of the Unsouled ทั้งหมด และเนื้อหานี้เป็นเนื้อหาก่อนหน้าอีเว้นต์ Shattered Blade ควรเริ่มอ่านเนื้อหานี้ก่อนเพื่อเพิ่มอรรถรส มีการใส่สีตีไข่ตรงช่วงเพิ่มเติมโดยทีมผู้เขียน อาจจะถูกเปลี่ยนแปลงทฤษฎีเนื้อหาตอนนี้ได้ทุกเมื่อในอนาคต และเนื้อหาบางส่วนที่ขาดในเซิฟ Global ทีมงานที่เล่นเซิฟจีนใส่รายละเอียดเพิ่มลงในส่วนนี้บ้าง
โปรดดดดดดด
เข้าใจภาษาลิงที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อสื่อสารกับมนุษย์ด้วย
เทียบภาษา : EN(100%) | KR(100%) | JP(40%) | CN(100%)
0:35 ━❍──────── 4:39
↻ ⊲ Ⅱ ⊳ ↺
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
เวลาผ่านมาราวๆ 3 ชั่วโมงแล้วที่ Chief ลอยคออยู่คนเดียว
สูงขึ้นไปเหนือน้ำทะเล ที่ห้องโคมไฟเก่าคร่ำครึของประภาคารแห่งหนึ่ง มีผู้ดูแลประภาคารที่กำลังพิงกระจก เช็ดคราบของเหลวจากมอนสเตอร์บนมือไปที่เสื้อคลุมตัวเอง ก่อนจะปรับระยะของแสงไฟให้ฉายไปที่เส้นแบ่งระหว่างท้องฟ้าและทะเล พร้อมพึมพำว่า "ครั้งที่ 2019 ที่ฉันปีนขึ้นมาคนเดียว" ผู้ดูแลเริ่มกะพริบไฟเป็นข้อความบางอย่างที่ทำมาจนจำได้แม่น ทั้ง 2018 ครั้งที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครตอบกลับเลย จนกระทั่งเห็นอะไรบางอย่างที่ทะเล
ผู้ดูแลประภาคารตอนแรกนึกว่า มอนสเตอร์ทั่วไป แต่พอส่องกล้องดูดีๆ แล้ว มนุษย์นี่!? มนุษย์คนหนึ่งที่เกาะแผ่นไม้ พยายามชูไม้ชูมือขอความช่วยเหลือ
ถึงพื้นดินแล้ว Chief โล่งใจทันที แล้วความเหนื่อยล้าก็ถาโถม มีเสียงเท้าเดินของคนที่เข้ามาใกล้และหยุดมอง Chief พูดออกไปว่า "มาช่วย..แล้วเหรอ?" แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนตรงหน้าเหยียบมือ Chief ด้วยรองเท้าบูตหนา "ใคร? บอกชื่อมาซะ ถ้าตุกติกล่ะก็... แกตายแน่"
Chief โดนโยนทิ้งลงกระแทกพื้น มือและเท้าโดนมัดแน่น ดูห้องก็เดาไม่ยากว่าน่าจะเป็นห้องใต้ประภาคาร อากาศชื้นน่าอึดอัด มีแต่กลิ่นเค็มเกลือและกลิ่นเหม็นเน่า ตรงประตูทางออกห้อง มีผู้ดูแลประภาคารยืนคุมอยู่ กันมอนสเตอร์มาเนียหิวโหยที่โผล่ออกมาจากทะเลไม่ให้เข้ามาในห้อง ผู้ดูแลประภาคารถามเสียงแข็งอีกครั้ง "ตอบมา แกเป็นใคร?" ซึ่ง Chief มองไม่เห็นหน้าผู้ดูแลหรอก แต่แรงเยอะมาก หลังมือที่โดนเหยียบเมื่อกี้ยังปวดตามจังหวะหัวใจเต้นอยู่เลย แถมตอนนี้โดนเชือกรัดจนเจ็บแสบอีก ไม่ว่า Chief จะตอบหรือไม่ แต่การเปิดเผยว่าเป็นหัวหน้าของ MBCC อาจจะไม่ใช่เรื่องดี
ผู้ดูแลประภาคารใจร้อนสั่งอีกรอบ Chief จึงตอบไปว่า "จากสำเนียง เธอมาจาก DisCity ใช่ไหม ฉันก็ด้วย ฉันเป็นคนค้าขายจาก WhiteSands กลุ่มรถคาราวานของเราติดพายุทราย ตื่นขึ้นมาก็ติดอยู่กลางทะเลแล้ว" มุกหลอกเด็กอนุบาลผู้ดูแลประภาคารไม่เชื่อ บอกให้พิสูจน์สิ แล้วฟ้าก็ผ่าลง ทำให้ห้องนี้สว่างวาบขึ้นชั่วขณะ Chief บอกว่า แก้มัดให้ก่อนสิ จะหยิบให้ดูได้ไงล่ะ ผู้ดูแลประภาคารบอกว่า เดี๋ยวหยิบเอง ตรงไหน? ก็บอกไปว่า กระเป๋าซ้ายเสื้อคลุม พอผู้ประภาคารเข้ามาใกล้ Chief พยายามหายใจให้เป็นจังหวะ ปกปิดเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นระรัว
ไม่นานผู้ดูแลประภาคารก็หยิบเจอก้อนกระดาษเปียกน้ำดำมาเนีย ผู้ดูแลประภาคารถามว่า กระดาษนี่คืออะไร? Chief ตอบว่า จดหมายจากเพื่อนที่ออกไปผจญภัยที่ WhiteSands ฉันก็เลยเข้าร่วมพวกรถคาราวานเพื่อตามหานาง มีรูปหนูที่มุมกระดาษด้ว--- Chief ตอบยังไม่ทันเสร็จก็โดนต่อยเข้าซี่โครงจน Chief จุกพ่นอากาศออกมาหมดปอด เริ่มขดตัวเป็นลูกบอลด้วยความเจ็บปวด หายใจโรยริน ผู้ดูแลประภาคารเอาหลักฐานเปียกๆ นั่นยัดลงปกคอเสื้อของ Chief แล้วเอามือตีแก้มแปะๆ Chief อย่างเยาะเย้ยว่า "แกคิดว่าฉันอยากฟังนิทานรึไง?" Chief บ่นอิดออดว่า "ก็เธอเป็นคนถาม..." ก่อนจะกลืนน้ำย่อยที่ขึ้นคอมาให้กลับลงไปแล้วพูดต่อว่า "มีหลักฐานอีกชิ้น กระเป๋าขวา" ผู้ดูแลประภาคารบอกว่า "โอกาสสุดท้ายแล้วนะ"
จังหวะพอดี ในตอนที่ผู้ดูแลประภาคารก้มหาของ ฟ้าผ่าลงมา ทำให้ห้องสว่างวาบพร้อมเสียงที่ดัง Chief ใช้ขาถีบพื้นเพื่อพุ่งตัวชนเข้าท้องของผู้ดูแลประภาคาร ผู้ดูแลประภาคารไม่คาดคิด พยายามหลบแต่ก็เซ ทำให้หัวชนขอบโต๊ะใกล้ๆ ตามที่ Chief คาดการณ์ไว้ ฉวยโอกาสนี้ดิ้นมือให้หลุดจากเชือกที่มัดไว้ (แสบมากแต่ต้องทน) แล้วพุ่งเข้าไปกดผู้ดูแลประภาคารไว้กับพื้น ต่อให้มึนหัวก็ต้องกัดฟัน Chief ใช้ shackle จ่อคอของผู้ดูแลประภาคาร แต่ในขณะเดียวกัน มีดของผู้ดูแลประภาคาร ก็จ่อที่เส้นเลือดใหญ่ที่คอ Chief เช่นกัน ซึ่ง Chief ไม่เข้าใจว่าผู้ดูแลประภาคารเร็วกว่าได้ยังไง? แต่ผ่านไปวิเดียว คมมีดที่คอก็จิ้มคอ Chief จนเลือดหลั่งออกมาแล้ว
"รถคาราวานตามหาฉันอยู่แน่นอน ฉันยืนยันตัวตนได้" ผู้ดูแลประภาคารก็บอกว่า "หมดโอกาสแล้วนะ ยังจะโกหกอยู่อีก" Chief สวนกลับว่า "จะเชื่อรึไม่เชื่อก็เรื่องของเธอ แต่ถ้าฆ่าฉันละก็ เพื่อนของฉันตามล่าเธอแน่" ผู้ดูแลประภาคารสวนกลับ "คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ?" ผู้ดูแลประภาคารผลัก Chief ให้หน้าติดกำแพง ร่างกายแนบชิดติดกันจน Chief รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่หู แขนข้างหนึ่งรัด Chief ไว้ที่อก แล้วตะโกนว่า "เลิกพูดได้แล้ว ฉันจะฆ่าแกตรงนี้แหละ" Chief ตอบกลับกวนๆ ว่า "น้ำเสียงฟังดูไม่ดีเลยนะ" ผู้ดูแลประภาคารตะคอก "หุบปาก!" แต่ตอนนี้ Chief คงจะได้ตายเพราะแรงกดทับจากร่างกายอีกฝ่าย จะเป็นปลากระป๋องละ แถมผู้ดูแลประภาคารเริ่มบิดแขนของ Chief จนข้อกระดูกหลุดดังเป๊าะ ความเจ็บปวดนี้ทำให้ Chief หัวใสขึ้นมา ปฏิกิริยาของผู้ดูแลประภาคารมันรุนแรงเกินไป เหมือนพยายามหยุดอะไรสักอย่างในตัวเอง
Chief เลยแหย่ไปว่า "ไม่งั้นจะช่วยฉันขึ้นมาจากทะเลทำไมล่ะ ถ้าจะเอามาฆ่ากันแค่นี้" ผู้ดูแลประภาคารเริ่มพูดวนๆ ว่าให้หุบปาก แต่ Chief ไม่หยุด พูดต่อว่า "เป็นคนควบคุมไฟใช่ไหม? ถ้าข้างในมันปลอดภัยขนาดนี้ ทำไมต้องออกไปส่องไฟด้วย? ทำอะไรอยู่?" ผู้ดูแลประภาคารเริ่มหัวเสียบอกว่า "ไม่ใช่เรื่องของแก" Chief ยังกวนต่อ "เธอไม่สนว่าฉันจะอยู่หรือตายหรอก เธอแค่สนใจว่าฉันคือใคร เพราะเธอรอใครบางคนอยู่ อยากรู้ว่าฉันใช่คนพวกนั้นรึเปล่า" ผู้ดูแลประภาคารคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว ตะคอกกลับว่า "ไม่! ฉันไม่ได้รอใครทั้งนั้น! ไม่มีใครมาหรอก!!!!" แล้วเอามีดฟันลงที่กำแพงข้างๆ ควบคุมร่างกายด้วยเองไม่ได้แล้วเช่นกัน ตาจ้องอยู่ที่คอของ Chief ซึ่งมีเลือดไหลออกมาอยู่เรื่อยๆ Chief ยังพยายามพูดต่อ "ฉันไม่รู้ว่าเธอรอใครอยู่ แต่ฉันรู้ว่าเธอกลัวอะไร" แล้ว Chief ก็จับมีดของผู้ดูแลประภาคารจนเลือดเริ่มไหล พร้อมพูดกวนต่อว่า "กลัวกลิ่นเลือดล่ะสิ ใช่ไหมล่ะ" ผู้ดูแลประภาคารสติแตกตะคอก "ฉันจะฆ่าแก!!!" Chief กลับใจเย็นลง "เธอฆ่าฉันไม่ได้หรอก สภาพแบบนี้ แถมฉันก็สู้ไม่ได้ด้วย เพราะงั้นบอกมาเถอะว่ารออะไรอยู่ เผื่อฉันจะช่วยได้" ผู้ดูแลประภาคารบอกว่า "แกไม่มีสิทธิ์มาต่อรอง!" Chief ยังกวนเป็นบักส์บันนี่ต่อ "จริงเหรอออ?" แล้วก็บีบมีดให้เลือดตัวเองไหลออกมากกว่าเดิม ผู้ดูแลประภาคารพยายามจะเถียงต่อ ก็เถียงไม่ออกแล้ว จ้องเลือดที่ไหลจากมือ Chief เหมือนเป็นคนเสพติดเลือด ก่อนจะพูดเสียงสั่นๆ ว่า "ปล่อยนะ..กะกล้าดียังไง…." Chief ฉวยโอกาสถามใหม่ "เธอชื่ออะไร? เธอคือใคร?"
-เหมือนดูเด็กตีกันอ่ะ…
ผู้ดูแลประภาคารไม่เล่นด้วย ตะโกนว่า "ไปให้พ้น!" พร้อมกับดึงมีดออกจากกำแพงผลัก Chief เข้ามุมห้อง ทุกอย่างในห้องตอนนี้มืดไปหมด Chief เลยได้ยินเพียงแค่ลมหายใจหอบและเสียงกลืนน้ำลายของอีกฝ่าย ผู้ดูแลประภาคารบอกว่า "คิดว่าแกชนะแล้วเหรอ? หึ...ได้ รอเพื่อนของแกไปแล้วกัน ไม่ต่างจากการรอวันตายหรอก! ฉันได้กลิ่นแผลเธอตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ฉันรู้ดีว่าไอพวกปีศาจทะเลมันพิษร้ายแรงแค่ไหน ยังไงแกก็ไม่รอดหรอก! จะไม่มีใครได้เห็นรุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้!" แล้วผู้ดูแลประภาคารก็เดินออกจากห้อง ฝ่าฝนพายุด้านนอกจนหายไป
เหลือเพียงความเงียบที่ถูกทำลายด้วยเสียงหัวใจที่เต้นรัวของ Chief เอง Chief นับเลขในใจตั้งแต่ 1 จนถึง 500 เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ดูแลประภาคารจะไม่กลับมา Chief ถึงเริ่มถอนหายใจ ผ่อนคลายลง ร่างกายเริ่มหนักอึ้ง อากาศก็หนาว พื้นก็เย็น แสงจันทร์อ่อนๆ ลอดผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาทำให้ Chief ยังพอเห็นบ้าง Chief ยกมือตัวเองขึ้นมาดู นิ้วดำหมดแล้ว… ข้อมือก็ล็อกขยับไม่ได้เพราะอากาศที่เย็นจัด แต่ถึงอย่างนั้น Chief ยังคงมั่นใจว่าตัวเองทำได้ แม้จะไม่อยากจะเชื่อว่าจะยังมีแรงสู้ขนาดนั้นก็ตาม Chief เริ่มคิดอย่างถี่ถ้วนดีๆ ว่าต้องหาความอบอุ่น น้ำสะอาด ยารักษา และอาหาร เพื่อการเอาชีวิตรอด
จากนั้น Chief เริ่มคลำหาไฟ ทุกอย่างมืดและชื้นไปหมด แต่ยังดีที่เจอกล่องไม้ขีดไฟ แถมมีการบอกด้วยว่า ดีไซน์ที่นี่ล้าสมัยมาก ต่อให้เทียบกับ Syndicate ก็ตาม Chief จุดไม้ขีดไฟขึ้นมา เจอเตาเหล็กเล็กๆ ก็จุดไฟ แม้ว่าเตาจะเล็กมากจนทำให้ห้องอุ่นไม่ได้ ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย Chief ฉีกขอบชุดเพื่อเอามาพันแผลห้ามเลือดไว้ก่อน คืนนี้ต้องรอดให้ได้ก่อน แล้ว Chief ก็ไปขดตัวข้างๆ เตาเหล็ก Chief คิดถึง Hecate กับ Nightingale อยากเจอสองคนนี้อีกครั้ง พยายามนึกถึงความทรงจำดีๆ บ่นกับตัวเองว่าคงต้องซักเสื้อคลุมได้แล้ว เดี๋ยว Nightingale กับ Hecate ตกใจรอยเลือด ยังกำกระดาษจดหมายจาก Hella เปียกๆ อยู่ในมือ คิดถึง Hella จะไปหา Hella ให้ได้ แล้ว Chief ก็หลับไป
ด้านนอกประภาคาร ผู้ดูแลประภาคารยังคงอารมณ์เสีย โมโห สบถอยู่ตลอดว่า "ไอ้สารเลว! ฉันจะฆ่าแก! จะฆ่าแก!!" ในขณะที่ไล่ฆ่ามอนสเตอร์จากท้องทะเล มีมอนสเตอร์กัดไหล่ฉีกกระชากเสื้อของผู้ดูแลประภาคารขาด ที่มือของผู้ดูแลประภาคารยังมีเลือดอุ่นๆ ของ Chief อยู่ มีกลิ่นหอมหวานที่ไม่คู่ควรกับที่นี่ มีดของผู้ดูแลประภาคารรูปร่างดูเหมือนเอากระดูกและเหล็กมาหลอมรวมกัน ตัดขาดกลุ่มมอนสเตอร์ไม่หยุด เร็วมากขึ้นทุกที ตัวเปียกไปด้วยน้ำปนเปื้อนมาเนีย แต่ผู้ดูแลประภาคารยังคงสู้ต่อไปด้วยความบ้าคลั่ง
ย้อนไปในอดีต
เดือนมีนาคม N.F.84 ณ สนามฝึกซ้อมของหอสังเกตการณ์ชายแดน OT-N07 Fynn ประกาศว่า Ceto ตัวน้อยได้เป็นผู้ดูแลประภาคารอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ซึ่ง Ceto ในวันนั้นยังตัวเล็กมากจนชุดเครื่องแบบหลวม แต่สมาชิกของผู้ดูแลประภาคารแต่ละคนกลับไม่ยินดี แถมมองหน้ากันอย่างอึดอัด จนมีคนหนึ่งที่ชื่อ Herbert ดึง Fynn ไปคุยส่วนตัวว่า เดี๋ยวก่อน เราตกลงกันว่าจะดูแล Ceto จนกว่าจะอายุ 10 ปี แล้วพาไปหาบ้านที่ปลอดภัย แต่ไหงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? Fynn ตอบตรงๆ ว่าไม่มีใครรับเลี้ยง แถม Ceto ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดี ใครจะอยากรับเลี้ยงเด็กจากสงครามล่ะ? ประวัติเป็นมายังไงก็ไม่มีใครรู้ Herbert บอกว่าที่นี่อันตรายเกินไป เราจะไปปกป้องเด็กได้ยังไง? Fynn ถึงอธิบายว่า ถึงได้แต่งตั้งให้ Ceto เป็นผู้ดูแลด้วยนี่ไง ไม่เด็กแล้ว จะสอนให้ Ceto ดูแลตัวเอง เอาชีวิตรอดให้ได้ รอดชีวิตจากมาเนียตอนทารก มีพรสวรรค์สำหรับสิ่งนั้นอยู่แล้ว เผลอๆ อาจจะได้ช่วยชีวิตนายเข้าสักวัน Herbert เลยยอม แต่จะไม่ให้เข้าใกล้--- พูดยังไม่ทันจบ Ceto ก็พูดแทรกขึ้นมาว่าทำไมถึงไม่ให้? สอนฉันสิ อยากเข้าร่วมด้วย อยากเป็นอย่างทุกคนที่นี่ ซึ่ง Fynn ดีใจทันทีที่ Ceto อยากเรียนรู้ เลยมอบมีดที่รูปร่างแปลกเล่มหนึ่งให้ แล้วเริ่มพูดสอนว่าต้องทำอะไรบ้างแต่หัวใจของการเป็นผู้ดูแลคือการเชื่อมั่นว่าอนาคตมีโลกที่สดใสและดีกว่ารออยู่ สู้เพื่ออนาคตนั้น อย่าให้ดวงไฟของประภาคารดับไป ซึ่ง Ceto ในวันนั้นก็ยังไม่เชื่อสักเท่าไหร่ แต่ Fynn สัญญาว่าเราทุกคนจะได้กลับ DisCity ในฐานะฮีโร่ผู้กอบกู้
เพิ่มเติม
-สอนว่าต้องให้สัญญาณอะไรยังไง ต้องสังเกตการณ์ส่วนไหนของ WhiteSands บ้าง ต้องดูระบบน้ำและอากาศ ทำความสะอาดฐาน ฯลฯ
-ในยุคสมัยก่อน ผู้คนไม่ค่อยกล้ารับอุปการะเด็กหรือไว้ใจใครง่ายๆ เพราะกลัวเป็นสปายไส้ศึก จะมีขยายความใน Event หลังจบอีเว้นต์นี้(Hilda)
กลับมาปัจจุบัน
ซากศพมอนสเตอร์กองสูงเป็นภูเขา บ่งบอกว่าเมื่อคืนหนักหน่วงแค่ไหน ผู้ดูแลประภาคารยืนอยู่ท่ามกลางศพเหล่านั้น ค่อยๆ เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ห่างไกล เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว มีดในมือก็เงียบลงแล้วเช่นกัน การเอาชีวิตรอดจากฝูงน้ำดำได้ 2019 ครั้งไม่ได้ทำให้รู้สึกยินดีเลย มีเพียงแค่ความเหนื่อยล้าที่ไม่ได้เกิดจากการต่อสู้ ผู้ดูแลประภาคารพูดคนเดียวว่า "รายงานสถานการณ์: ประภาคาร OT-N07 มีผู้ดูแลเหลือรอด 1 นาย ไม่มีความผิดปกติ..." พูดซ้ำมาจนหลงเหลือแต่ความว่างเปล่า ผู้ดูแลประภาคารค่อยๆ เดินทอดน่องไปตามชายหาด "...รายงานเพิ่มเติม ประภาคารที่ 7 2300น ตรวจพบบุคคลต้องสงสัยขึ้นฝั่ง"Ceto ถีบประตูเหล็กพังๆ ของประภาคารเข้ามาเพื่อตามหายบุคคลต้องสงสัย แต่เขาได้หายไปแล้ว เหลือเพียงร่องรอยน้ำเกลือทะเล เลือด และรอยรองเท้าที่เดินขึ้นบันไดขึ้นไปข้างบน
เพิ่มเติม
-ทหารจะอ่านเวลาแบบหมายเลข เช่น 2300 = สองสามศูนย์ศูนย์ ตามเวลารูปแบบ 24 ชั่วโมงเพื่อความเข้าใจง่ายและรวดเร็ว ฟังไม่ผิดเพี้ยน (2300 = 23:00 = ห้าทุ่ม)
[วิทยุ] พอ Chief มีเวลาว่าง จะเดินสำรวจโน่นนี่ ตกปลาจุดไฟ ฯลฯ และแหล่งข่าวเดียวที่หาได้ในตอนนี้คือวิทยุ Chief เปิดฟังดูก็จะมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า Ark มาให้ได้ยินเรื่อยๆ Ark จะคอยให้ความรู้การเอาชีวิต
ในครั้งแรกพูดถึง สัตว์ตัวเล็กที่หาง่ายที่สุดใน WhiteSand คือ กิ้งก่า ซึ่งมีคุณค่าทางอาหารเยอะมาก เอาเครื่องในออก ตัดหัวหาง ย่างแล้วกินอร่อยเหมือนไก่ แต่ครั้งนี้ Ark จะต้มกิน แล้วก็มีเสียงทำอาหารให้ได้ยิน ทำ Chief หิวหนัก แล้ว Ark ก็บอกตำแหน่งตัวเองว่าอยู่ที่ WSN-234.6, WSE-384.7 ถ้ามีปัญหา จุดพลุสัญญาณได้เลย นั่นทำให้ Chief เข้าใจว่า วิทยุนี้คือสายด่วนขอความช่วยเหลือ ซึ่ง Chief ไม่กล้าเปลี่ยนสถานี กลัวว่าจะเสียเสียงแห่งความหวังนี้ไป ต่อให้เสียงจบลงไปแล้ว Chief ยังคงรอคอยเสียงครั้งถัดไป
เพิ่มเติม
-Chief นึกขึ้นได้ว่า ประภาคารพวกนี้ถูกสร้างขึ้นตามขอบชายแดน WhiteSands เพื่อจับตามอง Outlands ซึ่งเป็นเรื่องน่าขมขื่น พอคลื่นน้ำดำมันสูงขึ้น กลายเป็นว่าหอคอยที่ใช้เพื่อสังเกตการณ์พวกนี้ได้กลายเป็นประภาคารของจริง แถมติดเกาะไปไหนกันไม่ได้เลย
-เกาะที่ติดอยู่ไม่มีอะไรเลยนอกจากประภาคารและป่า
-Chief มองท้องฟ้าหาดวงดาว เผื่อจะบอกทิศทางได้ แต่กลับเห็นท้องฟ้าที่บิดเบี้ยวกลายเป็นหลุมดำ เหมือนดวงตาของสิ่งมีชีวิตจากอวกาศอะไรสักอย่าง เลยเข้าใจว่าพื้นที่นี้โดนพลังมาเนียบิดเบี้ยวกาลเวลาเรียบร้อย เป็นโลกอีกมิติไปแล้ว
-ถ้า Chief เอามอสส์เข้าเตาเหล็ก Ceto จะพ่นลม "หึ" ออกมา เหมือนว่า Chief ว่าโง่อยู่ในใจ(สีหน้าออกแล้ว) แถมไฟดับ ไม้เปียก ต้องแก้ใหม่
-Chief นึกขึ้นได้ว่า ประภาคารพวกนี้ถูกสร้างขึ้นตามขอบชายแดน WhiteSands เพื่อจับตามอง Outlands ซึ่งเป็นเรื่องน่าขมขื่น พอคลื่นน้ำดำมันสูงขึ้น กลายเป็นว่าหอคอยที่ใช้เพื่อสังเกตการณ์พวกนี้ได้กลายเป็นประภาคารของจริง แถมติดเกาะไปไหนกันไม่ได้เลย
-เกาะที่ติดอยู่ไม่มีอะไรเลยนอกจากประภาคารและป่า
-Chief มองท้องฟ้าหาดวงดาว เผื่อจะบอกทิศทางได้ แต่กลับเห็นท้องฟ้าที่บิดเบี้ยวกลายเป็นหลุมดำ เหมือนดวงตาของสิ่งมีชีวิตจากอวกาศอะไรสักอย่าง เลยเข้าใจว่าพื้นที่นี้โดนพลังมาเนียบิดเบี้ยวกาลเวลาเรียบร้อย เป็นโลกอีกมิติไปแล้ว
-ถ้า Chief เอามอสส์เข้าเตาเหล็ก Ceto จะพ่นลม "หึ" ออกมา เหมือนว่า Chief ว่าโง่อยู่ในใจ(สีหน้าออกแล้ว) แถมไฟดับ ไม้เปียก ต้องแก้ใหม่
อีก 12 วัน 19 ชั่วโมง 59 นาที ก่อนที่ปฏิบัติการ BR-005 จะเริ่มต้นขึ้น
วันที่ 12 เดือนกรกฎาคม N.F.115 19:48 Chief ถามขึ้นมาว่า เราถึงรึยัง? คลื่นน้ำดำที่ว่า แพทย์สนามตอบว่า ใกล้ถึงแล้ว ไม่ห่างจาก Euphoria มากหรอก แต่สภาพ Chief ในตอนนี้ไหวแน่เหรอ? คลื่นน้ำดำมีแต่น้ำมาเนียนะ ไปอยู่ที่ปลอดภัยๆ ดีกว่าไหม แต่ Chief ไม่สน ถามต่อว่า เธอเป็นคนบอกฉันเองนี่ว่าอาจจะมี rancors หลงเหลืออยู่ เธอมั่นใจแค่ไหน? แพทย์สนามบอกว่า เดิมทีมีผู้ดูแลอยู่ประมาณ 200 แต่พอคลื่นน้ำดำท่วมขึ้นมา DisCity ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย…
มั่นใจสัก 30% ล่ะมั้งง…
Chief รู้อยู่ว่า Augustus ตามหาอาวุธที่ถูกเรียกว่า เพื่อนเก่าแก่ ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา อาจจะเพราะ Augustus รู้สึกได้ว่า Rancors อยู่ที่ไหนบ้าง เลยทำให้กองดาบร้าวเดินทางมาที่นี่กัน ซึ่งเท่านั้นก็เพียงพอหรับ Chief ทุกอย่างมีค่า อาจจะช่วยเพิ่มโอกาสในการช่วย Hella ให้รอด แพทย์สนามขอพูดใหม่
30% นั่นคือ โอกาสที่เราจะมีชีวิตรอดออกมาจากคลื่นน้ำดำต่างหาก…
เพิ่มเติม
-แพทย์สนามเล่าว่า คลื่นน้ำดำพวกนี้เป็นผลกระทบและสิ่งที่หลงเหลือจากแคมเปญเก่าๆ
-Chief ยังรู้สึกแย่จากมาเนียปนเปื้อน แถมอาการแย่ลงเรื่อยๆ
-แพทย์สนามรึญาติน้าค่อม…
-ย้อนอดีตอีกนิดว่าทำไม Chief ถึงลอยคออยู่กลางคลื่นน้ำดำ
-แพทย์สนามเล่าว่า คลื่นน้ำดำพวกนี้เป็นผลกระทบและสิ่งที่หลงเหลือจากแคมเปญเก่าๆ
-Chief ยังรู้สึกแย่จากมาเนียปนเปื้อน แถมอาการแย่ลงเรื่อยๆ
-แพทย์สนามรึญาติน้าค่อม…
-ย้อนอดีตอีกนิดว่าทำไม Chief ถึงลอยคออยู่กลางคลื่นน้ำดำ
พูดยังไม่ทันขาดคำ Scarface โพล่งเข้ามาในห้อง รีบบอกเรื่องคลื่นน้ำดำที่โจมตีเข้ามาพร้อมกับอ้วกลงพื้นเพราะเมาเรือ Chief รีบออกจากห้องโดยสารไปดู อากาศที่ตีเข้าหน้ามีแต่กลิ่นสนิมและกลิ่นเนื้อเน่า เห็นทะเลสีดำสุดลูกหูลูกตา พื้นผิวน้ำดูเหมือนมีชีวิต เหมือนมีเงาตัวอะไรก็ไม่รู้เคลื่อนไหวไปมา พยายามเกาะเรือ ทำให้เรือเริ่มเอียง น้ำก็ซัดแรงคนเรือโคลงเคลงไปมา แพทย์สนามบ่น Scarface ว่า "เก็บมื้อเช้าไว้กินคนเดียวเถอะ" แต่แพทย์สนามบอกว่า คลื่นน้ำแปลกเกินไป เทคโนโลยีในอดีตของ DisCity ไม่น่าจะสร้างน้ำมาเนียได้เยอะขนาดนี้
Chief เอะใจถามขึ้นมาว่า "Augustus รู้เรื่องที่เรากำลังทำกันอยู่รึเปล่า?" แพทย์สนามบอกว่า "อ๋อ เพิ่งรู้เมื่อกี้เลย ส่งแชทกลับมาแล้วว่า
"ทหารทุกกอง กำจัดการปนเปื้อนแล้วเดินหน้าเต็มกำลัง! มุ่งสู่ใจกลางของคลื่นน้ำดำ!!!"
Scarface อ้วกออกมาอีกรอบ โดนหัวมอนสเตอร์ที่ปีนขึ้นเรือมา ซึ่งอ้วกมันเป็นเมือกกลิ่นเน่าคาว น่าแขยงจนมอนสเตอร์ยังต้องผงะหนีกลับลงน้ำไป คลื่นน้ำขนาดใหญ่ซัดเข้าเรือ ทำให้เรือลอยอยู่กลางอากาศชั่วขณะ ตกกระแทกลงมาอย่างรุนแรงจนทุกคนตัวลอยกันหมด Scarface บ่นดุพวกมอนสเตอร์ว่าอย่ามาจับ นายพลสั่งให้เดินหน้าเต็มกำลังแล้วไง! ลุยเลยย!! แต่แพทย์สนามบอก "เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้ที่ปรึกษาเราหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้"
Chief ตกน้ำไปแล้ว พยายามตะเกียกตะกายขึ้นเหนือน้ำให้ได้ แต่สิ่งมีชีวิตไร้ร่างเริ่มกัดข่วนตัว Chief จนเสื้อผ้าขาดรุ่ย หายใจไม่ออก ตาก็มองอะไรไม่เห็นจน Chief จะหมดสติ แต่ก็ฝืนลืมตาได้เพราะจับเกาะแผ่นไม้จนลอยตัวได้
เพิ่มเติม
-มอนสเตอร์ทุกประเภทรูปแบบจากคลื่นน้ำดำชื่อ Tide Crawler แต่ขอเรียกโดยรวมว่า มอนสเตอร์
-มอนสเตอร์ทุกประเภทรูปแบบจากคลื่นน้ำดำชื่อ Tide Crawler แต่ขอเรียกโดยรวมว่า มอนสเตอร์
Chief ตื่นมาตอนเช้าด้วยร่างกายที่ปวดช้ำไปหมดทั้งตัว ไฟที่จุดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนดับไปตอนไหนก็ไม่รู้เลย อย่างน้อยๆ ตอนนี้พายุหยุดแล้ว ไม่มีเสียงมอนสเตอร์รอบข้าง มีแต่เสียงคลื่นทะเลที่ซัดเข้าฝั่ง Chief ค่อยๆ เดินขึ้นบันไดวนด้วยความเจ็บปวด พิงกำแพง ฝืนเดินขึ้นไปเรื่อยๆ
ไม่มีน้ำ อาหาร ยา การขึ้นบันไดจึงเป็นทางเลือกเดียวที่มีตอนนี้ แต่ความหิวโหยทำร้ายทุกคนจน หน้ามืดเวียนหัว พยายามเกาะกำแพงไว้ไม่ให้ตัวเองล้ม Chief เริ่มคุยคนเดียว คุยกับตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง พยายามประคองสติตัวเองไว้
ยิ่งเห็นอุปกรณ์เครื่องใช้ภายใน ยิ่งมั่นใจว่าที่นี่เคยเป็นส่วนหนึ่งของ DisCity แถมอายุขัยก็ตรงกับข้อมูลจากกองดาบร้าวด้วย ผู้หญิงที่เจอเมื่อคืนต้องมีข้อมูลแน่นอน แต่ตอนนี้นางหายไปไหนก็ไม่รู้ ไม่กินไม่นอน หรือหลอนคิดไปเอง? หรือตายในคลื่นน้ำดำไปแล้ว? แต่ Chief ก็ยังพยายามให้กำลังใจตัวเองต่อไป ขึ้นถึงจุดยอดแล้วต่อให้ไม่มีน้ำไม่มีอาหาร แต่อาจจะยังใช้ไฟ ส่องตัดหมอกส่งสัญญาณได้ เป็นทางเดียวที่จะติดต่อกองดาบร้าวได้
จู่ๆ มีมีดเล่มหนึ่งถูกปาผ่านหู Chief เจาะเข้ากำแพงข้างๆ หยุดอยู่ตรงหน้า Chief ห่างออกไปไม่กี่นิ้ว เสียงของผู้ดูแลประภาคารดังจากข้างบน "ออกไปซะ!" Chief ถึงกับแซะว่า "ยังมีชีวิตอยู่เหมือนกันเหรอ? โชคดีนะเราเนี่ย" ผู้ดูแลประภาคารเริ่มรำคาญ "หูหนวกรึไง? บอกให้ออกไปซะ" Chief ตอบ "ไม่ได้มาชมวิว ฉันต้องการน้ำ อาหาร ยา บอกมาว่าอยู่ที่ไหน แล้วฉันก็จะไป" แต่ผู้ดูแลประภาคารไม่สนใจแล้ว Chief เลยต้องกัดฟันพูดอีกครั้ง "โทษทีที่รบกวนแล้วกันนะ แต่ฉันกำลังจะตาย" ผู้ดูแลประภาคารตอบประชด
“ยินดีด้วย”
“.......”
Chief ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แล้วพูดใหม่ "ห้องควบคุมอยู่ข้างบนใช่ไหม? มันเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับการกู้ภัย ไม่ใช่บ้านส่วนตัว ถ้าเธอไม่ช่วย ฉันจะทำเอง" ผู้ดูแลประภาคารตอบชัดเจนว่า "บุคคลไร้นามอย่างแกไม่มีสิทธิ์ใช้งาน" Chief ไม่ยอมแพ้ "ประภาคารมีไว้นำทางคนหลงทางไม่ใช่เหรอ? ฉันหลงทางอยู่นี่ไง" แล้วก้าวเดินต่อ แต่มีดตรงหน้าก็ตัดผม Chief ไปหน่อย กลับไปอยู่ในมือเจ้าของแล้ว
ในที่สุด Chief ก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของผู้ดูแลประภาคารสักที ร่างกายมีแต่กล้าม ผ่านการฝึกที่โหดร้ายมาแน่นอน ผิวก็แห้งจากลมทะเล รอยแผลเป็นมีทุกระดับความเข้มลึก แต่รอยบนหน้าเข้มลึกที่สุด ร่องรอยของความบ้าคลั่งที่ไร้การควบคุมแต่เหน็ดเหนื่อย "ทำไมต้องไล่กันขนาดนี้ด้วย? ซ่อนอะไรไว้?" Chief ถามออกไป อยากจะเข้าใจ แต่ผู้ดูแลประภาคารเริ่มรำคาญ
"แก ไม่ มี สิทธิ์ เข้าใจอะไรยากจังวะ?"
Chief : "งั้นขอน้ำกับอาหาร?”
"ไม่มี ตายๆ ไปซะ"
Chief : "เอาซิ ฆ่าฉันเลย"
"ฉันไม่เสียเวลาให้มือเปื้อนหรอก"
คำตอบนั้นทำให้ Chief หัวเราะออกมา ผู้ดูแลประภาคารดื้อซะไม่มี มันจะน่ารักมากถ้าไม่ใช่เวลาถึงตายแบบนี้ "ก็ได้...ถ้าอยากทำเรื่องง่ายให้มันยากขนาดนี้"
เพิ่มเติม
-จริงๆ ตรงนี้บทเหมือนเด็กตีกัน
-จริงๆ ตรงนี้บทเหมือนเด็กตีกัน
"ขี้โกงว่ะ!!"
Chief : "แต่ได้ผลนะ"
ถึงโอกาสของ Chief แล้ว ในจังหวะที่ผู้ดูแลประภาคารหายใจติดขัด Chief ผลักอีกฝ่ายออก สร้างระยะห่างพร้อมถามว่า "ทำไมถึงไวต่อเลือดขนาดนั้น?" ผู้ดูแลประภาคารวีนใส่ "ไม่ใช่เรื่องของแก!" เป็นไปตามที่คิดว่าแล้วเชียวว่าต้องพูดแบบนี้อีกแล้ว ผู้ดูแลประภาคารเอื้อมไปจับมือที่อาบเลือดของ Chief แน่นอนว่า Chief ดิ้นสุดตัว ยิ่งขยับกลิ่นเลือดก็ยิ่งชัดเจน แปลกที่เลือดเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ดูแลประภาคารหยุดคลั่งได้ กลิ่นเลือดฟุ้งกระจายดี แต่ก็ทำให้ Chief หมดแรงไวเช่นกัน เริ่มหอบ หายใจไม่ทัน แต่ Chief ยังปากดี "ไม่มียาเหรอ ฮื่มม แล้วแผลที่ตัวเธอรักษายังไง?" ผู้ดูแลประภาคารตอบกลับอย่างฉุนเฉียว "สัตว์ทะเลกระจอกๆ นั่นฆ่าฉันไม่ได้หรอก! อาทิตย์เดียวแผลก็หายหมดแล้ว" Chief ถึงกับงง "ไม่ทำความสะอาดทายาเลยเหรอ? บนหน้าด้วย? ไม่กลัวติดเชื้อเหรอ?" "ฮ่าๆ เธอคิดว่าเธออยู่ในเมืองรึไง แม่สาวคนสวย ที่นี่ไม่มีใครสนหรอกว่าเธอจะหน้าตายังไง" ผู้ดูแลประภาคารหัวเราะ พูดแล้วก็กัดฟันพุ่งใส่ แต่ Chief ก็ยกแขนเปื้อนเลือดขึ้นสูงเป็นโล่กำบัง "ไม่มีน้ำไม่มีอาหาร อยู่ได้ไง?" ผู้ดูแลประภาคารเริ่มหดหู่ "...ก็อยากรู้เหมือนกัน" วินาทีนี้ Chief ถึงได้เห็นว่าหน้าท้อง ซี่โครงของอีกฝ่ายมันชัดแนบกระดูกแค่ไหน อดยากมานานมากแล้ว
เพิ่มเติม
-ตรงแม่สาวคนสวย Ceto จะพูดบทนี้เมื่อเราเล่น Chief เพศหญิง แต่เพศชายจะพูดอีกอย่าง
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ดูแลประภาคารก็ดูออกว่า Chief ฝืนอยู่แค่ไหน ทำให้นางเลิกโจมตี แล้วพิงราวจับบันได แหงนมองขึ้นด้านบน "ก็ได้ จะยอมเล่นด้วยไปก่อน ไม่สนใจหรอกนะว่าเธอต้องการอะไร แต่จำไว้อย่างหนึ่ง แค่ผู้ดูแลเท่านั้นที่เข้าห้องควบคุมได้ ถ้าแกขึ้นไปละก็ ฉันจะโยนแกลงทะเลเอง" ผู้ดูแลประภาคารมอง Chief หัวจรดเท้าอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินกลับขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็วราวกับหนีเชื้อโรค Chief รั้งไว้ "เดี๋ยวก่อน" ผู้ดูแลประภาคารถึงกับจิปาก แต่ Chief ก็ยังพูดต่อ "ฉันชื่อ Chief เธอล่ะ?" ผู้ดูแลประภาคารดูหงุดหงิดมากๆ แค่ก็หยุดเดินเพื่อตอบ "...Ceto"
เพิ่มเติม
-เรียกผู้ดูแลประภาคารว่า Ceto ได้แล้ว
Ceto ห้ามไม่ให้ Chief ขึ้นห้องโคมไฟที่ชั้นบน แต่ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ไปที่อื่น Chief เลยสำรวจทุกซอกทุกมุมของเกาะนี้ ซึ่ง Ceto ไม่ได้โกหกว่าที่นี่ไม่มีอะไรเลย Chief เจอกล่องปฐมพยาบาลกล่องเดียว แถมข้างในมีแค่ผ้าพันแผลเก่าๆ ที่บางมากจนโปร่งแสงไปแล้ว ส่วนเรื่องน้ำดื่ม Back To Basic ด้วยการกรองและต้ม แต่จะต้มน้ำดำมาเนียให้สะอาดเลยก็เป็นไปได้ยาก กว่าจะได้หยดน้ำสะอาดแต่ละหยดในแต่ละวันมันยากเย็นเหลือเกิน แต่ก่อน Chief ออกมา Ceto ที่มักจะนอนริมหน้าต่างของประภาคารให้คำแนะนำ(มั้ง)ว่า "ที่ชายหาดทางเหนือ พอจะมี‘วัตถุดิบ’อยู่บ้าง เอาไปได้หมดเลย" Chief ไม่เชื่อหรอกว่า Ceto จะใจดีง่ายๆ ขนาดนั้น
พอเดินทางมาถึงชายหาดเหนือที่ว่า สิ่งที่เห็นมีแต่ซากศพมอนสเตอร์ที่กองพะเนินสูง จน Chief ยอมหิวดีกว่า Chief ลองหยิบก้อนเมือกเนื้ออะไรบางอย่างขึ้นมา ขยะแขยงจนจะปาทิ้ง แต่ก็ชะงักเพราะเห็นร่องรอยอะไรบางอย่างบนก้อนเนื้อนี่ ไม่ใช่รอยมีดดาบ แต่เป็นเหมือนรอยแผลที่เหมือนมีของเหลวประหลาดซึมทะลุเข้าไป แล้วฉีกระเบิดจากด้านในจนแผลเหวอะ มีเศษสิ่งแปลกปลอมฝังอยู่ และเคยเห็นรอยพวกนี้มาก่อน จากคำพูดของแพทย์สนามที่อธิบายไว้ว่า "Rancors ไม่ใช่อาวุธซะทีเดียว เป็นเหมือนเหล็กที่เปลี่ยนรูปร่างได้ ถูกสร้างขึ้นจากหลอมรวมจิตวิญญาณที่หลงเหลือในสนามรบสงคราม ถ้าจะควบคุม Rancors ให้ได้ล่ะก็ ต้องมีแรงกำลังใจที่แข็งแกร่งมากๆ หรือไม่ก็ต้องมี Hypercube ช่วยอยู่ด้วย ถ้าควบคุมไม่ได้ Rancor จะกลืนกินผู้ใช้งานเอง"
แสงสีเทาหม่นสลัวลอดผ่านช่องตะแกรงที่จับฝุ่นหนา Ceto หลับไม่ลง พยายามไม่สนใจกลิ่นคนแปลกหน้า แต่ตาแข็งจ้องที่มีดตัวเองไม่หยุด ตัวยังสั่นเบาๆ อย่างห้ามไม่ได้ เสียง Rancor ในหัว Ceto บอกให้ฆ่านางซะ
เพิ่มเติม
-Jasmine โดน Rancor กลืนกินไปแล้ว
-อาวุธของ Ceto คือ Rancor
-ลองออกไปตกปลา แต่ Ceto ก็ยังมองจากประภาคารอยู่เสมอ นั่นทำให้ Chief รู้สึกว่าต้องเอาชนะให้ได้ ต้องตกปลาให้ได้สักตัว ไม่นานก็ตกได้ แต่สิ่งที่ตกได้คือสิ่งมีชีวิตประหลาด ปลามาเนียที่กินได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ได้ไหประหลาดมาด้วย
-ถ้าเอาไหไปทุบ จะได้หนวดหมึกมาเนียมา คำอธิบายไอเทมคือ โยนมันทิ้งๆๆๆ Chief มีปมในใจจาก Shin น่าดู…
-ครั้งนี้ Chief สามารถคุยกับ Ceto ได้ Chief ฟ้องว่าอาหารที่ว่าคือขามอนสเตอร์ชัดๆ ปกติกินเนื้อมอนสเตอร์เอาเหรอ? แต่ Ceto บอก ไม่ใช่เรื่องของแก / ถามถึงคนดูแลประภาคารคนอื่นก็จะได้คำตอบว่าตายหมดแล้ว / ถามว่า Ceto เกิดที่ตะวันตกหรือ Eastside Ceto จะตอบไม่ได้ แถมหงุดหงิด หนีกลับขึ้นชั้นบนทันที แต่ยังคงจ้องมองดู Chief อยู่ตลอดเพราะไม่ไว้ใจ / ถ้าเอามีดให้ดู Ceto จะดุว่า จะมาขู่กันเหรอ? / ถ้าเอาหนวดหมึกมาเนียให้ดู Ceto แค่ขมวดคิ้วแถมจ้องแรง Chief เลยตัดสินใจไม่เอาไปให้
[วิทยุ] ครั้งนี้ Ark พูดถึงวิธีสื่อสารกับเรือลำอื่นๆ ด้วยวิธี semaphore ใช้ธง 2 ผืน ยิ่งเด่นยิ่งดี Chief เลยเริ่มมองหารอบๆ แต่เห็นแค่กิ่งไม้ ไม่มีผ้าหรอก Ark เริ่มพูดต่อว่าทำท่าไหนคือตัวอักษรอะไร จนสะกดออกมาเป็นคำว่า HELP แน่นอนว่า Chief ทำตามทุกขั้นตอนจนทำเป็น แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็เงียบไป Chief เลยเอาหูแนบ แล้ว Ark ก็โพล่งใหม่ หูแทบแตก
เพิ่มเติม
-ได้ตุ๊กตาเม่นทำมือมา แต่มีคนเอามาใช้ปลูกหญ้าไปแล้ว พอเอาไปให้ Ceto แต่ Ceto จะรีบคว้าออกไปจากมือไป แล้วพูดเสียงดุว่า อย่าหยิบของมั่วซั่ว ภายหลัง Chief ไปดูตุ๊กตาใหม่ เห็นว่ามีการเย็บข้อความไว้ด้านข้างว่า สำหรับเม่นขี้บ่นตัวน้อยของเรา
ฝนเริ่มตกลงมาอีกครั้ง แต่เป็นฝนมาเนียที่เกิดจากคลื่นน้ำดำ อากาศเย็น ทุกๆ คืน น้ำจะขึ้นสูง ทำให้มอนสเตอร์ต่างๆ ผุดออกมาจากน้ำดำมาเนีย Chief เลยมาอยู่ที่ห้องใต้ประภาคารที่ปลอดภัยที่สุด จุดเทียนเล็กๆ ที่หามาได้ ตอนนี้ Chief เริ่มปรับตัวได้แล้ว เริ่มชินกับความเจ็บปวด เป็นเรื่องดีรึเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะเข้าใกล้ความตายแล้วก็ได้ Chief พิงกำแพงนิ่งๆ เพื่อเก็บแรง ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น สงสัยหลายอย่างจนฟุ้งซ่าน ถ้าจะต้องกินเนื้อมอนสเตอร์จริงๆ ต้องทำยังไง? มียาไหมถ้ากินแล้วอาหารเป็นพิษขึ้นมา ฯลฯ แล้วเริ่มสงสัยหน้าที่ Ceto ที่อยู่ที่นี่ต่อ เพราะทุกคืน Ceto จะอยู่ด้านนอกจนรุ่งเช้า Chief ไม่เข้าใจว่า หน้าที่ของผู้ดูแลประภาคารในตอนนี้คือปกป้องอะไรบนเกาะร้างนี้
จนกระทั่ง Chief เห็นสัญญาณไฟที่ Ceto กระพริบส่งทุกๆ คืน Chief เริ่มแกะรหัสด้วยภาษาของ DisCity ได้ความว่า
ประภาคารที่ 7 ถูกการปนเปื้อนรายล้อม จำนวนผู้ดูแลขั้นต่ำ 25 นาย คงเหลือ 1 นาย และด้วยการตัดสินใจของผู้ดูแล จะทิ้งประภาคารนี้และสู้มอนสเตอร์จนตัวตาย
เพิ่มเติม
-ระบบแบบรหัส Morse Code (เป็นการสปอยอีเว้นต์ถัดไปจากนี้)
ย้อนไปในอดีต
พายุโหมกระหน่ำ คลื่นน้ำดำขึ้นสูงจนทะเลทรายที่ร้อนผ่าวจมน้ำฟองอากาศผุดเต็มไปหมด Ceto วัยเด็กเริ่มพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือว่า ‘คลื่นน้ำดำสูงเกินเส้นเขต 1 ประภาคารที่ 7 ต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน’ แต่ในขณะเดียวกัน ไฟจากประภาคารที่ 1 และ 3 ดับไปหมดแล้ว Ceto มือสั่นไปหมด Rode(ผู้ดูแลประภาคารอีกคน) เริ่มหมดหวัง สละชีพตัวเองเพื่อให้ Ceto ไปรายงานกัปตัน ทุกอย่างโกลาหลสิ้นหวัง จนเริ่มมีการฆ่ากันเกิดขึ้นเพื่อห้ามไม่ให้คนจะตายกลายเป็นมอนสเตอร์แม้จะไม่อยากทำมากแค่ไหนก็ตาม Ceto ทำอะไรไม่ได้นอกจากกวัดแกว่งมีดดาบตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด พยายามไม่ฟังเสียงของมาเนียที่บอกให้ฆ่า แล้วรีบไปหากัปตันที่ห้องโคมไฟด้านบนประภาคาร แต่กัปตัน Fynn ตอนนี้ทรุดอยู่ที่โคมไฟ ใช้ดาบยาวประคองตัวเองไว้ มือยังคงพยายามส่งสัญญาณ SOS แต่ Ceto เห็นว่าดวงตาขวาของ Fynn เริ่มมีสีแดงก่อตัวเป็นเหมือนน้ำวน ราวกับดอกไม้ที่ค่อยๆ เบ่งบานเพื่อยึดครองดวงตา Fynn เริ่มถามว่าทำไมถึงมาที่นี่? Ceto เลยเริ่มอธิบายสถานการณ์ Fynn เรียกให้ Ceto ขึ้นไปที่แผงควบคุมไฟ Fynn ยืนอยู่ด้านหลัง ส่องไฟไปทาง DisCity แล้วเริ่มสอนวิธีการใช้งานแบบทหารอย่างเข้มงวดแม้จะใกล้ตาย Ceto ทวนกฎของผู้ดูแลประภาคารทั้งน้ำตา แต่นั่นทำให้ Fynn ชมและยิ้มออกมาได้อย่างมีความสุขที่ Ceto ยังทำได้ดีแม้สถานการณ์จะสิ้นหวังแค่ไหนแต่ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง Ceto ได้ยินเสียงดาบทิ่มเนื้ออะไรบางอย่างที่ด้านหลัง Fynn บอกให้ Ceto ดูแลทุกๆ คน ให้เป็นความหวังของทุกคน เดินหน้าต่อไปและอย่าหันกลับมา Ceto รับทราบทั้งน้ำตา ตะโกนสุดเสียง แล้ว Fynn ก็หายไปพร้อมเสียงอะไรบางอย่างที่ร่วงหล่นจากห้องโคมไฟ ดังจ๋อมลงไปในท้องทะเลสีดำเบื้องล่าง
เพิ่มเติม
-ชื่อผู้ดูแลประภาคารที่ 7 ที่เสียไป มี Jay / Lia โดย Lia เป็นคนฆ่า Jay ทั้งๆ ที่สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน
-ตรงนี้เหมือนจะก้ำกึ่งบอกว่า คนที่มีจุดสีแสงที่ตาเป็นผลมาจากมาเนีย
กลับมาปัจจุบัน
Ceto นึกถึงความทรงจำเก่าขึ้นมาได้ พร้อมเสียง Rancor ที่ย้ำเตือนว่า Ceto ปล่อยให้ทุกคนตาย Ceto กวัดแกว่งมีดด้วยความบ้าคลั่ง ดวงตาสีแดงก่ำ คำถามมากมายถาโถมเข้าหัวว่าทำไมตัวเองถึงยังไม่ตาย พลังมาเนียกลืนกินความคิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มสู้กับมอนสเตอร์ไม่ไหว ยอมแพ้ทุกสิ่งทุกอย่าง ปล่อยให้มอนสเตอร์เริ่มกัดกินร่างกาย จนบางอย่างฉุดกระชากให้มีสติอีกครั้ง เริ่มขยับถีบมอนสเตอร์ออก สบถว่า "กินยังไม่อิ่มอีกเหรอ? ตอนกิน Lia กับ Fynn พวกแกไม่เหลือไว้แม้กระทั่งกระดูก!! ฉันจะตัดท้องพวกแก เอาเพื่อนของฉันกลับออกมาให้หมด!! เอาเพื่อนฉันคืนมา!" คมมีดง้างขึ้นอีกครั้ง แต่ ‘มอนสเตอร์’ ตัวนั้นทุ่ม Ceto ลงพื้น ขึ้นนั่งทับ พยายามแย่งมีดออกจากมือ Ceto ด้วยอีกต่างหาก Ceto หัวเราะอย่างสิ้นหวัง "กลัวเหรอ!? กลัวรึไง!?" แล้วถุยน้ำลายใส่ ผลักมอนสเตอร์ออก เพื่อขึ้นนั่งทับอกมอนสเตอร์แทน "ฉันไม่กลัวแกหรอก...ฉันไม่มีอะไรเหลือแล้ว!! ฉันก็ปีศาจเหมือนกัน!!" แต่ Ceto พูดทั้งน้ำตา มือที่จับมีดอยู่เริ่มสั่น ทั้งๆ ที่จ่ออยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆที่ไหนได้มอนเตอร์ตัวนั้นก็เป็น Chief(Ceto หลอนหนักมาก) พยายามเรียกดึงสติของ Ceto สุดเสียง แต่ Ceto ยังคงฟังเสียงบ้าคลั่งของมาเนีย เชื่อว่าไม่เหลือใครอยู่แล้วนอกจากตัว Ceto เอง จน Chief ใช้แรงฮึดสุดท้าย ดึงพลัง Shackle หยุดมีดของ Ceto ไว้ได้ทัน ห่างจากดวงตาไปแค่ไม่กี่เซนติเมตร
"เธอเองเหรอ..."
น้ำเสียง Ceto พูดเศร้าๆ Chief เข้าใจความรู้สึก ถึงได้พูดว่า "ฉันเอง DisCity ส่งฉันมาเพื่อพาเธอกลับบ้าน" แต่ Ceto ไม่เชื่อ "โกหกอีกแล้วล่ะสิ" "พวกเรามาช้าเกินไป แต่ยังไม่สาย เธอยังมีชีวิตอยู่ เป็นความหวังของทุกคน" Ceto พยายามจะลุกออกแต่หมดแรงแล้ว ล้มฟุ่บทับ Chief ก่อนจะสลบก็ได้ยินเสียงของ Fynn ที่บอกให้เชื่อมั่นว่าจะยังมีอนาคตที่ดีรออยู่
เพิ่มเติม
-Chief เห็นแววตาของ Ceto แล้วนึกถึงตัวเองตอนเสีย Hella ไป
-Chief เห็นแววตาของ Ceto แล้วนึกถึงตัวเองตอนเสีย Hella ไป
Ceto ตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะเสียง Rancor ที่ดูถูก พยายามไม่ฟังเสียงที่หลอนประสาท มองเห็นเงาดำๆ (Chief) เคลื่อนตัวไปมาในห้องใต้ประภาคาร Ceto ก็งง ไม่ใช่ว่าเหลือตัวคนเดียวเหรอ? Chief พยายามช่วยปฐมพยาบาล Ceto อย่างสุดความสามารถ พยายามเรียกไม่ให้สลบ Ceto อยากจะลุกแต่ร่างกายไม่ไหวแล้ว Chief ถึงอธิบายว่ามีคลื่นน้ำดำเข้าตัวไปทำให้ Ceto ปนเปื้อนมาเนียหนัก Ceto พยายามเถียงว่าชินแล้ว แต่ Chief ไม่เห็นด้วย จน Ceto มีแรงจากไหนก็ไม่รู้ กระชากคอเสื้อ Chief ทะเลาะกัน(อีกแล้ว)จน Ceto ใช้มีดฟันฝ่ามือ Chief เลือดไหลตรงจุดเดิม ด้วยพลังมาเนียที่พุ่งสูง ทำให้สติของ Chief หลุดเห็นอดีตของ Ceto ที่ฝันร้ายอยู่เรื่อยๆ
ย้อนอดีตในความฝัน
Lia, Rode, Miles, Herbert และ Fynn ต่างกำลังตะโกนให้กำลังใจกันว่าจะได้กลับบ้าน กลับ DisCity แล้วทุกคนจะต้องเรียกพวกเขาว่าเป็นฮีโร่แน่นอน ก่อนจะเริ่มร้องเพลงด้วยกัน สอน Ceto ร้องด้วย แต่เสียงเพลงแห่งความสุขอยู่ได้ไม่นาน ภาพความฝันก็ซ้อนทับกลายเป็นวินาทีที่แต่ละคนตาย
เพิ่มเติม
-ร้องเพลง War-torn Soul (จิตวิญญาณที่ถูกสงครามกัดกร่อน) ของอีเว้นต์กัน ความหมายประมาณว่า ทำเพื่อคนที่รัก จะคอยปกป้องแสงไฟที่นำพาชัยชนะมา เพื่อความหวัง เพื่อรุ่งอรุณ เพื่อทุกดวงวิญญาณ
Ceto สะดุ้งตื่นอีกครั้ง แถมตื่นมาเจอ Chief ด้วย เลยไม่พอใจเท่าไหร่ ปากร้ายใส่แต่ Chief ก็ตอบกวนแบบเดิม แต่ครั้งนี้ไม่อารมณ์ร้อนแล้ว แถมเงียบอีก Chief ก็พยายามบอกว่าไม่ได้ทำอะไรตัว Ceto แม้แต่น้อย ไม่ได้ทำแผลให้ตามที่ Ceto ต้องการ ไม่ได้จับมีดด้วย แค่ว่าพลัง Shackle มันทำงานไปเองตอนที่ Ceto ทำร้าย เลยเห็นภาพอดีตของ Ceto แล้ว Chief ถึงเริ่มอธิบายว่า มีสายสัมพันธ์ที่พิเศษกับ Rancor เช่นมีดของ Ceto บางครั้งก็เห็นความทรงจำของอาวุธพวกนี้ อีกอย่างที่บันทึกในประวัติศาสตร์ ผู้ดูแลประภาคารที่เป็นส่วนหนี่งของหน่วย Rancor จาก DisCity ถูกฆ่าตายหมดแล้วในปี N.F.84 แต่ความทรงจำของมีด Ceto ต่างออกไป ทุกคนต่างรอคอยการช่วยเหลือจาก DisCity ที่ไม่เคยมาถึง ไหนจะต้องสู้กับเสียงของ Rancor อีก Ceto โมโหทันที คว้ามีดตัวเอง จะเดินออกจากห้อง ครั้งนี้ Chief ห้ามไว้ ไม่ยอมให้ Ceto ออกไปสู้มอนสเตอร์จนตายอีก Ceto บอกแค่ทำตามหน้าที่ Chief ก็เถียงว่าการไม่ปล่อยให้ Ceto ทำร้ายชีวิตตัวเองก็เป็นหน้าที่ของ Chief เช่นกัน
Chief ยื่นมือ แนะนำตัวเองใหม่อย่างเป็นทางการ ว่าเป็น หัวหน้า MBCC ของ DisCity เป็นที่ปรึกษาของกอง Rancor มีหน้าที่กอบกู้ Rancor ที่กระจัดกระจายไปตาม WhiteSands มาเพื่อพา Rancor กลับบ้าน ประโยคท้ายนั่นทำให้สีหน้าของ Ceto บ่งบอกหลากหลายอารมณ์มาก แต่โดยรวมเหมือนจะเศร้า อยากจะถามอะไรมากมาย ซึ่ง Chief เข้าใจถ้า Ceto จะเกลียด ให้เวลา Ceto ได้ทำใจ เพราะผู้ดูแลประภาคารทั้งหลายโดนทิ้งมานานเป็นสิบยี่สิบปี แน่นอนว่าคนหัวดื้ออย่าง Ceto ก็ไม่เชื่ออีกแล้ว แถมทะเลาะกันด้วย เพราะ Ceto ไม่เห็นโอกาสรอดแม้แต่น้อย ต่างจาก Chief ที่มาใหม่ไม่รู้อะไร เอาแต่พูดว่าส่งสัญญาณๆๆ Ceto ไม่ฟังแล้ว หนีไปนั่งมุมห้อง Chief ทิ้งคำถามสุดท้ายว่า “เธอจะออกจากที่นี่กับฉันไหม?” จนกระทั่งมีเสียงระเบิดดัง ตู้มม ที่่ด้านนอก
เพิ่มเติม
-Ceto ส่งสัญญาณทุกวันมา 8000 กว่าวันแล้ว
-Ceto ส่งสัญญาณทุกวันมา 8000 กว่าวันแล้ว
วันที่ 13 เดือนกรกฎาคม N.F.115 ประภาคาร OT-N07 ไม่เคยหยุดทำการมาตลอดหลายสิบปี แต่ ณ วันนี้ระบบไฟของประภาคารเสียหายหนักจากการถูกมอนสเตอร์โจมตี ความหวังเดียวที่ได้รับการช่วยเหลือได้มอดดับไปพร้อมกับไฟ แสงไฟเดียวที่มีตอนนี้คือเตาเหล็กอุ่นๆ ตรงกลางห้อง Chief เริ่มถาม Ceto เรื่องวิธีซ่อม แต่จะอุปกรณ์หรืออะไหล่ก็ไม่มี ทำให้ได้แต่เงียบกันทั้งคู่ในความมืด จน Ceto ชี้ไปที่เตียง ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอน Ceto ให้ Chief นอนบนเตียง ส่วน Ceto ไปนอนข้างเตาเหล็กเอง Chief ถามคำถามเยอะแต่ Ceto หลับไปแล้ว Chief เลยเอาผ้าห่มไปห่มให้ Ceto ที่บาดเจ็บอยู่ แล้ว Chief ก็เริ่มหาทางทำอะไรสักอย่าง
[วิทยุ] ครั้งนี้ Ark มาสอนดูว่าเรือลำไหนเป็นมิตรหรือมิจ หลักๆ คือดูที่ใต้ท้องเรือ ถ้าเน้นความเร็วเป็นเดอะแฟลชก็น่าจะมิจ กับเสียงเครื่องจักร ถ้าเอื่อยๆ แบบ ตึง ตึง ตึง คือมิตร แต่ ฟู่ว ฟู่ว ฟู่ว คือมิจ แล้ววิทยุก็โดนตัดไปเพราะเหมือนว่า Ark จะโดนเรือมิจโจมตี
Chief มาเจอแผ่นหินที่ฐานของประภาคาร เขียนบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ว่า หลังจาก Dravyn ขยายอำนาจ DisCity เสร็จ ก็ให้ DisCorps สร้างหอสังเกตการณ์(ปากบอกว่าเป็นประภาคารก็เถอะ)ตามขอบชายแดน WhiteSands เพื่อจับตามอง Tide of Ashes และ พวก Outland รวมถึงเป็นแหล่งขนส่งของทหาร แต่พอ DisSea ระเบิด ทำให้พื้นที่ปฏิบัติการ Skyfall(ปฏิบัติการที่ Augustus เปลี่ยนวิถีระเบิดนิวเคลียร์) ผลิตคลื่นน้ำดำออกมาจำนวนมากเพราะค่ามาเนียที่สูง จนหอสังเกตการณ์ทั้งหลายติดเกาะ กลายเป็นประภาคารของจริง พยายามขอความช่วยเหลือ แต่ BR-000 หรือ DisSea รบกวนคลื่นสัญญาณ จนสุดท้ายแล้ว กัปตัน Fynn ประกาศให้ทุกคนมารวมตัวกันที่ OT-N07
ในเดือนมีนาคม N.F.85 เหลือผู้รอดชีวิต 12 คน (จาก 23 คนในเดือนธันวาคม N.F.84) และได้ Herbet ขึ้นเป็นกัปตันต่อจาก Fynn ก่อนจะเสียชีวิตลงในเดือนธันวาคม N.F.86
ในเดือนเมษายน N.F.88 Miles เจอวิธีกินเนื้อมอนสเตอร์ จนเดือนพฤศจิกายน N.F.89 ทุกคนตายกันหมด
แต่ร่องรอยต่อจากนั้นเปลี่ยนไปหมด มันเขียนไว้ว่า พยายามปลิดชีพตัวเองครั้งที่ 13 ล้มเหลว ครั้งที่ 506 กระโดดลงคลื่นน้ำดำ ล้มเหลว ครั้งที่ 2019 ล้มเหลว แต่เจอใครบางคนคลานออกมาจากคลื่นน้ำดำ ครั้ง 2020 คนจาก DisCity ยังมีชีวิต ประภาคารไฟดับ
Ceto เขียนบีนทึกที่แผ่นหินเสร็จ ก็ทิ้งตัวลงนอนบนผืนทราย มองท้องฟ้า ที่นี่ไม่มีพระอาทิตย์มานานหลายปีแล้ว รู้ว่าต้องคอยดูแลประภาคารตามหน้าที่ ต้องสู้ รู้วิธีซ่อมไฟ ปีนขึ้นห้องโคมไฟ แต่กลับมีอะไรความเอื่อยเฉื่อยบางอย่างรั้งเอาไว้ รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ แล้วทุกอย่างกำลังสงบแต่สักพักก็มีเสียงเหล็กตีกันดัง แก๊งๆๆๆๆๆๆ จน Ceto ยังต้องยกมืออุดหูตัวเอง ทนไม่ไหว ตะโกนไปว่า
"หยุดโว้ยยยย! หนวกหู!!"
Chief ที่กำลังพยายามป๊องแป๊งๆ ซ่อมไฟประภาคารก็หยุดลง รอบตัวมีแต่กองเหล็กที่เอามาจากเครื่องอะไรบ้างก็ไม่รู้ Chief มีการบอกด้วยว่า "ถ้าไม่อยากช่วยก็ไม่ต้องช่วย ทำเองได้" Ceto บอก “ใครจะอยากช่วยวะ” แถมไม่เชื่อด้วยว่าจะมีใครมาช่วย Chief ยังคงแพล่มกระดกแว่นต่อไปว่าตรงไหนใช้ได้ไม่ได้บ้าง แค่เปลี่ยนตรงนั้นตรงนี้ เสียง Chief น่ารำคาญเสียยิ่งกว่ายุงตอมหูสำหรับ Ceto อีก ซึ่งใช่ Chief จงใจพูดเยอะให้ Ceto รำคาญ Ceto ไม่ได้หลับหรอก แถมยิ่ง Chief พูด Ceto ก็ยิ่งขยับหนี Chief พูดย้ำว่าจะเริ่มตีเหล็กแล้วน้าาา(แต่มือถือกระป๋องเปล่า) Ceto ถึงได้ปากุญแจให้ดอกหนึ่ง บอกตำแหน่งว่า หาดใต้ ห้องใต้ถุน(รำคาญจัด)
เพิ่มเติม
-พอคุยเรื่อง DisCity ปาก Ceto บอกไม่อยากไปก็จริง แต่แววตาเป็นประกายอยากฟังเสมอ Chief เลยคอยเล่าเรื่อง DisCity ให้ฟัง และ Chief ถึงเริ่มเข้าใจว่า Ceto พูดน้อยเพราะ Ceto ไม่ได้คุยกับใครมาเป็นปีๆ แล้ว
-แบ่งผ้าห่มใช้กับ Ceto ก็ไม่โดนไล่ แถมมีการมอง Chief จนหลับไปด้วย
-Ceto ยอมบอกตรงๆ แล้วว่าปกติกินปลามาเนีย เนื้อมอนสเตอร์ แมลง อะไรก็ได้(Don't starve together)
-Chief เอาน้ำที่มีอยู่ไม่กี่หยด หยดใส่ต้นหญ้าที่ตุ๊กตาเม่นแล้วให้ Ceto ก็จะเห็นรอยยิ้มของ Ceto (นิดนึง)
Chief ลงมาหากล่องเครื่องมือ ทุกอย่างมืดมาก มีแค่ไฟสลัวๆ จากสายไฟฉุกเฉิน กลิ่นก็เหม็นจน Chief ยังกลั้นหายใจ ใช้กุญแจปลดล็อกเข้าไป เจอศพของ Herbert ที่กลายเป็นมอนสเตอร์ไปแล้วครึ่งหนึ่ง ประตูด้านหลังเปิดนิดๆ ที่เท้ามีกล่องเครื่องมือ หยิบมาได้ เห็นชุด Herbert ยุ่งก็อยากช่วยจัดให้ วางกล่องเครื่องมือลงดังแก๊งง ปลุกมอนสเตอร์ด้านหลัง Herbert ตาสีแดงเต็มไปหมด Chief เลยเริ่มวิ่ง เผ่นละจ้าาาาาา
เพิ่มเติม
-Ceto นึกถึงตอนที่ Herbert หายไป มีผู้ดูแลประภาคารที่ชื่อ Sienna อยู่ด้วย ในตอนนั้น Herbert ลงมาหา Hypercube แต่นานจน Ceto ตามลงมาช่วย แต่เห็น Herbert กลายเป็นมอนสเตอร์ไปแล้วครึ่งตัว โดนมอนสเตอร์โจมตี Herbert ขอให้ Ceto ปลิดชีพของเขา พร้อมฝากความฝันของเขาไว้ ว่าอยากเห็นหน้าลูกสาวอีกครั้ง ลูกสาวอายุประมาณ Ceto ด้วย
-เลือดของ Herbert ทำให้มีด Rancor ของ Ceto เงียบไปได้พักหนึ่ง
Ceto ยืนที่เดิมด้านบน เห็นสภาพ Chief ก็รู้ว่าไปเจออะไรมา บ่นจุกจิกจู้จี้กันแปปๆ (Chief ชินแล้ว) Chief ก็ถามว่าต้องทำยังไงต่อ? Ceto ไม่บอก Chief เลยบอกว่า ไม่ได้จะซ่อมกับเธอ จะซ่อมกับอดีตผู้ดูแลประภาคารต่างหาก Ceto ถึงกับมอง Chief แบบ เป็นบ้าไปแล้วเหรอ? เอากำลังใจมาจากไหนเยอะแยะ? Chief ก็พยายามพูดดี ร่าเริง แต่ร่างกายนี่ไม่ไหวมาก เสียเลือดเยอะ มาเนียปนเปื้อน แถมหิวโซ Chief กำลังแข่งกับเวลาอยู่ ไม่รู้แล้วว่าวันพรุ่งนี้จะยังตื่นได้ไหม
Chief แหย่ Ceto ไปเรื่อย ด้วยสกิลการสอบสวน Sinner ต่างๆ แหย่จนได้ข้อมูลทุกอย่าง รู้ว่ามีเรือที่จมน้ำอยู่ที่ทางตะวันออก มีเครื่องปั่นไฟจมน้ำพังไปแล้ว Chief เลยยิ่งต้องไปเพราะเครื่องปั่นไฟ Ceto ได้แต่งง บอกไปทำไมวะ?
[วิทยุ] ครั้งนี้เหมือนว่า Ark จะสู้กับเรือโจรอยู่ แต่เน้นการป้องกันซะมากกว่า แถมมีพายุทรายเพิ่งผ่านไป สั่งลูกเรือ หลากหลายชื่อให้ดูแลปฏิบัติการส่วนต่างๆ จนเรือจะไม่ไหวจริงๆ Ark ถึงเดินออกไปสู้เอง ได้ยินเสียงระเบิดนับไม่ถ้วนผ่านเสียงวิทยุมา เหมือนว่าจะไล่โจรไปได้ แต่เครื่องยนต์เรือของ Ark ก็เสียเช่นกัน
เพิ่มเติม
-Chief หอบมาก ทั้งๆ ที่วิ่งนิดเดียว เลยรู้ว่าสภาพร่างกายแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ไม่บอก Ceto หรอก
-ตา Chief ตอนนี้เบลอมากๆ มองอะไรไม่ชัดแล้ว ร่างกายจะไม่ไหว
-เวลาทำอาหาร Ceto แบ่งให้ Chief กินคนละครึ่งเสมอ เป็นกฎของผู้ดูแลประภาคาร Chief ถึงกับถามว่า แปลว่า Chief เป็นหนึ่งในผู้ดูแลแล้วเหรอ? Ceto เปลี่ยนเรื่องคุยทันที
-Chief อยากทำหลุมศพให้ Herbert ดีๆ Ceto ปากแข็งว่าไม่อยากทำ แต่ในใจก็อยาก
-ถ้าเรียก Ceto ไปดูนกนางนวล Ceto จะโยนเศษอาหารให้นก แถมสีหน้าดูอ่อนโยนมากๆ
-เวลาเข้าป่าไปหาพืช Ceto ช่วย Chief ด้วย
-เอาปลาผสมกับพืชมอส ทำมอสบอล ถ้าแบ่งให้ Ceto Ceto ก็จะแบ่งเนื้อตากแห้งให้ Chief
Ceto พูดไว้ว่าตรงนี้มีซากเรือกู้ภัยเล็กๆ เมื่อก่อนใช้ล่องออกไปหาของกิน Chief เลยมีความหวังว่าอย่างน้อยๆ ก็อาจจะใช้ล่องออกไปจากเกาะได้ หรือไม่อย่างน้อยก็เอาเครื่องยนต์ออกมา ใช้วิธีเชือกผูกรอบเอวเอาไว้ แล้วพยายามเดินไปที่ซากเรือจมน้ำทีละนิด จนคลื่นน้ำดำลึกถึงคอ ค่อยๆ ว่ายน้ำอย่างช้าๆ พยายามไม่ปลุกมอนสเตอร์ทั้งหลายแหล่ที่อาจจะหลับใหลอยู่ใต้น้ำ พอเชือกที่เอวตึง Chief ก็ดำน้ำลงไป ห้าสิบเมตรเท่านั้น พอเจอเครื่องยนต์ แต่กลับเป็นเครื่องที่ต้องใช้มือหมุน(เครื่องปั่นไฟอัตโนมือ) แต่ก็เห็นว่ามีมอนสเตอร์ล้อมรอบ ที่จับหมุนมือด้านข้างมีร่องรอยมือที่กำแน่นไว้
Chief พยายามแยกเครื่องปั่นไฟออกมา แต่เพราะออกซิเจนจะหมดแล้ว เลยรีบว่ายน้ำ ทำให้มีอะไรบางอย่างตื่นขึ้นมาใต้เท้า หันไปเจอ Miles ที่เป็นมอนสเตอร์ไปแล้ว พยายามจับ แต่ Chief ว่ายหนีออกได้ ผลักมอนสเตอร์ Miles ออกไป แต่วินาทีที่กำลังจะพ้นน้ำ ร่างกาย Chief ไม่ไหวแล้ว ตาพร่าจนบอดมองไม่เห็น ว่ายน้ำไม่ได้ Chief เลยพยายามดึงเชือกด้วยแรงแขนที่เหลือ สติเลือนราง มีอะไรรัดเอวก็ไม่รู้ แถมพยายามแย่งเครื่องปั่นไฟออกไปจาก Chief ด้วย Chief เลยพยายามสู้กับ‘มอนสเตอร์’ ตัวนี้ จนมือโดนตัว‘มอนสเตอร์’ Chief ถึงหยุดชะงัก แล้วก็มีคนเอาท่ออากาศยัดเข้าปาก ทำให้เริ่มหายใจได้ พร้อมกับแรงรัดที่เอวรัดแน่นขึ้น แต่ Chief ก็รู้แล้วว่านี่คือการมาช่วย เลยยอมจนโดนดึงขึ้นเหนือน้ำ
เพิ่มเติม
-Ceto เล่าว่า ในตอนนั้น คลื่นน้ำดำกำลังจะขึ้นสูง แต่ Miles ที่ล่องเรือออกไปกลับไม่กลับเข้าฝั่งสักที เรียกส่งสัญญาณไฟยังไงก็ไม่ขยับ ซึ่งในตอนนั้นเครื่องยนต์มันเสีย หยุดทำงาน Miles เลยเอาเครื่องปั่นไฟด้วยมือมาใช้ ซึ่งตามปกติแล้วต้องปั่นใช้แรงมากๆ คนธรรมดาแทบจะปั่นไม่ได้ Miles เลยยอมให้ Rancor กลืนกินตัวเขาแลกกับพลังมหาศาลที่จะปั่นเครื่องปั่นไฟ เพื่อพาเรือและเสบียงที่หามาได้กลับเข้าฝั่ง ร่างกายของ Miles ผิวแตกพุพอง มีควันโขมงออกจากผิวจนร่างกายเริ่มดำเกรียม กลิ่นเหมือนเนื้อย่างไม่มีผิด Ceto ในตอนนั้นรีบว่ายขึ้นเรือไป แต่ Miles ตายแล้ว แต่ร่างกายยังพยายามหมุนเครื่องปั่นไฟต่ออยู่เลย Ceto พาเขาออกมาไม่ได้เพราะต้องเอาอาหารออกไปให้คนอื่นๆ ด้วย สิ่งที่หามาได้มีแค่ เนื้อ 1 กระป๋อง ปลาหมดอายุ 2 กระป๋อง กับน้ำสะอาดนิดๆ หน่อยๆ ที่ลอยตามน้ำมาจากด้านนอก ประทังชีวิตทุกคนได้ 1 คืน ชีวิตของ Miles มีค่าแค่คืนเดียวเท่านั้น
-รอบก่อน Chief เป็นมอน รอบนี้ Ceto เป็นบ้าง ผลัดกันหลอน
-Chief เจอยาแก้ปวด เอาให้ Ceto แต่ Ceto ปฏิเสธ บอกว่ายานี้เป็นของ Sienna นางทนความเจ็บนิดๆหน่อยๆ ไม่ได้เลย
ขึ้นเหนือน้ำมาได้ Chief ก็คายท่อทิ้ง ตะโกนถาม “Ceto เหรอ!?” Ceto ถึงกับบ่น “ถ้าไม่ใช่แล้วจะใคร ผีเรอะ?” Chief เริ่มอธิบายว่าตอนนี้ตามองไม่เห็น Ceto ก็เข้าใจ บอกว่าเสียงเบาๆ เดี๋ยวปลุกพวกมอนสเตอร์ เราอยู่ห่างชายฝั่งค่อนข้างมาก รู้ด้วยว่ามอนสเตอร์ที่ตามมาคือ Miles Ceto พยายามว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง แขนข้างนึงจับ Chief อีกข้างจับเครื่องปั่นไฟ แต่ไม่ไหว มอนสเตอร์เร็วเกินไป Ceto เลยย้ายเชือกจากเอว Chief มาใส่ตัวเอง แล้วบอกให้ Chief ขึ้นฝั่งก่อน แล้วอธิบายว่า ที่ตามองไม่เห็นเพราะขาดออกซิเจนแถมร่างกายอ่อนแอ ถ้ามองเห็นแล้วให้ดึงเชือกพา Ceto กลับขึ้นฝั่ง Ceto ไม่อยากให้มอนสเตอร์พวกนี้ขึ้นฝั่งไป แล้ว Ceto ก็ปา Chief ขึ้นฝั่งอย่างกับปาหิน ขึ้นฝั่งมา Chief ก็ทำได้แค่ฟัง มีแต่เสียงมอนสเตอร์กับเสียงมีด ที่มาพร้อมกลิ่นเน่า ไหนจะเสียงมาเนียจาก Rancor ที่พยายามดูถูก Ceto อีก
Chief มองเห็นปุ๊บก็รีบดึงเชือก ฉุด Ceto ขึ้นมาทันที มีมอนสเตอร์ตามหลังมาข่วนหลัง Ceto จนเลือดกระฉูด แต่ Ceto ก็ยังคงนิ่ง แถมหันกลับไปผ่ามอนสเตอร์ออกเป็น 2 ซีกสะอาดๆ แล้วขึ้นฝั่งได้สำเร็จ
ทุกคนรอด ทั้ง Chief และ Ceto ต่างก็นอนแผ่หมดแรงเคียงข้างกันบนชายหาด ก่อกองไฟไว้ใกล้ๆ เพื่อความอบอุ่น และให้น้ำที่เปียกโชกชุดเสื้อผ้าที่ใส่ได้ระเหยออกบ้าง ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังตกดิน Ceto ไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์มานานแล้วก็นึกเสียดายที่ตกดินไวเสียเหลือเกิน แถมเริ่มสอนวิธีอ่านเมฆอ่านอากาศให้ Chief ด้วยว่าเมฆเคลื่อนตัวไวแบบนี้แปลว่าพายุคืนนี้หนักหน่วงแน่ Chief ก็บอก ปกติ Ceto ทำคนเดียวได้ แต่ตอนนี้เรามี 2 คนนะ Ceto ถึงกับยิ้มออกมากับความมองโลกในแง่ดีของ Chief ใบหน้าแห่งความหวังที่เหมือน Herbert และ Miles
Ceto เน้นย้ำว่าถ้าจะซ่อมไฟก็ต้องทำเลย ไม่งั้นก็ต้องรอพรุ่งนี้เช้า ซึ่ง Chief บอกว่ามีเรื่องด่วนกว่า นั่นคือการทำแผลให้ Ceto ก่อนที่ Ceto จะเถียงไม่ยอมได้ Chief ก็จิ้มแผลให้เจ็บซะเลย ใช้น้ำสะอาดที่มีอยู่น้อยนิดทำแผลให้ Ceto บอกไม่เจ็บ Chief เลยบอกว่าไม่เชื่อ เดี๋ยวจิ้มแรงๆ เลย Ceto ถึงกับโวยวาย แต่ทั้งคู่ก็ยิ้ม Chief ก็ค่อยๆ ทำแผลให้ Ceto อย่างเบามือ Ceto ก็ยอม ระหว่างนี้ก็คุยสัพเพเหระ แหย่กันไปมา ถึงจะฟังดูเหมือน Chief บ่น Ceto ซะมากกว่าก็เถอะ แต่ Ceto ก็เริ่มเล่าเรื่องนักดูแลประภาคารคนอื่นๆ ในทางกลับกัน Chief ก็เริ่มเล่าเรื่องตัวเองบ้างตั้งแต่ตอนเจอ Hella กับ Hecate เล่าเรื่อง DisCity ซึ่ง Ceto ตั้งใจฟังสุดๆ โลกที่ไม่ใช่คลื่นน้ำดำคือโลกที่ Ceto ไม่รู้จัก
เพิ่มเติม
-มิตรภาพคือเวทมนตร์
-มิตรภาพคือเวทมนตร์
Chief นั่งกินเนื้อมอนสเตอร์ย่างไปก่อน Ceto แค่นั่งมองเฉยๆ การอดอาหารมา 2 วัน เนื้อมอนสเตอร์ก็กลิ่นหอมน้ำลายไหลสุดๆ คำแรกเนื้อแน่นอร่อย เผ็ดนิดๆ เค็มหน่อยๆ กำลังอูมามิจน Chief แทบจะลืมไปแล้วว่านี่คือเนื้อมอนสเตอร์ Chief เห็น Ceto ไม่ยอมกิน นั่งมอง Chief กินอยู่คนเดียวก็ถามไป "ไม่กินเหรอ? หรือวางยาพิษไว้?" Ceto ตอบยิ้มๆ ว่าถ้าเกาะนี้มียาพิษให้ใช้ละก็ ไม่เปลืองวางยา Chief หรอก Chief เลยยื่นให้ 1 ไม้ Ceto จะดันออกแต่ก็ชะงักเพราะป้ายชื่อทหารที่ห้อยอยู่ที่ข้อมือของ Chief มีทั้งของ Miles และ Herbert (สาเหตุที่ Chief หาของนานนี่หว่า) Chief วางป้ายชื่อทั้งสองลงบนมือของ Ceto สายตาคู่นั้นก็จ้องป้ายชื่อบนมือตัวเอง กลิ่นเนื้อมอนสเตอร์ย่างก็ตลบอบอวลจน Ceto นึกถึงเรื่องเก่าๆ แล้วถึงยอมกินเนื้อมอนสเตอร์เพราะคำพูดของ Chief ที่บอกว่า Ceto คือคนเดียวที่ยังสามารถนำเรื่องของผู้ดูแลประภาคารทุกคนออกไปให้โลกรู้ ยิ่งกินก็ยิ่งอร่อย Ceto ได้เข้าใจว่าการมีชีวิตเป็นยังไงก็วันนี้แหละ
เพิ่มเติม
-Ceto เล่าว่า Miles เป็นคนคิดหาวิธีกินเนื้อมอนสเตอร์ มี Ceto กับ Sienna เป็นหนูทดลอง กินเยอะๆ ก็ไม่ดี แต่อย่างน้อยๆ ก็ประทังชีวิตได้
-Ceto นึกถึงที่ Herbert Miles และ Sienna คุยทะเลาะกัน(ขำๆ) เรื่องอาหาร อย่างแอลกอฮอล์ก็จะเก็บไว้ล้างแผล เอามาดื่มฉลองกันเพราะหาวิธีกินเนื้อมอนสเตอร์ได้แล้ว Ceto ในตอนนั้นก็ยังไม่โตมากพอให้ดื่ม เลยไม่ได้ดื่มด้วย แย่งปลากระป๋องไปกินแทน
ตกกลางคืน Ceto เริ่มเดินจากฐานประภาคาร นับก้าวเดิน เดินวนไปมาเหมือนทำพิธีอะไรสักอย่าง จนหยุดอยู่กับที่ ทำเครื่องหมาย แล้วเริ่มขุดดิน Chief กับ Ceto ช่วยกันยกอะไรสักอย่างออกมา หนักและเทอะทะสุดๆ สูงประมาณเอว Chief ถามว่ามันคืออะไร? Ceto ก็อธิบายว่า ชิ้นส่วนสุดท้ายในการซ่อมประภาคาร ก่อนจะคลี่ที่หุ้มออก เผยให้เห็นเลนส์หลอดไฟสำรองของโคมไฟ
[วิทยุ] ครั้งนี้เป็นเสียง Ark ที่พยายามพันแผลห้ามเลือด ช่วยให้ลูกเรือไม่ตาย (ลูกเรือที่จะตายคือ Aisha มีคนอื่นอยู่ด้วยเช่น Amir, Samuel, Abu) แต่สุดท้ายก็ตาย แถมพวกโจรทะเลทรายก็โจมตีไม่หยุด Ark เลยตัดสินใจโจมตีกลับ แถมสอนด้วยว่า ห้ามเมตตาต่อศัตรูใน WhiteSands แล้ว Ark ก็ไปบุกทำลายรังโจร
เพิ่มเติม
-เลนส์หลอดไฟสำรองได้มาจาก Sienna ที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายจากประภาคารที่ 2
-Ceto เกลียด Sienna ที่สุด
-Sienna สู้มอนสเตอร์จนตายในอ้อมแขนของ Ceto ไม่ร้องเจ็บปวดสักแอะ ผิดกับการที่ Sienna ไม่ชอบความเจ็บปวดมากที่สุด
-Chief ถามว่าถ้าออกไปได้ จะไป DisCity ไหม? Ceto ก็บอกไม่รู้ โตที่ประภาคาร ไม่เคยไป DisCity
-วิทยุปกติจะเป็นสถานีเดิมๆ วนไปวนมาจน Ceto เลิกฟังไปนานแล้ว แต่สถานีของ Ark เป็นของใหม่ Ceto ไม่เคยฟัง แถมเริ่มมีเพลงด้วย Ceto สนใจมาก
-Chief ไปนั่งพิงกระจกกับ Ceto มองดูพระอาทิตย์ตกดินจนเห็นดาวบนท้องฟ้าด้วยกัน
-ลองเอาตุ๊กตาเม่นให้ Ceto อีกรอบ Ceto จะบอกว่า Chief เอาไปก็ได้นะ Fynn เป็นคนให้ Ceto ตอนเด็กๆ
-Ceto แกะสลักไม้เป็นรูปเรือฆ่าเวลาไว้ Chief ขอ Ceto ก็ให้
การซ่อมประภาคารดำเนินไปอย่างราบรื่น ติดตั้งเลนส์ใหม่แล้ว วงจรไฟก็แห้งเรียบร้อยดี พ่วงไว้กับเครื่องปั่นไฟอัตโนมือ และใช่ Chief ลองปั่นไฟแล้วแต่ไม่มีแรงมากพอ(ก็เดาไม่ยากนะ) แต่ยังดีที่ประภาคารมีแบตไฟสำรองอยู่ ความหวังสุดท้าย แต่จะย้ายระบบไฟมันนานเกินไป เวลาไม่พอ ด้านนอกประภาคารตอนนี้น้ำเริ่มขึ้นแล้ว Chief ทำได้แค่ปั่นไฟด้วยมือต่อไป ปั่นมาครึ่งชั่วโมง แขนล้าไปหมด น่าให้ Ceto มาปั่นไฟเนอะ แต่ Chief ดันให้ Ceto คอยดูมอนสเตอร์ไปแล้ว แต่ Ceto ก็ปีนขึ้นมาหาพอดี
Ceto มาเตือนว่าที่ผิวน้ำ 27 องศา ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีการเคลื่อนไหว Chief หยีตาไปมองบ้าง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย แต่ไว้ใจสิ่งที่ Ceto เห็น ประสบการณ์เด็กฝึกงานจะเทียบกับรุ่นพี่อาวุโสได้ไงล่ะ Ceto บอกว่าเห็นกองเรือขนาดใหญ่มาก น้ำเสียงของ Ceto อึ้งมาก ก่อนจะถามต่อว่า เพื่อน DisCity ของ Chief มีเรือกันกี่ลำเนี่ย? Chief ตอบอย่างจริงใจว่า "เรือชั้นบัญชาการ เรือรบหลัก 3 ลำ และเรือคุ้มกัน 10 ลำ"
ทุกคนเงียบ จ้องตากันแปปเดียว Chief ก็หันไปปั่นไฟต่อดีกว่า ปั่นจนไฟขึ้นมาได้ 1% ปุ๊บ Chief จะพยายามส่งสัญญาณไฟ SOS ทันที Ceto คิดว่าต่อให้บอกไป เรือก็เข้ามาไม่ได้เพราะพายุฝน แต่ Chief ก็เถียงว่าอย่างน้อยๆ ก็ให้รู้ว่าอยู่ที่นี่ เน้นย้ำว่า มีคนรอให้ Chief กลับไป ประโยคนี้ทำให้ Ceto พูดอะไรไม่ออกแถมซึมหน่อยๆ
พายุในคืนนี้หนักหน่วงที่สุด Chief กัดฟันพยายามปั่นไฟ ปวดกล้ามเนื้อ ข้อแขนชาไปหมด Chief เซจะล้ม Ceto ก็มาจับไว้ แล้ว Ceto พูดว่า "พายุกับมอนสเตอร์น่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง" แล้วก็เอาป้ายชื่อทหารที่ Chief เก็บกลับมาให้ ผูกติดไว้กับเข็มขัดตัวเองเรียบร้อย Ceto ถือมีดตัวเองขึ้นมาแล้วหันหลังให้ Chief เพื่อปกป้อง ยอมให้มีดหลอมรวมเข้ากับแขนตัวเองจนถึงข้อศอก ตา Ceto แดงขึ้นทันที สัญญาณที่บ่งบอกว่า Ceto กำลังแลกเปลี่ยนสติของตัวเองกับพลังของ Rancor
Ceto สู้เรื่อยๆ Chief ก็ปั่นไฟเรื่อยๆ ไฟขึ้น 2% แต่อุปกรณ์มันก็เก่าจนไม่น่าไว้วางใจว่า 2% จริงๆ ขอปั่นต่ออีกหน่อย Ceto ก็พยายามยื้อเวลาต่อ สั่งให้ Chief ชวนคุยเรื่อยๆ ด้วย เพื่อที่เสียงของ Rancor จะได้ไม่กลืนกินสติของ Ceto ไปหมด
Chief เลยชวนคุยว่า "สองวันที่แล้วที่ Chief โผล่มา Ceto คงเกลียดมากแน่ๆ อยู่ดีๆ ก็มีคนมาขัดจังหวะจะจบชีวิตตัวเอง" Ceto ถึงกับขำแห้งง Chief พูดต่อ "ที่ Ceto พยายามห้ามไม่ให้ Chief ขึ้นไปที่ห้องโคมไฟวันแรกๆ ก็เพราะกลัว Chief จะเจอแผนของ Ceto ทำให้แผนพัง" Ceto บอก "ใช่ Chief น่ารำคาญมากกว่าที่คิดไว้"
Chief พูดอีกว่า "Ceto คิดว่าการปกป้องที่นี่มันไร้ค่า ไม่มีเป้าหมาย ไม่เชื่อว่า DisCity จะมาช่วยจริงๆ แถมไม่ได้อยากออกจากที่นี่ด้วย… แต่ถ้างั้นแล้ว ทำไมถึงช่วย Chief ล่ะ? ทำไมถึงบอกวิธีซ่อมไฟ? ทำไมถึงยังสู้อยู่!?" Ceto บอก "ไม่รู้ ไม่รู้ว่า DisCity เป็นยังไง แต่... อยากจะพาพวกเขากลับบ้าน"
Chief ไม่รู้แล้วว่าผ่านมากี่ชั่วโมง แต่มือตอนนี้พังจนเลือดซิบ เหงื่อก็ไหลเข้าแผลจนแสบ แต่อย่างน้อยๆ ไฟก็ปั่นจนขึ้นมา 5% แล้ว Chief กดสวิตช์เปิดไฟ วินาทีที่ความฝันอาจจะเป็นจริง Ceto นึกถึงคำพูดของทุกคน แสงจ้ามากจนทุกอย่างอบอุ่นไปหมด Chief ส่องแสงสัญญาณไปทางที่ Ceto บอกว่าเห็นกองเรือ แสงไฟกะพริบเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจ แต่หมอกก็ทึบลงเรื่อยๆ จนกระทั่ง..
เสียงแตรเรือดังลั่นทะลุความเงียบทุกอย่าง 3 ครั้ง Chief รู้ทันทีว่าเป็นกองเรือของ Rancor เงาเรือขนาดใหญ่เริ่มชัดและเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเปิดส่องไฟขนาดใหญ่มาที่ประภาคาร
Ceto หยิบคำถามของ Chief ขึ้นมาอีกครั้ง ว่า Ceto อยากไปด้วยรึเปล่า ว่าเอาจริงไหม? Chief ถึงกับยิ้มแซวว่า "เปลี่ยนใจแล้วเหรอ? ไม่อยากจบตัวเองแล้วเหรอ? จะขอมาด้วยกันเหรอออ?" Ceto พ่นลมหึออกมา แต่ก็ยิ้มแล้วบ่นว่า "พูดมากจริงๆ"
Ceto เริ่มคำนวณสถานการณ์ว่า ด้วยสภาพอากาศพายุขนาดนี้ เรือคงมาถึงตอนเช้า แถมต้องคอยเปิดไฟไว้ตลอดทั้งคืนด้วย แล้ว Ceto ก็ขยับไปประจำที่เดิม ปกป้อง Chief อีกครั้ง
อีก 10 วัน 14 ชั่วโมง 12 นาที ก่อนที่ปฏิบัติการ BR-005 จะเริ่มต้นขึ้น
Chief เลยใช้ shackle ซะเลย ไม่ปล่อยให้ Rancor กลืนกิน Ceto หรอก เมื่อเชื่อมกันด้วย shackle แล้ว คำพูดก็ไม่จำเป็น ทุกคนก็เข้าทำงานประจำที่ Ceto ยังชวนคุย ว่าที่พนันกันวันแรกจำได้ไหม? Chief บอกจำได้ Ceto พนันไว้ว่าจะไม่มีใครรอดจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้ Ceto เลยชวนพนันอีกสักรอบ ของรางวัลคือสูตรอาหารของ Miles ขอพนันว่า ทั้ง Chief และ Ceto จะได้เห็นพระอาทิตย์ของพรุ่งนี้เช้า!
เหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมง 13 นาที 5 วินาที กว่าเช้าจะมาถึง
[ย้อนนิดนึง] ในตอนที่ Chief เดินขึ้นประภาคารจะไปซ่อมไฟ ไหว้วานให้ Ceto แบกเลนส์หลอดไฟสำรองขึ้นไปติดตั้ง ยังเดินตัวเซแทบจะล้มทั้งยืน Ceto รู้ดีว่าร่างกายชาว DisCity ที่ไม่ได้ฝึกฝนอะไร ทนไม่ได้นานหรอก ตาบอดไปชั่วครู่ว่าแย่แล้ว แต่ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นมากกว่า แต่เหมือน Chief จะรู้ว่า Ceto คิดอะไร เลยชวนคุยต่อว่า "ตอนที่ตาบอดไปชั่วขณะ ถึงมันจะมืด ว่างเปล่า ไม่มีทางไป ไม่มีคู่มือนำทาง แต่นั่นก็แปลว่า ไม่มีอุปสรรคเช่นกัน ทำได้แค่ว่ายน้ำต่อไป เพราะรู้ดีว่าในตอนนั้นไม่มีอะไรนอกจากคลื่นน้ำดำและมอนสเตอร์ที่ตามหลัง ว่ายไปเดี๋ยวก็เจอชายฝั่ง" Ceto ฟังแล้วก็ได้แต่เกลียดการมองโลกในแง่ดีเกินไป คำพูดที่ว่างเปล่าทำให้อิ่มท้องไม่ได้ แต่ Chief ก็ยังพยายามเดินหน้าเข้าความหวังที่แทบจะเป็นไปไม่ได้อย่างโง่เขลา คนแล้วคนเล่าที่ตายจาก Ceto ไปพร้อมกับความหวังพวกนี้
แต่กองเหล็กที่ Ceto สร้างกันมอนสเตอร์ไว้ล้มลงแล้ว ทำให้เริ่มมีมอนสเตอร์มากมายหลั่งไหลเข้ามา Ceto พยายามพูดให้กำลังใจ แต่มือที่จับมีดไว้ก็เริ่มสั่นหมดแรงเช่นกัน
มอนสเตอร์ปีนประภาคารเยอะจนหอคอยเริ่มสั่น Ceto หันไปมอง Chief ที่เริ่มไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่ Chief ก็ยังพยายามยิ้มสู้ บอกว่า "ไม่ต้องห่วง...ฉันได้คะแนน B+ ในแบบทดสอบร่างกายของ MBCC มาแล้วครั้งหนึ่ง..." แต่ Chief ก็ไม่ไหวแล้ว ร่างกายทรุดจนแทบทรงตัวไม่ได้ shackle ที่ผูกกับ Ceto ไว้ก็ขาด แบตเตอรี่ที่มีเหลือก็มีไม่ถึง 1% แล้ว
Ceto พยายามคิดมากๆ ว่าทำอะไรได้บ้าง Fynn เคยสอนอะไรบ้าง นึกถึงกฎผู้ดูแลประภาคารที่เคยท่องไว้ตั้งแต่เด็ก แล้วนึกถึงกฎข้อที่ 3 ได้ ข้อที่ใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้น นั่นคือการใช้สัญญาณ semaphore Ceto ในตอนเด็กฝึกท่ามกลางพายุทรายที่มองยาก Ceto จึงทำได้แน่นอน
เหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง 26 นาที 35 วินาที กว่าเช้าจะมาถึง
นึกออกแล้ว Ceto รีบขอมือ Chief ซึ่งงงมาก ขอทำไม? แต่ Ceto ไม่สน ฉีกแท่งเหล็กเล็กๆ พังๆ จากชุดตัวเองออกเพื่อเอาผ้าสีมาพัน Ceto สั่งให้ Chief ไปยืนทำสัญญาณตามสิ่งที่ Ceto เขียนบนมือของ Chief ที่กระจกฝั่งตะวันตกเพราะยังใส ไม่แตก และไม่มีมอนสเตอร์ ให้ทำซ้ำๆ หันไปทางทะเลแล้วอย่าหันกลับมามอง Ceto "ทำตามกฎข้อที่ 3 ของผู้ดูแลประภาคารซะ ต่อจากนี้ เธอคือแสงนำทางประภาคาร อีกไม่นาน เราจะได้เห็นแสงรุ่งอรุณ…”
เพิ่มเติม
-เหมือนว่าก่อนหน้านี้ Chief ทดสอบสุขภาพร่างกายได้คะแนน B แปลว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นนิ๊ดดดนึงงงง
Chief ยังงงๆ อยู่เลย แต่โดนผลักให่ไปที่กระจก Chief ก็ทำตามที่โดนบอก Ceto คอยสู้กับมอนสเตอร์ต่อแต่ก็ยังดู Chief เรื่อยๆ พูดสั่งให้ชูแขนให้กว้างขึ้นบ้างอะไรบ้าง เพื่อดึงสติ Chief Ceto ถามว่าเห็นกองเรือบ้างไหม Chief ก็ตอบว่าพอจะเห็นไฟสีแดง เข้ามาใกล้มาก! Ceto ก็ดีใจ ถ้า Chief เห็น แปลว่ากองเรือก็เห็น Chief เช่นกัน
สัญญาณครั้งที่ 3 เลือดอุ่นๆ ของ Ceto กระเซ็นโดนหลังคอ Chief แต่ปาก Ceto ยังคงสั่งให้ Chief ทำสัญลักษณ์เป็นจังหวะให้ถูกต้อง จนมีเสียงเหล็กทิ่มลงที่พื้น ไม่นานก็มีกองเลือดที่เท้า Chief ก็ยังคงทำอยู่ จนสัญญาณครั้งที่ 15 Chief ถามอะไรไป Ceto ก็ไม่ตอบแล้ว Chief อดใจไม่ได้ ต้องหันไปมอง เห็น Ceto ยังคุกเข่าสู้ แต่โดนแท่งเหล็กทิ่มทะลุซี่โครงไว้ Ceto ยังคงตามุ่งมั่นกับการโจมตีมอนสเตอร์อย่างไม่ลดละ นึกถึงเสียงของพวกพ้องที่ให้กำลังใจ พยายามปกป้อง Chief ที่เป็นแสงนำทางประภาคารในตอนนี้ ก่อนจะพูดว่า "กลับบ้านให้ได้นะ" แล้ว Ceto ก็สลบไป
เพิ่มเติม
-สัญญาณที่ Ceto ให้ไปทำ Chief รู้จัก
เพิ่มเติม
-สัญญาณที่ Ceto ให้ไปทำ Chief รู้จัก
Ceto รู้สึกเหมือนจมน้ำอยู่ แล้วถึงได้ยินเสียงเท้าเดิน รองเท้าที่ก้าวเดินอย่างมั่นคงและชัดเจน ลืมตามาเห็นผู้ดูแลประภาคารคนอื่นๆ Lia เข้ามาหา Ceto เป็นคนแรก ถามว่าเหนื่อยรึเปล่า? ถ้าเหนื่อยก็เข้ามานอนในคลื่นน้ำดำด้วยกันก็ได้นะ Sienna โผล่มา ก็เป็นห่วงเรื่องบาดแผลบนตัวของ Ceto ส่วน Miles ถามว่าหิวรึเปล่า? แล้วเตะกระป๋องอาหารที่เน่าแล้วให้ Ceto ก่อนจะกลายเป็นมอนสเตอร์ ส่วน Herbert บอกว่า ทุกครั้งที่มอง Ceto จะนึกถึงคำสัญญาว่าจะกลับบ้านไปหาลูกสาวทุกๆ ครั้ง ส่วน Fynn เป็นคนเจอ Ceto ที่ WhiteSand ตั้งแต่ตอนยังเล็กมากๆ สูงยังไม่เท่าดาบของนาง เก็บมาเลี้ยงเพราะเด็กที่เห็น Rancor มักจะกลัวจนกรีดร้อง แต่ Ceto กลับเข้าไปพิงนอนข้างๆ Rancor เหมือนลูกแมว มองว่าเป็นความหวังของทุกคน แต่ทำไมถึงทำให้ทุกคนตายแบบนี้ แล้ว Fynn ก็เริ่มปะทะดาบกับ Ceto แต่ Ceto รู้ดีว่านี่คือมาเนียที่กำลังหลอก สู้จนเจอกับมาเนียจาก Rancor ที่ปั้นร่างเป็น Ceto ขึ้นมา เพื่อย้ำความทรงจำของ Ceto
ความทรงจำที่ย้ำ คือตอนที่ Ceto เหลือตัวคนเดียวตอนเด็กๆ ลากศพ Sienna ไปฝังที่ชายหาด อยากจะแบ่งบิสกิตอันสุดท้ายให้ แต่สุดท้ายก็ต้องกินเองเพราะไม่มีใครกิน แล้ว Ceto ก็เอามีดแทงทะลุหัวใจตัวเองเพื่อนอนลงข้างๆ Sienna แต่ Ceto ก็ไม่ตาย ตื่นขึ้นมาอยู่ดี เคยปามีด Rancor ทิ้งลงทะเลไป แต่มีดก็กลับมาหาอยู่ดี ยอมอดอาหารจนไม่มีเสียงพูด
มาเนียจาก Rancor ไม่ยอมให้ Ceto ตายเพราะชอบความสิ้นหวังที่ Ceto มอบให้ แต่ในเมื่อวินาทีนี้ Ceto อยากมีชีวิตแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้ Ceto มีชีวิตอยู่อีกต่อไป ก่อร่างขึ้นมาเป็นบอส Ceto ที่ใช้ชื่อว่า ความปรารถนาของ Rancor
เมื่อสู้ชนะแล้ว มีด Rancor ลอยอยู่ตรงหน้า Ceto สะท้อนภาพอดีตและความทรงจำที่ให้เห็น ตั้งแต่วันที่ก้าวเข้าสู่สนามรบครั้งแรก ตื่นขึ้นมาเจอ Fynn อุ้มอยู่ วันที่ฝึกใช้มีด Rancor ครั้งแรก ความรู้สึกสิ้นหวังวันแรก กลิ่นเลือดต่อจากนั้น
เสียงธงที่สะบัดไปมา ดังกึกก้องอยู่ข้างหลังพร้อมเสียงพูดท่องจังหวะของ Chief ต่อให้เลือดขึ้นตาของ Ceto จนแดงฉ่ำ แต่ Chief ยังคงยืนสู้อยู่ Ceto รวบรวมพลังเพื่อสู้กับมาเนียอีกครั้ง นึกถึงเรื่องราวดีๆในอดีต จับมีดให้เลือดหลั่งลงมากลายเป็นเปลวเพลิงที่มอดไหม้มิติความทรงจำแห่งนี้ ฟาดฟันมาเนียพร้อมเสียงป้ายชื่อทหารที่ห้อยอยู่ตรงข้อมือดังแก๊ง
Ceto ได้สติลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมแววตาที่แดงและมุ่งมั่นกว่าเดิม คว้าท่อเหล็กที่ทิ่มตัวเองออกเพื่อใช้เป็นอาวุธ แซว Chief ว่า "อยู่ทนนะเรา" Chief ถึงตอบว่า "รอเธอตื่นมานานละ" Chief เห็นกองเรือก็เข้าใกล้มาเรื่อยๆ แต่สภาพของทั้งสองคนไม่ไหวแล้ว Chief ไอเป็นเลือด Ceto ก็แรงจะหมด เพิ่มเติมคือ Chief ไม่ได้ยินเสียง Rancor จาก มีดของ Ceto แล้ว Chief แสดงความยินดีให้กับ Ceto ที่เอาชนะมาเนียจาก Rancor ได้ แต่จะฉลองตอนนี้ก็ยังเร็วไป
แต่แล้ว Chief ก็สลบ ไม่นานนักก็ได้ยินเสียง Ceto ถามว่า "เธอคือใคร?" คนที่เรารู้จักกันดี (Augustus) ก็ตอบว่า "นางไม่เคยเล่าเรื่องฉันให้ฟังเลยเรอะ? แต่พวกเธอเก่งกันมาก พวกเราจัดการต่อเอง" เบื้องล่างประภาคารมีกองกำลังทหารที่เริ่มเก็บกวาดไล่ฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมด Augustus รับตัว Chief ไปอุ้มด้วยท่าเจ้าหญิง เมื่อ Ceto มั่นใจว่าทุกอย่างจะปลอดภัยแล้ว Ceto ก็สลบตามไป
Chief ตื่นขึ้นมาเพราะ(แสบตา)แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง Ceto นั่งอยู่ข้างๆ ตื่นก่อนหน้าแล้ว แผลของทั้งคู่ได้รับการดูแลรักษาแล้ว มีแต่ผ้าพันแผลดีๆ ที่หาที่ประภาคารไม่ได้แน่นอน Ceto ที่อารมณ์ดีสบายใจแหย่ทันที "ตื่นแล้วเหรอ? หลังไหม้แดดหมดแล้ว" Chief พยายามจะลุกแต่ลุกไม่ขึ้น นอนแผ่เป็นปลาดาวได้อย่างเดียว ถึงแดดจะส่องแรง แต่ก็ดีกว่าความหนาวเหน็บในหลายๆ วันที่ผ่านมา
เบื้องล่าง หน่วย Rancor ยังคงทำความสะอาดด้วยคำสั่งที่เสียงดังฟังชัดของผู้บังคับบัญชาการ(พูดผ่านลำโพง) Ceto ชวนคุยเรื่องที่พนัน Chief จะทวงสูตรอาหารของ Miles แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามอนสเตอร์จากคลื่นน้ำดำจะโดนกวาดล้างจนเกลี้ยงแล้วนี่… ไม่จำเป็นต้องรู้แล้วแหละ Chief ดีใจมากที่รอดพ้นมาได้ ประกาศเสียงดังว่า จะกินฉลองอาหารมื้อใหญ่ นอนหลับ ไม่ทำงาน 3 วัน 3 คืน! นับนิ้วด้วยว่าจะกินอะไรบ้าง ตั้งแต่สตูวร้อนๆ ไวน์น้ำผึ้งหวานจ๋อยจนปวดฟัน แล้วก็นอนบนเตียงนุ่มๆ Ceto แซวต่อ "ไหนว่ามีคนรออยู่ไง งานภาระที่สำคัญ" Chief บอก "เพราะแบบนั้นไง ฉันเลยต้องพักผ่อน จะได้พร้อมพานางกลับบ้านได้อย่างเต็มที่"
เพิ่มเติม
-Chief ติดหวานมาก
-Chief ติดหวานมาก
คำว่าบ้าน ทำให้ Ceto หันไปมองท้องฟ้า บ้าน DisCity ของพวกพ้องทุกคน แต่บ้านของ Ceto คือที่ไหนล่ะ? Chief ถามขึ้นมาว่า ประภาคารไม่ต้องมีคนคอยส่งสัญญาณแล้ว Ceto จะทำอะไรต่อ? Ceto ก็บอกว่า ไปดูรอบๆ อยากเห็นว่า DisCity เป็นยังไง แล้วก็จะไปดูที่อื่นๆ ที่อยากไป Ceto หยิบป้ายชื่อของผู้ดูแลขึ้นมาส่องแสงแดดอย่างมีความสุข
คลื่นน้ำดำลดลงแล้ว ซากมอนสเตอร์เกลื่อนไปหมด ซากอาวุธที่สนิมเขรอะก็เช่นกัน กองทัพ Rancor ยกธงพร้อมออกเดินทางแล้ว Chief ก็หันไปถาม Ceto อีกครั้งว่าจะไม่มาด้วยกันจริงๆ เหรอ? ใส่ชุดทหารแบบนี้ตกเป็นเป้าง่ายนะ Ceto ก็บอกว่า Ceto เป็นแค่เด็กกำพร้าที่ผู้ดูแลประภาคารรับเลี้ยง ไม่ใช่ทหารอะไรแบบนั้นหรอก ไม่อยากวิ่งไล่ตามพลังของมีดในมือ อยากหาประภาคารแห่งใหม่อยู่
ทั้งคู่มองไปที่เรือ DisCorps เห็น Augustus ยืนอยู่หัวเรือ โบกไม้โบกมือ เรียกให้ทั้งสองคนขึ้นเรือ Ceto ถาม "ไว้ใจว่านางจะช่วยเพื่อนของเธอกลับมาได้เหรอ? จะยังไงก็ขอให้เธอโชคดีแล้วกัน ไม่มีคำทำนายบนสนามรบหรอก ไว้เจอกันใหม่นะ หัวหน้าแห่ง MBCC ฉันมีข้อตกลงกับนายพลของเธอไว้แล้วล่ะ" Chief สงสัยว่าข้อตกลงอะไร แต่ Ceto บอกว่า "ถ้าอยากรู้ก็มาช่วยฉันสิ" Ceto เมิน Chief ที่อยากรู้ให้ได้ ไปหยิบดาบยาวๆ ที่สนิมเขรอะเล่มหนึ่ง แล้วบอกให้ Chief พา Rancor ที่ถูกทิ้งพวกนี้ ไปใช้งานในที่ที่พวกเขาควรอยู่เถอะ" Chief ก้มเงยๆ (นึกภาพซะว่าเก็บลูกแบดมินตัน) เช็ดโคลน เพื่อเก็บอาวุธ Rancor ทั้งหลายแหล่ ไม่ตื๊อเรื่องข้อตกลงแล้วก็ได้ แต่ Chief ก็พร้อมกลับแล้ว
เพิ่มเติม
-ตอนล่องเรือออก จะมีชื่อของผู้ดูแลประภาคาร(ทุกคนที่สำคัญกับ Ceto)พร้อมอายุบอกอยู่
-ตอนล่องเรือออก จะมีชื่อของผู้ดูแลประภาคาร(ทุกคนที่สำคัญกับ Ceto)พร้อมอายุบอกอยู่
อีก 5 วัน 5 ชั่วโมง 7 นาที ก่อนที่ปฏิบัติการ BR-005 จะเริ่มต้นขึ้น
ทหารหน้าใหม่ร่างบาง Chief ที่ฟังอยู่ในเงามืดมุมห้องตั้งนาน ถึงกับต้องอุทานว่า "อ่าว สรุป คลื่นน้ำดำมาเนียฝีมือ Adelaide หรอกเรอะ ไอ้สารเลวนี่..." ทั้งห้องถึงกับเงียบลงทันที ทุกคนหลบสายตา แต่ Augustus ยังคงมองอยู่เหมือนเดิม บอกว่า "ก็ไม่เชิง แต่ถ้าอยากไประบายอารมณ์ก็เชิญ ถ้าการทดลองอารัมล้มเหลวแล้วทำให้เกิดหายนะใหญ่อย่างคลื่นดำมาเนียได้ การไปทัศนศึกษารอบนี้ก็จะตึงๆ หน่อย Chief น้อยไปด้วยกันไหม? หรือจะให้เรียกว่า ‘ผู้บังคับบัญชา’ ดี?"
เพิ่มเติม
-เป็นครั้งแรกที่ Chief ใส่ชุดทหาร DisCorps
-เป็นครั้งแรกที่ Chief ใส่ชุดทหาร DisCorps
ที่สุสานด้านนอก DisCity มีป้ายสุสานอันหนึ่งที่ดีไซน์เก่าแก่โบราณ แต่รอบๆ มีแต่ดีไซน์สมัยใหม่ ป้ายนี้ถูกสร้างมาหวังว่าจะได้เอาไปไว้ที่สวนสาธารณะแห่งการจดจำของเมือง แต่ไม่ได้รับอนุญาต เลยต้องเอามาไว้ที่สุสานธรรมดา ทั้งๆ ที่ ชื่อคนเหล่านี้ควรจะถูกจดจำแท้ๆ
ของที่นำมาเยี่ยมมี แฮมเบอร์เกอร์ ไก่ทอด นิตยสารแฟชั่นเล่มล่าสุด แผ่นตลับเกม เครื่องสำอาง บุหรี่และแอลกอฮอล์ วางสิ่งที่สื่อถึงชีวิตของทุกๆ คนลงจนไม่มีที่วางของบนสุสานแล้ว
Ceto บอกลาว่า "คงอีกนานกว่าจะได้มาเยี่ยมอีกรอบ ห้ามบ่นล่ะ แต่ฉันเจอประภาคารแห่งใหม่แล้ว จะลองไปสมัครดู ไม่รู้จะรับฉันเข้าทำงานไหม เพราะฉันทำอะไรไม่เป็นหรอก นอกจากดูแลประภาคารกับสู้..." แต่ที่เอวของ Ceto มีตราประทับของกองดาบแตกร้าวแล้ว
และแล้ว ปฏิบัติการ BR-005 ก็ได้เริ่มต้นขึ้น...
เพิ่มเติม
-หลังประภาคารได้รับการดูแล Ceto ยังคงกลับมาอาศัยอยู่ที่เดิม พับเตียง ดูแลทำความสะอาดทุกอย่างเหมือนเดิม เวลาจะกินข้าวก็ยังวางช้อนส้อมไว้ให้อีกคนที่ไม่อยู่แล้ว เปิดฟังวิทยุ Ark เหมือนเดิม แถมครั้งนี้จะมาสอนวิธีทำผลไม้ตากแห้ง ในขณะเดียวกัน เริ่มมีนกนางนวลมาอาศัยอยู่ นำผลไม้แห้งมากินที่ประภาคาร Ceto เลยเอาเมล็ดผลไม้แห้งพวกนี้มาปลูก
























































